เมื่อสัปดาห์ก่อนเผอิญผมจับพลัดจับผลูได้เป็นตัวแทนของ Blognone ไปร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy Note ที่กำลังทำแคมเปญจ์ World Tour ตะเวนเปิดตัวตามหัวเมืองของทวีปต่างๆ หลังจากเปิดตัวที่แรก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ป้ายที่สองก็มาจอดที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานคราวนี้จัดวันที่ 8 พฤศจิกายน ณ โรงแรม Ritz Carlton Pacific Place ใจกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียครับ
งาน World Tour Galaxy Note คราวนี้มาในรูปแบบงานราตรี หรือกาล่าดินเนอร์ ในงานมีผู้สื่อข่าวจากหลายประเทศ และผู้บริหารของ Samsung มากันคับคั่ง จากภาพด้านล่าง(ไม่ชัดเท่าไหร่) จะเห็นว่าคณะจากประเทศไทยได้นั่งตรงกลางๆ เลยล่ะ ดูที่สีฟ้านะครับ
งานเปิดตัว Galaxy Note คราวนี้ต้องบอกว่าอลังการจริง เพราะว่าคีย์โน้ตใช้จอแสดงผลขนาดใหญ่ยักษ์แบบเดียวกับที่เคยเห็นในงานเปิดตัว Galaxy Nexus ที่ฮ่องกงนั่นเอง
แน่นอนว่าพระเอกของงานนี้คงหนีไม่พ้น Galaxy Note สมาร์ทโฟนที่ Samsung วางตัวให้เป็น All-in-one mobile device คือมีเครื่องเดียวใช้ได้ทุกอย่าง จุดเด่นคือหน้าจอ HD Super AMOLED 5.3 นิ้วความละเอียดระดับแลปท็อปในปัจจุบัน พร้อมปากกามากฟีเจอร์อย่าง S-Pen ส่วนสเปคที่เหลือดูได้จากข่าวเก่าครับ
ส่วนอีกเครื่องที่กลายเป็นพระรองไปแล้วอย่าง Galaxy Nexus ก็มาด้วยนะเอ้อ
นอกเหนือจากการโชว์สเปคบลา บลา บลา ของ Galaxy Note แล้วจุดที่น่าสนใจกว่าสเปคที่แรง "เหนือ" กว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดอย่าง Galaxy S II คือปากกา S-Pen นั่นเอง
ปากกา S-Pen ที่ติดมากับ Galaxy Note ตัวนี้แก้ข้อบกพร่องที่เจ้าอื่นเคยมีอย่างสามารถเสียบเก็บไว้ใต้ตัวเครื่องได้ (HTC Flyer ทำไม่ได้) และใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องการแบตเตอรี่ แต่ยังคงฟีเจอร์อย่างการรับแรงกดในการเขียน (Pressure - Sensitivity) ได้อยู่
ปากกา S-Pen จะมาพร้อมกับแอพลิเคชันในชุดสามตัวเรียกว่า S-Pen Experience ได้แก่ S-Memo, S-Planner และ S-Choice ซึ่งยังบอกไม่ได้มากว่าดีหรือไม่ จะพอสู้กับโน้ตแบบเป็นกระดาษจริงๆ ได้ไหม ไว้มีโอกาสได้ลองใช้จริงคราวหน้าจะมาบอกอีกครั้งครับ และสำหรับผู้ที่สนใจจะทำแอพฯ ที่รองรับ S-Pen ทาง Samsung จะปล่อยตัว S-Pen SDK ในช่วงเดือนธันวาคมครับ
ในระหว่างคีย์โน้ตนี้ Samsung ได้มีการแสดงความสามารถทางด้านการวาดภาพของเจ้าปากกา S-Pen ด้วยการให้นักวาดภาพดิจิทัลชื่อว่า Teddy Soegiarto มาวาดภาพบน Galaxy Note ประกอบการนำเสนอกันแบบสดๆ เลย (อันนี้คาดว่าต้องฝึกมาหนักมากเป็นแน่)
เท่าที่ดูจากคีย์โน้ต ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ S-Pen คือความสามารถในการแคปภาพบนหน้าจอที่ทำได้อย่างอิสระ (นึกถึงฟังชั่น lasso tool บน Photoshop แล้วจะเห็นภาพมากขึ้น) และความสามารถในการตัดต่อ-ตัดแต่งวิดีโอก็ทำมาได้น่าสนใจดี ส่วนที่ควรจะทำได้อย่างการเน้นคำ (annotation) ก็ทำได้เป็นมาตรฐาน
สำหรับเจ้า Galaxy Note มีกำหนดจะเข้าไทยวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้กับเครือข่าย AIS ครับ โดยราคายังไม่เปิดเผย แต่เทียบกับราคาที่เปิดตัวไปก่อนหน้าจากอินเดียที่ 34,990 รูปี (ราว 21,500 บาท) และจากป้ายโฆษณาในอินโดนีเซีย 6,490,000 รูเปียห์ (ราว 22,000 บาท) คิดว่าราคาในเมืองไทยคงไม่ทิ้งจากนี้มากนัก
หมดจาก Galaxy Note ไปแล้ว ก็ต่อด้วยสมาร์ทโฟนที่ Geek ทั้งหลายรอคอยอยู่อย่าง Galaxy Nexus ที่มาเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยสไลด์เดียวกับที่เปิดในงานเปิดตัวครั้งก่อนที่ฮ่องกงเด๊ะๆ ดังนั้นไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้ว ดูสเปคได้ที่ข่าวเก่าครับ
หลังจากจบคีย์โน้ต ทีมงาน Samsung แจ้งว่ามีเครื่องตัวจริงให้จับกันด้วย ดังนั้นเราไปดูเครื่องจริงกันดีกว่า ด้วยความลำเอียงของคนเขียน ขอพูดถึง Galaxy Nexus ก่อนนะครับ :P
ตัวเครื่องของ Galaxy Nexus แม้ว่าจะจอใหญ่ถึง 4.65 นิ้ว แต่ด้วยสัดส่วนจอภาพแบบ 16:9 ตัวเครื่องเลยออกไปทางยาวมากกว่า โดยรวมแล้วไม่ได้ทำให้จับยากขึ้นแต่อย่างใด (ผู้เขียนใช้มือถือจอ 4.0 นิ้ว) โดยรอบเครื่องวัสดุอาจไม่หรูนัก เป็นพลาสติกแทบทั้งเครื่อง แต่ก็แข็งแรงดี
ฝาหลัง Hyper Skin ที่ชูว่าให้สัมผัสที่นุ่มนวล และจับได้ถนัดมือนั้นพูดตามตรงมันก็คือฝาหลังของ Galaxy S II นั่นแหละ - -" ที่แย่กว่าคือฝาหลังแบบนี้ปิดให้สนิทได้ยากพอตัวครับ
เป็นที่รู้กันว่า Pure Google ของแท้ต้องมี NFC และเมื่อเปิดฝาหลังดูก็พบว่ามีพิมพ์คำว่า Near Field Communication ติดไว้บนแบตเตอรี่ด้วย เป็นไปได้ว่ารุ่นนี้จะยัด NFC เข้าไปรวมกับแบตเตอรี่ก็เป็นได้
เผอิญระหว่างที่ลองเล่นเครื่องใช้งาน Wi-Fi ได้พอดี เลยจัดแจงถ่ายรูปจากเครื่อง Galaxy Nexus มายั่วน้ำลายคนที่สนใจด้วยเลย งานนี้ต้องบอกว่าคุณภาพอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่เนื่องจากซอฟต์แวร์ยังไม่ใช่รุ่นสำหรับวางขาย แต่เรื่องความเร็วต้องบอกว่าหายห่วง ไวมาก! ใครที่สนใจภาพถ่ายจาก Galaxy Nexus กดไปดูได้ที่นี่เลยครับ
ต่อไปก็ถึงการลองจับพระเอกของงานอย่าง Galaxy Note แต่ยังไม่ทันได้จับก็ตกใจแล้ว ... มัน ... มันมีสีขาวด้วยอ่ะ! (ที่เห็นข้างๆ คือปากกาแบบใส่ที่สวมแล้ว หน้าตาเหมือนปากกาทั่วไปเลย)
ตัวเครื่องของ Galaxy Note บางในระดับเดียวกับ Galaxy S (แต่ไม่ได้ถ่ายมา :P) ฝาหลังแบบสีขาวจะต่างกับสีดำมาตรฐานนิดหน่อยตรงที่เป็นวัสดุแบบมันวาว เหมือนกับฝาหลังสีขาวของ Galaxy S II
เปิดล้วงดูไส้ในของ Galaxy Note ไปจ๊ะเอ๋กับแบตเตอรี่ขนาด 2,500 mAh ที่ขนาดต่างกับรุ่นเก่าไม่มากนัก แต่เพิ่มความจุไปได้มากพอตัว ส่วนภาพถ่ายจากหลังกล้องเจ้าตัวนี้ไปดูได้ที่นี่ครับ
ตู้โชว์ใกล้กันมีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Galaxy Note วางอยู่อย่างเป็นระเบียบเป็นนางงามตู้กระจก (จับไม่ได้ อดลอง)
เนื่องจากงานนี้มันอินเตอร์มาก แถมในงานก็ไม่มีสาวๆ ถือเครื่องให้ได้แชะภาพมาอวดกันเลย จึงขอปิดท้ายงานด้วยเมนดิชที่เลี้ยงในงานละกันนะครับ ส่วนใครสนใจภาพบรรยากาศในงานทั้งหมด คลิกดูตามชื่อเลยครับ บรรยากาศภายในงาน ของกินภายในงาน