พระเอกจากงาน IFA 2011 ประเทศเยอรมัน เจ้า Samsung Galaxy Note ที่ซัมซุงเคลมว่าเป็นอุปกรณ์พกพาแบบ All-in-one Device เครื่องเดียวใช้ได้แทบทุกประเภทงาน ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.3 นิ้ว ความละเอียดถึง 1,280 x 800 พิกเซล (นี่มันโน้ตบุ๊กชัดๆ)
หน้าตาโดยรวมของ Galaxy Note ใกล้เคียงกับการเอา Galaxy S II มาขยายร่างอีกเล็กน้อย เพิ่มสเปคอีกนิดหน่อย ดูสเปคทั้งหมดได้จากข่าวเก่า หรือสเปคจากเว็บไซต์ทางการซัมซุง
Galaxy Note วางขายแล้ว ณ ช็อปเอไอเอส และช็อปของซัมซุง สนนราคาที่ 22,900 สำหรับรุ่นความจุ 16GB
เกริ่นนำมาพอควรแล้ว รีวิวเลยละกันครับ
อย่างบอกไว้ก่อน หน้าตาของ Galaxy Note เหมือนกับจับ Galaxy S II ออกมาขยายขนาดขึ้น ความหนาของตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 9.65 มม. หน้าจอขนาดมหึมาถึง 5.3 นิ้วแบบ HD Super AMOLED ให้สีสันสดใส (ส่วนตัวชอบมากกว่า Super AMOLED Plus ที่สีสดเกินไป) ด้านหน้ามีปุ่มให้กดได้จริงๆ ปุ่มเดียวคือปุ่ม Home ข้างๆ เป็นปุ่มแบบสัมผัสคือ Menu และ Back ด้านบนเป็นกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์ต่างๆ
วัสดุโดยรอบของ Galaxy Note เป็นพลาสติกเคลือบโครเมียมสีขลับดำ เป็นรอยยากพอสมควร ฝาหลังเป็นพลาสติกพิมพ์ลายเหมือนกับ Galaxy S II สามารถบิดงอได้พอสมควรโดยที่ไม่หัก วิธีการดึงฝาหลังออกใช้เล็บงัดเอา สำหรับคนเล็บสั้นจะลำบากหน่อย เวลาปิดก็ค่อนข้างยากเช่นกันต้องเล็งดูเขี้ยวให้ดีว่าลงล็อกไปแล้วหรือยัง ด้านบนเป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED ส่วนมุมซ้ายล่างที่เห็นคือช่องใส่ปากกา S-Pen นี่ก็เอาออกมายากหน่อย ถ้าไม่มีเล็บ
ช่องเหนือปากกา S-Pen คือลำโพงช่องเล็กๆ แต่เสียงดังเกินตัวไปเยอะ
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม.
ด้านล่างมีช่อง microUSB (ไม่มีฝาปิด) และด้านขวาคือปากกา S-Pen
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เยื้องไปทางด้านบนมีปุ่มปรับเสียง ส่วนปุ่มปิด/เปิดเครื่องยังอยู่ด้านขวาตามมาตรฐานซัมซุงรุ่นบนๆ เหมือนเดิม
แงะฝาหลังดูด้านในของตัวเครื่องพบถาดใส่ซิมการ์ด ข้างๆ คือช่องเสียบเมมโมรี่ microSD และแบตเตอรี่ความจุถึง 2,500 mAh เปรียบเทียบขนาดกับแบตเตอรี่ของ Galaxy S ก็ไม่ได้ใหญ่กว่ามากนัก (และไม่ได้ฝัง NFC ไว้ที่แบตเตอรี่เหมือนกับ Galaxy Nexus ด้วย)
ถึงคิวของปากกา S-Pen ที่ซัมซุงภูมิใจนำเสนอ มีฟังก์ชั่นรองรับการกดได้ 128 ระดับเทียบเท่าคู่แข่ง แต่ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่!! และ S-Pen นี้ไม่ได้เป็นปากกาสำหรับหน้าจอ Capacitive เหมือนกับที่เคยเห็นใน HTC Flyer และ Lenovo ThinkPad Tablet แต่คาดว่าใช้เทคโนโลยีจาก Wacom แทน จากการทดสอบพบว่าใช้ร่วมกับอุปกรณ์จอสัมผัสรุ่นอื่นไม่ได้
ขนาดของ S-Pen นั้นเล็กพอสมควร มีปุ่มสำหรับใช้งาน Gesture อยู่ด้านล่างของปากกา (ถ่ายมาไม่เห็น - -")
การใช้งานปุ่มบน S-Pen ร่วมกับฟังก์ชั่น Gesture ตอนนี้มีอยู่สี่อย่างคือ กดแล้วลากไปทางขวาเพื่อ Back กดแล้วลากขึ้นบนเพื่อเรียก Menu กดค้างเพื่อแคปภาพหน้าจอ และกดปุ่มบนปากกาแตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเรียก S-Memo lite
หลายคนอาจยังกะไม่ถูกว่าหน้าจอ 5.3 นิ้วนี่ใหญ่ขนาดไหน เรามาลองดูว่าถ้าถือบนมือเดียวจะพอกุมไหวไหม ? (นายแบบเป็นคนอวบพอสมควร)
เทียบกับรุ่นน้องอย่าง Captivate (Galaxy S ของสหรัฐฯ) หน้าจอ 4 นิ้ว และ iPod Touch (ตัวแทนไอโฟน) หน้าจอ 3.5 นิ้ว
เทียบความบางตัวเครื่อง ล่างคือ Galaxy Note (9.65 มม.) บนคือ Captivate (9.9 มม.)
ฝาหลังของ Galaxy Note บางมากเหมือนกับ Galaxy S II และสามารถทนการบิดได้ประมาณนี้ ...
ทีนี้ก็หมดส่วนของฮาร์ดแวร์แล้ว ต่อไปดูกันว่าซอฟท์แวร์ของ Galaxy Note นั้นมีอะไรน่าสนใจ และเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
Galaxy Note มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 2.3.5 พร้อมอินเทอร์เฟซครอบ TouchWiz 4.0 ตัวเดียวกับที่ใช้ในซัมซุงตัวท็อปรุ่นใหม่ๆ อย่าง Galaxy S II และ Galaxy R ดูรายละเอียดได้จากรีวิว Galaxy S II
สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปอย่างแรกคือหน้าจอล็อกสกรีนคล้ายกับ Honeycomb ที่สามารถปลดล็อกจากจุดไหนของหน้าจอก็ได้ ด้วยการวางนิ้ว ตามด้วยลากออกจากวงกลม และยังสามารถแสดงผลสายที่ไม่ได้รับ ข้อความที่ยังไม่ได้อ่านได้ด้วย ต่อมาคือจำนวนบล็อกในหน้าแรก และ Drawer จากปกติสมาร์ทโฟนทั่วไปจะมี 4x4 ช่อง สำหรับ Galaxy Note ที่หน้าจอใหญ่-กว้างกว่าชาวบ้านกลายเป็น 5x5 ช่องไปแทน
Galaxy Note มาพร้อมกับแอพฯ ในชุด S-Pen อันได้แก่ S-Memo, S-Planner และ S-Choice ที่ปรับแต่งมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen และสามารถทำงานร่วมกันได้ เริ่มที่ตัวแรกกับ S-Memo ก่อนเลย
วิธีการเรียกใช้งาน S-Memo มีสองแบบ แบบแรกคือกดที่ไอคอน S-Memo ที่ Favorite Bar ด้านล่าง และอีกวิธีคือใช้ S-Pen เรียก S-Memo lite ขึ้นมาด้วยการกดปุ่มที่ S-Pen แล้วแตะหน้าจอสองครั้ง
S-Memo ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นตัวแทนของสมุดโน้ต ตั้งแต่ไว้ใช้จดบันทึกได้ทั้งผ่านการเขียนบนจอด้วย S-Pen และพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ด สามารถปรับแต่งชนิดของปากกา ขนาด สีของปากกา การเพิ่มภาพจากคลังภาพ Export ไฟล์ออกมาเป็น .PNG และเพิ่มไปยังแอพฯ ในกลุ่มอย่าง S-Planner ได้
อีกแอพฯ อย่าง S-Planner มีจุดที่เหนือกว่าแอพฯ Calendar มาตรฐานตรงที่สามารถสับเปลี่ยนมุมมองจากรายสัปดาห์ เป็นรายเดือน (รายวัน, รายปีก็ว่ากันไป) ได้ด้วยการกดปุ่มมุมขวาบน แล้วจะมีแท็ปขึ้นมาให้เลือก และสามารถย้ายอีเวนท์ง่ายๆ ด้วยการใช้นิ้วลากเลย
ตัวสุดท้ายอย่าง S-Choice เป็นแอพฯสำหรับแนะนำแอพฯที่น่าสนใจ อย่าง Galaxy Note ที่หน้าจอประหลาด และยังไม่มีแอพฯรองรับการใช้งานของ S-Pen มากนัก ในนี้มีแอพฯที่ใช้งานกับปากกาได้ทันทีอยู่หลายตัว (บางตัวดีกว่าแอพฯที่มาในเครื่องอีก)
นอกเหนือจากแอพฯในชุด S-Pen แล้วยังมีอีกสองแอพฯที่ประสบการณ์ใช้งานได้ดีขึ้นเมื่อมีปากกาคือ Photo Editor และ Movie Editor
Photo Editor นอกจากการปรับแต่งทั่วไปอย่างการปรับสี และใส่เอฟเฟก การใช้ปากกาเพื่อทำ Selection และวาดเพิ่มเติมทำได้ง่ายกว่าใช้นิ้วมาก
Movie Editor สามารถใช้ปากกาวาดลงไปบนวิดีโอได้เลย ปรับให้แสดงผลได้จากแถบสีฟ้าๆ (ถ้าใช้ปากกามาร์กไว้จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม) เมื่อรวมกับฟังก์ชั่นเดิมอย่างการใส่เสียง ใส่ภาพนิ่ง ฯลฯ ใช้ทำวิดีโอแบบง่ายๆ ได้ไว และง่ายมาก แอพฯทำงานได้รวดเร็วดี
จากสเปคชีทระบุว่า Galaxy Note (รหัส GT-N7000) รองรับการเชื่อมต่อระดับ HSPA+ ความเร็วสูงสุด 21Mbps เท่ากับ Galaxy S II ทดลองใช้กับซิม AIS ขึ้นสัญลักษณ์ H+ สอบถามจากคนที่ใช้งานกับเครือข่าย Truemove H ก็ขึ้น H+ เช่นกัน ฟันธงว่าใช้งานได้กับทุกเครือข่ายในประเทศไทยครับ
มัลติทัชรองรับสูงสุดที่ 10 จุด แต่ไม่เสถียรนัก ใช้งานจริงอยู่ที่ประมาณ 6-7 จุด และมีปัญหาลากนิ้วอยู่แล้วหลุดไปเฉยๆ ระหว่างการใช้ Swype เป็นบางครั้ง (น่าจะแก้ที่ซอฟต์แวร์ได้) ผลเบนช์มาร์คด้วยแอพฯยอดนิยมอย่าง Quadrant Advance ได้คะแนนราว 3500-3800 จุด คะแนนไปสูงตรงซีพียู และ I/O เป็นหลัก
การใช้งานโดยรวมของ Galaxy Note เรียกได้ว่าเป็นแอนดรอยด์ที่ลื่นมากเคียงคู่กับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy S II ซึ่งต้องยกผลประโยชน์ให้กับชิป Samsung Exynos ความถี่สัญญาณ 1.4 GHz ที่ยังเป็นชิปตัวแรงต้นๆ ของตลาด การดูวิดีโอปราบเซียนอย่าง FullHD 1080 คุณภาพสูงสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล (แนะนำให้ใช้ร่วมกับแอพฯที่รองรับการทำงานดูอัลคอร์อย่าง MX Video Player)
Galaxy Note รองรับทั้ง GPS และ GLONASS ใช้งานจริงสามารถจับตำแหน่งได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที ในสภาพต่อสามจี ประสิทธิภาพดีในระดับใช้งานได้จริงแบบคนใช้งาน Galaxy S ลืมฝันร้ายจากวันวานเก่าไปได้เลย
ด้วยขนาดที่ใหญ่เกินมือถือทั่วไป ทำให้ Galaxy Note นับเป็นรุ่นที่พกพาได้ยากรุ่นนึง สำหรับผู้หญิงคงพอเก็บไว้ในกระเป๋าได้ แต่สำหรับผู้ชายที่ใส่กางเกงรัดหน่อย อาจจะยัดไม่ลงเลยก็ได้ รวมถึงการออกแบบให้เครื่องมีด้านกว้างพอสมควร (ราว 9 ซม.) ทำให้การใช้งานเครื่องด้วยมือเดียวจะลำบากพอตัว สำหรับคนมือเล็กอาจเอื้อมไปกดอีกด้านของจอไม่ได้ หรือเลื่อน Notification Bar ไม่ได้ อันนี้ต้องไปลองจับเครื่องจริงดูครับ
แบตเตอรี่ของ Galaxy Note เรียกเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งเลยก็ได้ ด้วยขนาดมโหฬารที่สุดแล้วถึง 2,500 mAh สามารถใช้งานพ้นวันอย่างสบายๆ จากการทดสอบสามารถใช้งาน tethering สามจีได้เกิน 5 ชั่วโมง และรันวิดีโอทิ้งไว้ได้ราว 8 ชั่วโมงด้วยกัน
กล้องของ Galaxy Note ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลโดยฟังก์ชั่นแล้วเท่าเทียมกับ Galaxy S II ทุกประการ แต่จากการใช้งานจริงพบว่ายังมีบางจุดที่ยังไม่ดีพอคือความเร็วชัตเตอร์ยังช้าเกินไป และไม่สัมพันธ์กับหน้าจอ สำหรับคนที่ยังไม่ชินน่าจะทำให้ถ่ายวืดไปได้หลายครั้งถึงจะรู้ตัว - -"
การถ่ายภาพพร้อมเปิดแฟลช: แฟลชของ Galaxy Note ถือว่าพอเหมาะ ใช้งานหวังผลในระยะ 1-2 เมตร เปิดโหมดอัตโนมัติแล้วยิงแฟลชไม่ทำให้สีเพี้ยนมากนัก ดูเทียบได้เลย (บนปิดแฟลช/ล่างเปิดแฟลช)
แต่ว่าการถ่ายรูปด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้มันเจ๋งจริงนะ เต็มตาดี :D
ส่วนภาพที่เหลือสามารถดูได้จากที่นี่จ้า
วิดีโอถ่ายได้สูงสุดที่ 1080p 30 เฟรมต่อวินาที ตัวอย่างดูได้ด้านล่างเลยจ้า
จากการใช้งานระยะสั้นๆ พอจะบอกได้ว่า Galaxy Note ใกล้เคียงกับคำที่ซัมซุงเคลมไว้ว่าเป็น All-in-one Device เหมาะสำหรับคนที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตดี ราคาเปิดตัวอาจจะแพงไปหน่อยที่ 22,900 บาท แต่สิ่งที่เพิ่มมาจาก Galaxy S II คือชิปประมวลผลไวขึ้น (1.2 GHz เป็น 1.4 GHz) หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ละเอียดขึ้น ปากกา S-Pen และแบตเตอรี่ใหญ่กว่าเดิมถึง 1000 mAh แต่พกพายากขึ้นนะ :D