Linux Mint เป็น Linux distro หนึ่งที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Ubuntu โดยมีจุดมุ่งหมายเป็นระบบปฎิบัติการสำหรับผู้ใช้หน้าใหม่ในโลก Linux เนื่องจากเน้นความเรียบง่ายในการใช้งาน แถมยังไม่กั๊กความสามารถด้านมัลติมีเดียอีกด้วย
เรียกได้ว่าใครกำลังเบื่อๆ เซ็งๆ กับท่าทีของ Ubuntu อยู่ ถ้าได้ลองทำความรู้จักกับ Linux Mint ผ่านบทความนี้ดู อาจเปลี่ยนใจหันมาใช้แทน Unity เลยก็ได้ครับ
หน้าตาของ Linux Mint 11 (ต่อไปนี้จะขอเรียกย่อๆ ว่า Mint) นั้น ไม่ได้ต่างอะไรมากมายไปจาก Ubuntu 10.04 นัก (เนื่องจากอยู่บน Gnome 2 เหมือนกัน) แต่สำหรับ Mint 12 นี้ต้องถือเป็นก้าวกระโดดเลย เพราะเปลี่ยนไปใช้ Gnome 3 เวอร์ชันตกแต่งของตัวเอง ทำให้ยังคงความรู้สึกของ Gnome 2 อยู่ แต่ก็ดูทันสมัยและใช้งานได้ง่ายขึ้นครับ
ตัวไฟล์ Live DVD แบบมาตรฐานมีขนาดอยู่ที่ 1 GB ซึ่งก็ไม่น่าเป็นปัญหาเพราะคงติดตั้งผ่าน USB flash drive กันหมดแล้ว แต่ถ้าใครต้องการรุ่น CD ก็มีให้เลือกเช่นกันครับ
หน้าจอติดตั้งก็เหมือนกับ Ubuntu เลย กรอกข้อมูลต่างๆ ไประหว่างรอติดตั้ง หรือจะเล่นเน็ตรอก็ย่อมได้
มีให้ถ่ายรูปติดบัตรผู้ใช้ด้วย!!
เมื่อติดตั้งเสร็จ reboot ใหม่อีกรอบก็จะเจอหน้าจอแบบเดิมๆ พร้อมข้อความต้อนรับ
เอาหละ มาดูดีกว่ามีอะไรให้เล่นบ้าง
ภาพรวมมุมซ้ายบนเป็นปุ่มรูป infinity ขวาบนเป็นแถบแสดงสถานะต่างๆ ซ้ายล่างมีปุ่มเรียกเมนูและแสดงเดสก์ท็อป ส่วนขวาล่างเป็นตัวบอก workspace (ที่มีแค่อันเดียว?) พร้อมเครื่องหมาย ! อยู่ริมสุดครับ
หลังจากลองเรียกโปรแกรมซักตัวขึ้นมา จะเห็นว่าที่มุมขวาล่างมี workspace เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
เมื่อนำเมาส์เลื่อนไปชนมุมซ้ายบนหรือกดที่ไอคอนรูป infinity (หรือกดปุ่ม Super key) จะเป็นการเรียกเมนูและ workspace ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับ Mission Control บน Lion พอสมควรเลย
ส่วนการย้ายโปรแกรมข้าม workspace นั้น ไม่ใช่การลากโปรแกรมไปทางซ้าย-ขวาอีกแล้ว แต่ต้องเรียกเจ้า Mission Control นี้ขึ้นมา แล้วลากหน้าต่างโปรแกรมจาก workspace เดิมไปวางไว้ที่ workspace ใหม่ครับ
โปรแกรมที่เขียนมาให้ใช้กับเมนูของ Gnome ได้ ก็สามารถเรียกผ่านแถบสถานะได้เช่นเดิมครับ
จะเพิ่มเติมขึ้นก็ตรงแถบด้านล่างนี้ ที่คอยแสดงสถานะที่เปลี่ยนไปของระบบ อย่างเช่นเปลี่ยนเพลง, เชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่ ฯลฯ ซึ่งความแตกต่างจากส่วนแจ้งเตือนของ Ubuntu คือ เมื่อเราเอาเมาส์ไปคลิ๊ก เราจะสามารถควบคุมการทำงานบางอย่างของมันได้ เช่น เลือกให้ข้ามเพลง, ยกเลิกการเชื่อมต่ออุปกรณ์ เป็นต้น
ถ้าหมดเวลาแสดงสถานะจนแถบนี้เก็บไปแล้ว เมื่อต้องการเรียกแถบนี้ขึ้นมาอีก สามารถทำได้โดยกดปุ่ม ! ที่มุมล่างขวาครับ
ร้านค้าโปรแกรมบน Mint 12 ถือว่าพัฒนาขึ้นมาเยอะ แต่ดูแล้วยังไม่สวยงามน่าใช้เท่าฝั่ง Ubuntu
ทิ้งท้ายด้วยภาพพื้นหลังที่แถมมาให้ รอบนี้ไม่ได้มีแต่สีเขียวๆ อย่างเดียวแล้ว ยังเพิ่มโทนสีฟ้ามาด้วยครับ
ผมไม่แน่ใจว่ามีใครเจอบั๊กแปลกๆ นี้หรือเปล่า เนื่องจากผมลง Mint 12 คู่กับ Ubuntu ไปด้วย เมื่อลงเสร็จแล้ว reboot เข้าไปจะเจอ grub rescue แทน (ซึ่งตอนที่ลง Mint 11 บนเครื่องเดิมนั้นไม่ยักเจอ)
อีกเรื่องเป็นของ workspace ที่ตอนเข้าไปดูแบบ Mission Control บางที่ก็ไม่แสดง workspace บางที่เมื่อปิดโปรแกรมจนหมด workspace นั้นแล้วก็ไม่ทำลาย workspace ทิ้งให้ครับ
ข้อดี
ข้อเสีย
ถ้าชอบ Unity อยู่แล้ว ก็อยู่กับ Ubuntu ต่อไป แต่ถ้าทนไม่ไหว ลอง Mint 12 ดูไม่ผิดหวังครับ