เมื่อปีที่แล้วกระแสแท็บเล็ตโทรได้ของ Galaxy Tab รุ่นแรกที่ถูกปรามาสว่าเป็น Galaxy S เวอร์ชันขยายร่าง แต่กลับได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้ใจสาวๆ ที่ชอบพกมือถือไว้ในกระเป๋าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
วันนี้ Galaxy Tab กลับมาอีกครั้งในมาดใหม่ของ Samsung ยุคนี้ที่บางลง เบาลง และเสริมจุดเด่นด้วยการเพิ่มลำโพงสนทนามาให้เลย ไม่ต้องต่อสมอลทอล์ค หรือเปิดลำโพงกันอีกต่อไป
จากสเปคเปรียบเทียบกับ Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวกันมาในปีนี้ (ดูสเปคเปรียบเทียบได้ที่บล็อก poakpong.com) Galaxy Tab 7 Plus วางตัวเป็นแท็บเล็ตรุ่นล่างสุดของ Samsung แต่รองรับ 3G (ตัวที่ทดสอบรองรับ 900/2100 ได้ข่าวว่าตัวที่รองรับ 850 จะตามมาในภายหลัง) และเป็นแท็บเล็ตเครื่องแรกที่ใช้ชิป SoC ของ Samsung เองอย่าง Exynos ในราคาเปิดตัวต่ำสุดในไลน์ที่ 15,900 บาท
เกริ่นกันไปพอสมควรแล้ว มาดูหน้าตาที่เปลี่ยนไปของเจ้า Galaxy Tab 7 Plus กันเลยดีกว่า
การออกแบบของ Galaxy Tab 7 Plus จะเหมือนกับแท็บเล็ตรุ่นพี่อย่าง Galaxy Tab 10.1 ที่เน้นความบางเบา และโค้งมนเป็นหลัก วัสดุโดยรวมเป็นพลาสติกเพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบาเพียง 345 กรัม แต่ยังไม่เบาที่สุด เพราะตัวที่เบาที่สุดคือ Galaxy Tab 7.7 ชนะกันไปหลักสิบกรัมเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการประกอบแน่นหนาดีครับ
ด้านหน้าของตัวเครื่องถูกจูนมาให้เข้ากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Honeycomb ที่ใช้การสั่งงานจากหน้าจอทั้งหมด จึงไม่มีปุ่มที่ด้านหน้าเลย
ด้านหลังเครื่องเป็นพลาสติกมันสีขาวทั้งชิ้นแกะออกถอดแบตไม่ได้ เปื้อนได้ง่าย และเป็นรอยง่ายเช่นกัน (เห็นว่ามีแบบฝาหลังสีดำด้วย)
วกกลับมาด้านหน้าเครื่องส่วนบนจากที่เคยว่างเปล่าในรุ่นเก่า มีลำโพงสำหรับสนทนามาให้ด้วย แต่เวลาใช้งานจริงอาจต้องปรับพฤติกรรมกันหน่อย เพราะว่าตัวเครื่องใหญ่กว่าใบหูคนทั่วไปมาก หลายครั้งที่เล็งไม่ตรงหู ก็จะได้ยินไม่ชัด มีอาการเสียงก้องบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ข้างๆ เป็นเซนเซอร์วัดแสง วัดระยะห่าง และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ด้านล่างของเครื่องที่เคยมีแผงปุ่มเมนูอยู่ มารุ่นนี้อันตรธานหายเกลี้ยง เหลือเพียงโลโก้ Samsung ที่ย้ายจากด้านบน มาด้านล่างแทน
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่องสำหรับเสียบซิม และเมมโมรี่การ์ด ซึ่งรู้สึกว่ามันเสียบซิมยากกว่าเครื่องอื่นๆ ที่เคยใช้มาพอสมควร แต่ฝาปิดแน่นหนาดีไม่หลุดออกเองแน่ๆ
เหมือนเดิมตามประเพณีของ Samsung ที่จะวางปุ่มเปิด/ปิดเครื่องไว้ที่ด้านขวาบน ล่างลงมานิดเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียงหน้าตาเรียบๆ
ต่ำลงมาจากปุ่มเพิ่มลดเสียงจะเป็นสิ่งที่คนใช้มือถือในยุคแรกๆ รู้จักกันดี นั่นก็คือตัวส่งสัญญาณอินฟราเรด ที่ Samsung หวังจะให้ใช้งานแท็บเล็ตตัวนี้เป็น Smart Remote ระยะทำการของเจ้าอินฟราเรดนี้อยู่ที่ 8 ฟุต (ราว 2.4 เมตร) ซึ่ง Galaxy Tab 7 Plus เป็นรุ่นแรกที่รวมเอาอินฟราเรดมาด้วย ส่วนแบรนด์คู่แข่งที่พอทราบว่ามีอินฟราเรดก็คือ Sony Tablet S ที่เพิ่งขายไปไล่ๆ กัน (แต่ตัวขายจริงไม่มีนะ)
ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงพอร์ต 3.5 มม. และที่เห็นรูเล็กๆ นั่นคือไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับกรองเสียงรบกวน ซึ่งใช้อัดเสียงระหว่างถ่ายวิดีโอได้ด้วย
ด้านล่างของตัวเครื่องซ้ายขวาเป็นลำโพงคู่ Stereo ไมโครโฟนสนทนา และพอร์ตมาตรฐานสำหรับ Galaxy Tab (ที่หลายคนบอกว่ามันหน้าตาเหมือน 30-pins connector ของแอปเปิล แต่ใช้ร่วมกันไม่ได้นะ)
ด้านหลังตัวเครื่องมีกล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซลเท่ารุ่นเก่า มีแฟลช LED เหมือนเดิม
เผอิญได้ไปลองเทียบกับ Galaxy Tab รุ่นเก่ามา แต่ดันไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย ต้องบอกว่าแม้จะตัดแผงปุ่มเมนูด้านล่างออกไปหมดแล้ว แต่ขนาดกลับไม่ได้ต่างกับรุ่นเดิมเลย ที่เปลี่ยนไปเห็นชัดที่สุดเป็นส่วนหนาของเครื่องจาก 12 มม. เหลือ 9.9 มม.
จอของ Galaxy Tab 7 Plus ตามสเปคเป็น PLS LCD ที่ปั้นขึ้นมาแข่งกับจอ IPS เคลมว่าให้มุมรับภาพที่กว้างกว่าจอ LCD ปกติ ลองใช้จริงแล้วก็เป็นไปตามคุณสมบัติที่ระบุไว้ แม้ว่าจะมองจากด้านข้างมากๆ ก็ยังไม่เกิดอาการสีเพี้ยน ส่วนสีสันของจอนับว่าสดมาก เมื่อเทียบกับ LCD ทั่วไป
ที่แย่สุดของจอนี้คือมันหยาบไปเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตตัวอื่นในค่ายเดียวกัน เนื่องจากความละเอียดยังเป็น 1,024x600 พิกเซลอยู่นั่นเอง
ด้วยขนาดของหน้าจอ 7 นิ้ว ลืมไปเลยว่าจะใช้มือเดียวอย่างสะดวก (เว้นแต่ว่าจะนิ้วโป้งยาวพอ) และด้วยตัวเครื่องที่บางลงทำให้เวลาใช้เป็นโทรศัพท์จะมีลักษณะเหมือนเอานิ้วหนีบไว้โดยอุ้งมือจะไม่ได้สัมผัสด้านหลังเครื่อง คุยนานๆ แล้วปวดข้อมือ - -"
Galaxy Tab 7 Plus เป็นเหมือนกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ในค่ายคือใช้แอนดรอยด์ Honeycomb เวอร์ชัน 3.2 พร้อมอินเทอร์เฟซ TouchWiz สำหรับแท็บเล็ตที่ชื่อว่า TouchWiz UX
หน้าล็อกสกรีนเป็นเหมือนกับแอนดรอยด์ คือลากจากตรงกลางออกนอกวงกลมเพื่อปลดล็อก โดย Samsung จะใช้การลากจากจุดศูนย์กลางแบบนี้กับการรับสายโทรเข้าด้วย
หน้าโฮมสกรีนของ Galaxy Tab 7 Plus ถูกปรับไอคอนให้เป็นแบบ TocuhWiz และเพิ่มปุ่มแคปภาพหน้าจอเข้ามา (ไม่รู้ว่าพออัพเป็น ICS ที่แคปหน้าจอได้เองแล้วจะยังอยู่ไหม) ที่น่าสนใจคงเป็น mini app ที่เรียกใช้ได้จากสัญลักษณ์ ^ ตรงกลางของแถบ Action bar ซึ่งพอกดแล้วจะโผล่เป็นรายการแอพขนาดย่อส่วนเป็นหน้าต่างลอยขึ้นมา (เรียกใช้ได้ทีละแอพ)
ในหน้า mini app ของแต่ละแอพจะมีปุ่มอยู่สองปุ่มด้านบน ทางขวาไว้สำหรับปิดแอพ ส่วนทางด้านซ้ายไว้สำหรับขยายเป็นแอพขนาดปกติ ไม่แน่ใจว่าส่วนนี้ Samsung จะเปิดให้นักพัฒนาได้ใช้กับแอพอื่นที่ไม่ใช่ของ Samsung ด้วยหรือไม่
และก็มาถึงของที่เพิ่งมีในเครื่องนี้เครื่องแรกอย่างการใช้งานเป็น Smart Remote ควบคู่กับแอพ Peel Smart Remote & TV Listing ที่พรีโหลดมาในเครื่อง และสามารถอัพเดทจาก Android Market ได้
ตอนเปิดแอพครั้งแรกจะต้องตั้งค่าว่าใช้ภายในสหรัฐฯ หรือว่านอกสหรัฐฯ ซึ่งต่างกันตรงที่ในสหรัฐฯ จะใช้ฟีเจอร์ได้มากกว่า แต่ถ้าใช้นอกสหรัฐฯ จะเป็นแค่รีโมตทีวี กับเครื่องเล่นเท่านั้น
พอเลือกเสร็จก็จะมีสอนใช้งานเล็กน้อย และเข้าสู่หน้าตั้งค่าที่จะมี preset ไว้สำหรับบางแบรนด์แล้ว (ในที่นี้ทดสอบกับ LG ต้องเข้าไปหาข้างใน Other Brand อีกที - -")
นอกจากทีวีแล้วยังใช้คุมเครื่องเล่นอื่นๆ ได้ด้วย (แต่ไม่ได้ลองมาเลยอ้ะ)
หน้าตาการควบคุมก็จะแบ่งเป็นสามพาเนล พาเนลแรกไว้เลือกอุปกรณ์ พาเนลที่สองไว้สำหรับปุ่มลัดที่เพิ่มได้เอง พาเนลสุดท้ายหน้าตาเหมือนกับรีโมตปกติ สามารถสลับจากปุ่มตัวเลขเป็นปุ่มทิศทางได้โดยกดที่แถบตรงกลาง (ที่เป็นรูป > สีเหลือง)
คราวก่อนเคยเล่น Samsung Apps บน Galaxy Note ไปแล้ว คราวนี้มาลองเล่นบนแท็บเล็ตก็มีหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นแบบสองพาเนล แสดงราคาแอพเป็นภาษาไทย แต่เสียดายที่ยังต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่ดี (ต้องสมัคร Samsung Account ก่อนด้วย)
การใช้งานโทรออกมีหน้าตาคล้ายกับ Galaxy Tab รุ่นเก่า ซึ่งมีฟีเจอร์ Smart Dial (ที่ Google ไม่ยอมทำมาเป็นฟีเจอร์มาตรฐานเสียที) หน้า Logs แบ่งเป็นสองพาเนล แสดงข้อมูลเยอะมาก แต่จะสังเกตได้ว่าฝั่งซ้ายจะถูกบีบจนเล็ก เมื่อใช้ในแนวตั้งเสมอๆ
อีกจุดหนึ่งที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่นคือเวลาที่มีสายไม่ได้รับ แล้วกดจาก Action bar จะไม่ขึ้นเป็นแอพขนาดปกติ แต่จะขึ้นเป็น mini app แทน
ชิป Exynos นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องการใช้งานเบราว์เซอร์ที่ลื่นมาก เป็นรุ่นที่ทัดเทียมกับฝั่ง iOS ได้สบายๆ ทดสอบเปิดเว็บ Blognone ดู ก็สามารถแสดงผลได้ถูกต้อง ยกเว้นฟอนต์ที่มากับทุกเครื่องของ Samsung ที่เบียดกันไปหน่อย ใครไม่ชอบคงต้องรูทเครื่องแล้วเปลี่ยนกันเอาเองครับ
ลองกับเว็บนี้อย่างเดียวจะหาว่าโกง ต้องมาลองกับเว็บที่ใช้แฟลชระดับพระกาฬอย่าง SS ... ผลคือ ยัง "เอาอยู่" ครับ
ต่อมาก็เบนช์มาร์กกันพอเป็นพิธีกับสองแอพยอดนิยมอย่าง Quadrant Standard และ Multitouch Test
สำหรับผลของ Quadrant Standard ต้องบอกว่าชิปที่รุ่นนี้ใช้อย่าง Exynos มีชื่อลือชามาตั้งแต่สมัย Galaxy S II แล้วว่าได้คะแนนสูงมาก ลองกดไปสองสามครั้ง ผลได้มาเบาะๆ ที่ 3200-3500 แต้มครับ ส่วน Multitouch Test รองรับการใช้นิ้วสูงสุดที่สิบนิ้ว แต่ว่าใช้แบบเสถียรที่แปดนิ้วครับ
การพกพาเจ้า Galaxy Tab 7 Plus ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระหว่างแท็บเล็ต 10 นิ้วที่ต้องใส่กระเป๋าถือเท่านั้น หรือแบบสมาร์ทโฟนทั่วไป ถ้าไม่ใช่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ ก็พอจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้ ส่วนกระเป๋าหลังนี่ใส่ได้สบายๆ
ปัญหาที่พบบ่อยของเครื่องนี้คือ... หาปุ่มเปิดเครื่องไม่เจอ - -" เพราะทุกมุมมันเหมือนกันหมดเลย เวลาหยิบเครื่องมาที ก็คลำหาปุ่มเปิดจอกันทีนึง
การใช้งาน GPS อยู่ในระดับปกติ ไม่เร็วปรู๊ดปร๊าดเหมือนที่เคยเจอใน Optimus One แต่ไม่ได้ห่วยลงเหวเหมือนกับ Galaxy S ในที่โล่งเปิดสามจีแล้วใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็สามารถจับตำแหน่งได้แล้ว
การใช้งานเป็น Smart Remote ยังบอกไม่ได้ว่าเวิร์คพอรึยัง สำหรับคนใช้ทีวีเครื่องเดียวคงไม่น่าสนใจนัก แต่ถ้ามีหลายๆ เครื่องน่าจะใช้งานได้ดี ปุ่มลัดทำงานได้จริง แต่ตอนทดสอบกับทีวี LG ผลปรากฏว่าใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้างแฮะ
ความลื่นในการใช้งานถือว่าลื่นไหลแล้ว แต่ยังมีกระตุกเป็นบางจังหวะ จากที่เคยจับ Galaxy Tab 8.9 ที่ใช้ Tegra 2 แล้วรู้สึกว่าตัว 8.9 ลื่นกว่า
แบตเตอรี่สแตนบายด์ได้นานมาก เปิดทิ้งไว้เฉยๆ เป็นสัปดาห์แบตแทบไม่ลด แต่พอใช้งานปกติ เปิด 3G ตลอดเวลา (3G ของ TOT) อยู่ได้ราว 8 ชั่วโมงเศษๆ สงสัยว่า Exynos จะกินแบตน่าดู
กล้องหลักของ Galaxy Tab 7 Plus มีความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED โฟกัสได้ไม่เร็วนัก แต่คุณภาพจัดอยู่ในขั้นดีพอตัวเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ
ฟีเจอร์ของกล้องในรุ่นแท็บเล็ตจะน้อยกว่าบนสมาร์ทโฟนพอสมควร (ไม่มี Beauty Mode ด้วย) และมีตัวเลือก Self Portrait ที่จะปรับมาใช้กล้องหน้าในทันทีด้วย สงสัยทำมาเผื่อสาวๆ ที่ไม่รู้ว่าปรับเป็นกล้องหน้ายังไงล่ะมั้ง
พรีวิวภาพบนหน้าจอระหว่างถ่ายจะดูแย่หน่อย แต่พอถ่ายจริงแล้วก็ออกมาปกติดีนะ ว่าแล้วก็ไปดูภาพตัวอย่างที่ถ่ายมาได้เลย (ดูทั้งหมดกดตรงนี้) ดูกล้องหน้า
เอาไปถ่ายในห้องมีไฟฟลูออเรสเซนต์สลัวๆ แบบไม่ได้เปิด และเปิดแฟลชได้อย่างนี้ครับ
อันนี้ถ่ายในห้องมืดเปิดแฟลชครับ แบบปิดแฟลชนี่กลายเป็นดำสนิทไปเลย - -"
เนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีโปรไฟล์การถ่ายแบบมาโคร ผมเลยเลือกอันที่มันผลลัพท์ใกล้เคียงกันคือแบบ Text แทน ผลออกมาเป็นแบบนี้ครับ
การถ่ายวิดีโอของ Galaxy Tab 7 Plus ความละเอียดสูงสุดที่ 720p รองรับเสียงแบบ Stereo สามารถกดที่หน้าจอเพื่อโฟกัสภาพระหว่างถ่ายได้ (แต่ถ่ายภาพนิ่งระหว่างถ่ายวิดีโอไม่ได้) คุณภาพพอใช้ได้ถูไถๆ กล้องหน้าก็ถ่ายวิดีโอได้เช่นกันที่ความละเอียด 480p
เจ้า Galaxy Tab 7 Plus เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก สำหรับคนที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่จอใหญ่ และใช้โทรออกได้ด้วย ในราคาที่ต่ำกว่าทุกตัวในค่ายเดียวกันแต่รองรับ 3G ซึ่งมีคู่แข่งชัดๆ คือ MediaPad ของ Huawei นั่นเอง
ใครที่กังวลว่ารุ่นนี้จะได้อัพเกรด ICS ไหมก็หมดห่วงได้เลย เพราะว่า Samsung ประกาศมาแล้วว่าอัพได้ แต่คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟซมากนัก จากที่ได้เห็นในรอมที่หลุดมาของ Galaxy S II แต่ประสิทธิภาพน่าจะดีขึ้นเป็นกองแน่นอน
เห็นมีหลายคนเปรียบเทียบเจ้ารุ่นนี้กับ Galaxy Note ความเห็นผมคือถ้าไม่แคร์จอ Super AMOLED และไม่ได้อยากจะใช้ปากกาล่ะก็ Galaxy Tab 7 Plus เป็นตัวเลือกที่ดีครับ :)