อย่างที่เคยบอกไว้ว่าผมได้รับเชิญจากทาง HTC ประเทศไทย ให้ร่วมโต๊ะอาหารในงานเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการของ HTC One ที่จัดขึ้นที่ห้องอาหาร The Porch โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ ถนนวิทยุ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา วันนี้ผมก็มีบรรยากาศในงานมาฝากครับ
งานนี้จัดขึ้นเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่าง HTC One ซึ่งก็มีแขกที่เข้าร่วมงานมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว ทั้งคนในวงการมือถือ พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ รวมถึงกูรูด้านไอทีอีกนับไม่ถ้วน และที่สำคัญที่สุด นอกจากแขกที่ผมกล่าวมา รวมถึงผู้บริหารของ HTC ประเทศไทยแล้วนั้น ยังมีแขกพิเศษจาก HTC สาขา Seattle มาเข้าร่วมงานนี้เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองอีกด้วยครับ งั้นเรามาเข้าเรื่องของเราดีกว่า
ตัวเป็นๆ เลยครับท่าน มากันครบ 3 พี่น้องตระกูล One เลย (แต่ได้ลองเล่นแค่ One X กับ One S เท่านั้น เพราะ One V เกิดปัญหาแบตหมด เปิดเครื่องไม่ได้ เลยไม่ได้ทดสอบมา) แวบแรกที่ผมเห็น ขอบอกว่าสวยมากครับ ถึงแม้ว่ามองยังไงก็มาจาก HTC แต่การออกแบบใช้ได้ งานประกอบก็ไม่ใช่เล่นๆ แน่นมากถึงมากที่สุด ส่วนซอฟท์แวร์ที่อยู่ในตัวเครื่อง ยังเป็นเวอร์ชั่นทดสอบภายในอยู่ครับ แต่จากการทดสอบมาเห็นได้ชัดว่า Sense 4 ได้มีการปรับปรุงตัวรอมตามข่าวเก่าให้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมพูดได้คำเดียวว่าตอนนี้ HTC One เป็นสมาร์ตโฟนที่ปรับแต่งรอมได้เร็วที่สุด (เร็วกว่า Xperia S ด้วย)
สำหรับจุดเด่นเรื่องกล้องก็สมชื่อครับ แต่เนื่องจากสถานที่จัดงานแสงไฟสลัวมาก แถมยังเป็นเวลากลางคืน ก็เลยทำให้ไม่ได้ทดสอบในช่วงเวลากลางวัน แต่จากภาพที่ทางผู้บริหารนำไปทดสอบกันมา พูดได้ตามตรงว่า f/2.0 ให้แสงแบบทำได้ดีมากทีเดียวครับ คือเรียกได้ว่า iPhone 4S ยังอาย! อีกทั้งตัว Flash ยังฉลาดมากครับ โดยก่อนถ่ายตัวแฟลชจะทำการเปิดแสงทดสอบก่อน เพื่อหาค่าแสงที่ดีที่สุดสำหรับการถ่าย โดยเมื่อได้ค่าดีที่สุดแล้ว เวลาถ่ายก็จะใช้ค่านั้นยิงออกไป ทำให้ไม่ใช้แฟลชแรงเกินความจำเป็นได้ครับ และนอกจากนี้ยังสามารถเซ็ตค่า ISO ได้ถึง 1600 ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้แบบสบายๆ เลยทีเดียว งานนี้กล้องคอมแพคมีอายครับ
กล้องเทพไม่เทพยังไง ผมให้ดูสองรูปนี้ดีกว่าครับ มุมเดียวกัน ถ่ายด้วย HTC One S ทั้งคู่ (กดดูขนาดจริงใน Picasa ได้ครับ)
ถ่ายด้วยโหมดธรรมดา
ถ่ายด้วยโหมด HDR
ที่สำคัญที่สุดเลยคือ HTC One ยังสามารถถ่ายแบบ Burst Shot ได้ถึง 99 รูป โดยภาพไม่รกแกลเลอร์รี่ได้ด้วย ซึ่งจะมีหน้าจอขึ้นมาให้เลือกภาพที่ดีที่สุดเก็บไว้ในแกลเลอร์รี่ภายหลังจากที่ปล่อยปุ่มชัตเตอร์ครับ (ส่วนที่เหลือก็เทกระจาดทิ้ง) และนอกจากนี้ผู้บริหารยังได้แนะนำอีกว่า HTC One ยังสามารถเลือกโฟกัสเฉพาะบุคคลได้อีกด้วย ทำให้สามารถเก็บภาพของคนๆ นั้นเอาไว้ได้โดยไม่มีพลาดได้ครับ
รายละเอียดการตั้งค่าตัวกล้องของ HTC One
สำหรับจุดเด่นอีกด้านคือระบบเสียง Beats Anywhere ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งระบบปฏิบัติการเลย ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ ดู YouTube หรือฟังเพลงด้วยแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ก็สามารถเรียกใช้งานเสียง Beats ได้โดยตรง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแอพพลิเคชั่นของ HTC อีกต่อไปครับ
และที่สำคัญเลย HTC One ทุกรุ่น มาพร้อม Android ICS 4.0.3 และ Sense 4.0 ทุกตัวครับ
ที่นี้มาเจาะลึกรายชิ้นเลยดีกว่า
สมาร์ตโฟนเรือธงของ HTC One ตัวนี้มาพร้อมกับ Nvidia Tegra 3 แบบ 4+1 คอร์ ความเร็วอยู่ที่ 1.5 GHz และมีแรมในตัว 1GB มีเมมโมรี่ 32 GB แบ่งเป็นพื้นที่ลงแอพพลิเคชั่นแบบสุดๆ เลยคือ 2GB และมีเหลือให้ใช้อยู่ 25.24GB ครับ
สัมผัสแรกขอบอกเลยว่า เบามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ซึ่งภายในงานต่างก็พูดเป็นเสียงเดึยวกันครับว่า เบาจริงๆ เห็นตัวเครื่องใหญ่ขนาดนั้นก็เถอะ แต่สามารถถือมือเดียวได้ครับ (คุณผู้หญิงอาจจะต้องสองมือ ถ้ากลัวหล่น ฮ่าๆ) และที่สำคัญที่สุด ตัวเครื่องทนสุดยอดครับ เพราะในงานคุณณัฐวัชร์ วรนพกุล เล่นเอาตัวเครื่อง "ปาใส่พื้น!" ให้เห็นกันจะๆ แล้วหยิบกลับมาใช้งานต่อแบบชิลๆ ได้ เรียกได้ว่าทนจริงอะไรจริงครับ
ด้านหน้าเครื่องไล่จากบนลงล่างก็ประกอบไปด้วย ลำโพง และกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล หน้าจอ AH-IPS ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด HD720p "อัตราส่วน 16:9" และมี Hardware Button สามปุ่มคือ Back, Home และ Recent Apps ครับ ส่วนปุ่มเมนูจะขึ้นมาเป็น Virtual Button ในหน้าจอบนแอพที่ยังเป็นแอพพลิเคชั่นที่ยังใช้ API แบบเก่าแทนครับ
ด้านซ้ายเป็นพอร์ต Micro-USB แบบทั่วไป
ด้านขวามีปุ่ม Volume Rocker ไว้ปรับระดับเสียง
ด้านบนจะมีทั้งปุ่ม Power/Lock ช่องหูฟังขนาด 3.5 และ ถาดสำหรับใส่ Micro-Sim ซึ่งต้องเอา "เข็ม" มาจิ้มในช่องเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เพื่อให้ถาดใส่ซิมกระเด้งออกมาครับ
ด้านหลังก็เป็นกล้องหลักขนาด 8 ล้านพิกเซล แต่จะนูนขึ้นมา พร้อม LED Flash ขั้วแม่เหล็ก 5 จุดสำหรับต่อ Dock และลำโพงหลักที่ให้เสียงดังพอสมควรครับ
แวบแรก... บางได้ใจสมชื่อรุ่นจริงๆ ครับ อลูมิเนียมที่ใช้ทำเครื่องบินแล้วมาผ่านกระบวนการ Micro Arc Oxidation นั้นความทนทานถือว่าพอสมควรครับ เพราะเอามีดหั่นสเต็ก ขูดลงไปตัวเครื่อง ตัวเครื่องไม่เป็นอะไรครับ แต่เศษเหล็กของมีดหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เลย (สยอง =[]=!) ส่วนตัวเครื่องใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon S4 รุ่น MSM8260A ความเร็ว 1.5 GHz แบบดูอัลคอร์ มีแรม 1GB และมี Internal Memory 16 GB ครับ
ด้านหน้าตัวเครื่องก็จะมีลำโพง กล้องหน้าความละเอียด VGA หน้าจอ Super Amoled ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด qHD และปุ่มสามปุ่มเช่นเคย
อ้อ เมื่อกดปุ่ม Recent Apps หน้าจอจะไม่ใช่หน้าจอแบบ Stock ICS นะครับ แต่จะเป็นหน้าจอแบบนี้
ซึ่งวิธีการปิดแอพก็มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ คือใช้วิธีสไลด์จากล่างขึ้นบนแทนครับ
ด้านข้างซ้ายมีพอร์ต Micro USB และด้านข้างขวา (ไม่ได้ถ่ายมา = =) มีปุ่ม Volume Rocker
ด้านหลังจะมีกล้องหลักขนาด 8 ล้านพิกเซล และก็ลำโพงหลักครับ
หน้าจอของ One S จะเป็นแบบ Pentile เพราะฉะนั้น เวลาถ่ายรูปแล้วเป็นแบบข้างล่างนี้นั้น ไม่ต้องตกใจครับ
ตัวนี้ไม่ได้เล่นมาก เนื่องจากแบตหมด และทาง HTC ไม่ได้เตรียมแบตสำรองมาด้วย เลยไม่ได้เล่นกัน แต่ก็ถ่ายองค์ประกอบโดยรวมมาฝากกันครับ
ด้านหน้าตัวเครื่องก็จะมีลำโพง หน้าจอ SLCD ขนาด 3.7 นิ้ว ความละเอียด WVGA และปุ่มสามปุ่มเช่นเคย
ด้านข้างซ้ายมีพอร์ต Micro USB และด้านข้างขวา (ไม่ได้ถ่ายมาเช่นกัน = =) มีปุ่ม Volume Rocker
ด้านหลังจะมีกล้องหลักขนาด 5 ล้านพิกเซล และก็ลำโพงหลักที่สามารถถอดกรอบออกเพื่อใส่ซิมได้ครับ
รายละเอียดคร่าวๆ ก็จะมีแค่นี้แหละครับ ^^ สำหรับรีวิวแบบละเอียดๆ ก็คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของท่านอื่นแทนละกันครับ
สุดท้ายนี้คงต้องขอโทษเรื่องราคาของ HTC One X ที่เคยลงข่าวเก่าไปว่า 21,500 บาทนั้น สรุปว่าราคาดังกล่าว ยังไม่แน่นอนครับ ผู้บริหารกำลังเคาะภายในกันอยู่ แต่เปรยๆ ว่า ถูกกว่าทุกตัวในตลาดแน่นอน ซึ่งเมื่อเปิดราคาขายจริงแล้วนั้น อาจจะมีพิธีกรรมลดราคามือถือครั้งใหญ่ก็เป็นได้ แต่กำหนดการขายเป็นที่แน่นอนแล้วว่า 2 เมษายนนี้พร้อมกันทั่วเอเชียครับ ^^
ท้ายที่สุดเลยคงต้องขอบคุณ HTC ประเทศไทย ขอบคุณคุณหนิง (Account Supervisor, Winter egency) และคุณบุ๋ม (Marketing Communication Manager, HTC ประเทศไทย) มากๆ ครับ ที่เชิญชวนไปเข้าร่วมงาน และเลี้ยงอาหารมื้อเล็กๆ หนึ่งมื้อ อาหารอร่อยมากจริงๆ ครับ ^^