เอเซอร์เปิดตัวไลน์โน้ตบุ๊กบางเบาปี 2012 ในประเทศไทย, ลองจับ Aspire S5

by Blltz
6 June 2012 - 13:48

เมื่อวานนี้เอเซอร์ ประเทศไทยเปิดตัวโน๊ตบุ้ครุ่นใหม่ประจำปี 2012 ในประเทศไทยหลายรุ่น พร้อมโน้ตบุ๊คซีรีส์บางเบาอื่นๆ นอกจาก Ultrabook อย่าง TimelineU และ Slimnote

เริ่มต้นกันที่โน้ตบุ๊คในซีรีส์ Ultrabook ที่หลายคนให้ความสนใจกันก่อน ในปีนี้เอเซอร์มีโน้ตบุ๊คสองรุ่นอยู่ในซีรีส์นี้คือ Aspire S3 ที่ปรับสเปคจากปีที่แล้วเป็น Ivy Bridge และ Aspire S5 ตัวใหม่ที่บางลงเหลือเพียง 11 มม.

Aspire S3 รุ่นใหม่เปลี่ยนสีบอดี้เป็นบรอนซ์ทอง หน้าจอเท่าเดิมที่ 13.3" เปลี่ยนซีพียูเป็น Core i7-3517U ดูอัลคอร์ความถี่ 1.9GHz (Turbo Boost เป็น 3.0GHz ได้) แบ่งเป็นสองรุ่นย่อยคือรุ่นใช้ฮาร์ดดิสก์ 500GB และรุ่นใช้ SSD 128GB ราคา 35,900 และ 39,900 บาทตามลำดับ

Aspire S5 เป็นรุ่นท็อปตัวใหม่ในไลน์ Ultrabook ของเอเซอร์ ตัวเครื่องใช้ถูกบีบให้บางลงเหลือเพียง 11 มม. (เอเซอร์เคลมว่าเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 13.3" ที่บางที่สุดในโลก) ไส้ในสเปคเหมือนกับ S3 แต่เปลี่ยนไปใช้ SSD 128GB ที่ทำ Raid 0 (ก็ควรจะเร็วกว่า) พอร์ตถูกซ่อนไว้ด้านหลังตัวเครื่องด้วยเทคโนโลยี MagicFlip I/O นน. อยู่ที่ 1.3 กก. เปิดราคาที่ 49,900 บาท ตอนท้ายข่าวจะมีรูปตัวจริงครับ

และอีกซีรีส์หนึ่งที่อัพเดตใหม่ในงาน CES 2012 ในรุ่น Timeline U (Ultra) Aspire M5 ที่บางกว่าโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นในตลาดที่ราว 20 มม. แต่สเปคไม่ด้อยไปกว่าดันด้วย Core i5-3317U และ Core i7-3517U พร้อมจีพียู GeForce GT 640M ฮาร์ดดิสก์จุ 500GB มีไดร์ฟดีวีดี นน. ต่ำกว่า 2 กก.

ปิดท้ายด้วยซีรีส์ Aspire V5 ที่อยู่ในกลุ่ม Slimnote ไลน์ใหม่ของเอเซอร์ที่ทำเครื่องบางกว่า เบากว่าคู่แข่งในตลาดประมาณ 30% เปิดตัวมาสามขนาดหน้าจอ 11.6", 14" และ 15" ความบางอยู่ตั้งแต่ 20-23 มม. ฝั่งสเปคซีพียูยังใช้เป็นรหัส Sandy Bridge บางรุ่นมีการ์ดจอแยกเป็น GeForce GT 620M ราคาไล่ตั้งแต่หมื่นต้นๆ ไปจนถึงสองหมื่นกลางๆ

ภายในงานมีเครื่อง Aspire S5 ให้ลองจับอยู่ด้วย เดี๋ยวไปดูกันครับว่ารุ่นที่สองแล้ว ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างไรบ้าง

ด้านหน้าตอนเปิดหน้าจอของ S5 ค่อนข้างต่างกับ S3 พอสมควร เนื่องจากส่วนคีย์บอร์ดนั้นเว้าลงไป ดูด้วยตาแล้วรู้สึกได้ว่าเครื่องถูกบีบขนาดลงไปมาก

คีย์บอร์ดถือว่าปรับปรุงจากเดิมไปมาก การวางปุ่ม และการตอบสนองของคีย์บอร์ดทำได้ดีขึ้นมาก มีจุดติตรงปุ่มทิศทางขนาดเล็ก ส่วนทัชแพดใช้งานได้ในระดับมาตรฐานครับ

ตัวบานพับที่ใช้ใน S5 ยังเป็นแบบเดียวกับที่เคยใช้ในรุ่นก่อนหน้า ด้านความแข็งแรงรู้สึกได้ว่ามั่นคงขึ้น แต่ยังมีโยกเยกอยู่บ้าง ระบบเสียงใช้เป็น Dolby ตามแบบเอเซอร์ครับ

ปุ่มเปิด/ปิดเครื่องของ S5 ถูกย้ายมาอยู่บริเวณข้างซ้าย บริเวณขอบเครื่อง เอเซอร์บอกว่าที่ย้ายมาจุดนี้เพื่อให้รู้สึกเหมือนกับการใช้งานแท็บเล็ต ที่ไม่ต้องปิดเครื่องบ่อยๆ

ใต้แผงคีย์บอร์ดมีสกรีนชื่อรุ่น Aspire S5 ตามธรรมเนียมครับ

วัสดุที่ใช้ใน S5 เป็นแมกนีเซียมอัลลอยสีดำ สวยไม่สวยคงแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลครับ

ขนาดของอแดปเตอร์ที่ใช้ร่วมกับ S5 ถือว่าเล็กพอตัว เทียบกับตัวเครื่องแล้วประมาณนี้ครับ

S5 ทำตัวเครื่องมาได้บางมาก (แต่ไม่รู้สึกเบาเท่าไร) เทียบกับแท็บเล็ตรุ่นหนึ่งที่บาง 10.5 มม. แล้วหนากว่ากันไม่มากครับ

ต่อไปจะเป็นไฮไลท์ของ S5 นั่นก็คือ MagicFlip I/O ระบบกลไกสำหรับเปิด/ปิดพอร์ตด้านหลังตัวเครื่องครับ สามารถใช้งานได้ด้วยการกดปุ่มด้านขวาของเครื่อง

เมื่อกดแล้ว กลไกจะทำงานด้วยการยกตัวเครื่องขึ้นมานิดหน่อย พร้อมทั้งเผยพอร์ตที่ซ่อนอยู่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย เมื่อปิดเครื่อง ช่องนี้ก็จะปิดตามครับ สำหรับพอร์ตที่อยู่ด้านหลังนี้มี HDMI, Thunderbolt และ USB 3 สองพอร์ตครับ

เมื่อเปิดใช้งานแล้วในหน้าจอจะแสดงผลว่าเปิดใช้งานพอร์ตขึ้นมาแล้วด้วย

จากการลองจับเป็นระยะเวลาสั้นๆ ผมสรุปได้ว่า S5 ปรับปรุงจาก S3 มามากในส่วนของคีย์บอร์ด SSD Raid 0 นั้นเร็วจริง (เปิดเครื่องไวมาก) แต่วัสดุ และสีที่เลือกใช้ทำให้ตัวเครื่องดูไม่ค่อยหรูนัก เมื่อเทียบกับค่าตัวเกือบห้าหมื่นบาทครับ

สำหรับคนที่อยากรู้ว่าไลน์ใหม่ของเอเซอร์ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Computex จะมาเมื่อไร เอเซอร์ประเทศไทยให้คำตอบแบบคร่าวๆ ว่าจะเป็นช่วงปลายปี ราวเดือนตุลาคมครับ

Blognone Jobs Premium