เมื่อไม่นานมานี้เราเห็นข่าว Cisco เปิดตัวเราเตอร์แบรนด์ Linksys รุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์ Cisco Connect Cloud ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก home wireless router พอสมควร
ตอนนี้อุปกรณ์เหล่านี้เริ่มวางขายในไทยแล้ว และทาง Cisco ก็ส่งมาให้ผมลองทดสอบหนึ่งตัวคือ Linksys EA4500 ซึ่งเป็นรุ่นรองท็อปที่สุดในขณะนี้ (รุ่นท็อปสุดคือ Linksys EA6500 ใช้ Wi-Fi 802.11ac ด้วย ไม่รู้จะเอาฝั่งรับที่ไหนมาทดสอบ)
ก่อนอื่นต้องอธิบายแนวคิดของ Cisco Connect Cloud กันก่อนนะครับ คือเราเตอร์ไร้สายที่ใช้ตามบ้าน ปกติแล้วมันจะฝังเว็บเซิร์ฟเวอร์มาให้ในตัว เอาไว้ควบคุมปรับแต่งค่าต่างๆ ในเราเตอร์ ซึ่งเวลาเราได้เราเตอร์มาใหม่ๆ วิธีการตั้งค่าแบบมาตรฐานคือเสียบสายแลน แล้วเปิดเบราว์เซอร์เข้าไปที่หมายเลขไอพีที่กำหนดมาให้ (ส่วนใหญ่เป็น 192.168.1.1) แล้วปรับแต่งค่าตามต้องการ รีบูตเราเตอร์หนึ่งทีก็เรียบร้อยใช้งานได้
วิธีนี้ง่ายและใช้เป็นมาตรฐานกันมานาน แต่ในภาพรวมแล้วมันมีปัญหาใหญ่ๆ 3 ข้อ ดังนี้
Cisco จึงพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยแนวคิด Connect Cloud ซึ่งอธิบายง่ายๆ คือการยกเว็บเซิร์ฟเวอร์ในตัวเราเตอร์ ไปอยู่บนกลุ่มเมฆของ Cisco แทน (ในทางปฏิบัติคือเว็บไซต์ CiscoCloudConnect.com
ข้อดีของแนวคิดนี้คือพอระบบคอนฟิกไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต (แทนที่จะเป็นวงแลนภายในบ้าน) เราจึงสามารถคอนฟิกเราเตอร์ตัวเองจากที่ไหนก็ได้ (แถมใช้งานเหมือนเข้าเว็บแอพทั่วไป) และระบบกลุ่มเมฆของ Cisco ก็มีแอพพลิเคชันสำหรับตั้งค่างานเฉพาะทางบางอย่างในพร้อมสรรพ ไม่ต้องมานั่งคอนฟิกเองให้เมื่อย
ว่าแล้วก็มาดูตัวจริงกันดีกว่าครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า EA4500 เป็นแค่ Wi-Fi router ไม่มีส่วนของ ADSL modem มาให้ในตัว ดังนั้นเราต้องพ่วงมันกับ ADSL modem ที่มีอยู่แล้วด้วยสายแลนก่อนนะครับ ต่อตรงกับสายโทรศัพท์โดยตรงไม่ได้ (ถ้าอยากได้โมเด็มด้วยต้องไปใช้ตระกูล Linksys Gateways แทน)
ตัวเราเตอร์หน้าตามีชาติตระกูลดีมาก ไม่มีไฟแสดงสถานะใดๆ ยกเว้นโลโก้ Cisco เรืองแสงได้ ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มี Ethernet ให้ 4 พอร์ตสำหรับกระจายออก และขาเข้าอีก 1 พอร์ต นอกจากนี้ยังมี USB หนึ่งช่องสำหรับเอา flashdrive ไปเสียบเพื่อทำตัวเป็น media server ได้ และมีฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับเราเตอร์สมัยใหม่ๆ อย่างปุ่ม WDS มาให้ด้วย
เนื่องจากโมเด็มของผมต่ออินเทอร์เน็ตได้อยู่แล้ว ดังนั้นพอเสียบสายไฟเข้ากับ EA4500 และต่อสายแลนเรียบร้อย มันก็ส่งสัญญาณ Wi-Fi ออกมาทันที โดยใช้ชื่อ SSID ว่า Cisco11648 (เข้าใจว่าเป็นเลขสุ่ม) กำหนดไอพีมาให้เสร็จสรรพ แต่เป็นเครือข่ายแบบไม่ได้เข้ารหัส ใครก็มาใช้งานได้
ถ้าไม่คิดอะไรมาก เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ในความเป็นจริงเราคงไม่ซื้อเราเตอร์ราคาตั้งแพงมาทำอะไรแค่นี้จริงไหมครับ
Cisco ให้ซีดีสำหรับติดตั้งเราเตอร์มาให้ในกล่อง ใช้ได้ทั้งวินโดวส์และแมค (ผมยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าคนใช้ลินุกซ์จะทำยังไง) ถ้าเครื่องไม่มีไดรฟ์ซีดี-ดีวีดีแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ของ Cisco ได้
กระบวนการติดตั้งและตั้งค่าเราเตอร์จะต้องทำผ่านโปรแกรม setup ทั้งหมด ไม่สามารถทำผ่านเบราว์เซอร์แบบที่เราคุ้นเคยกันได้
ขั้นตอนไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ตั้งชื่อ SSID, กำหนดรหัสผ่านของเครือข่าย, รหัสผ่านของตัวเราเตอร์ แค่นี้ก็เรียบร้อย
จากนั้นเราจะได้ PIN ของเราเตอร์มาหนึ่งชุด เพื่อไปลงทะเบียนกับเว็บไซต์ Cisco Connect Cloud อีกทีหนึ่ง ขั้นตอนการลงทะเบียนและกรอก PIN ไม่มีอะไรซับซ้อน คงไม่ต้องแปะภาพ
ผมพยายามลองล็อกอินเข้าไปที่ไอพีของเราเตอร์เพื่อลัดขั้นตอนการติดตั้งด้วยซีดี ปรากฏว่าทำไม่ได้ครับ เราเตอร์จะ redirect ส่งเราไปยังเว็บไซต์ Cisco Connect Cloud แทน
เมื่อลงทะเบียนบนเว็บไซต์เสร็จเรียบร้อย ล็อกอินเข้ามา เราจะพบกับหน้าจอตั้งค่าเราเตอร์แห่งยุคกลุ่มเมฆ ตามภาพ
จากภาพเราจะเห็นเมนูด้านซ้ายมือ และ widget/app บอกสถานะด้านขวามือ
ส่วนของเมนูเองก็แยกเป็นครึ่งบนและครึ่งล่าง โดยครึ่งล่างคือหมวด Router Settings หรือการตั้งค่าเราเตอร์ทั่วไป ซึ่งตรงนี้ฟีเจอร์เหมือนกับเราเตอร์ยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด เช่น เปลี่ยนรหัส Wi-Fi, กรอง MAC ฯลฯ
แต่จุดเด่นของ Cisco Cloud อยู่ที่ครึ่งบนที่เขียนว่า Apps นั่นล่ะครับ มันคือแอพช่วยสนับสนุนงานขั้นสูงที่ Cisco เตรียมมาให้เราแล้ว เช่น
หน้าจอตั้งค่าอันนี้ยังสามารถใช้งานได้จาก Android/iOS ผ่านแอพ Cisco Connect Cloud ที่ดาวน์โหลดได้จาก App Store/Play Store ตามปกติ (แต่ความสามารถในการปรับแต่งจะไม่เยอะเท่ากับเวอร์ชันเว็บ)
ในอนาคต Cisco มีแผนการเพิ่ม "แอพ" ลักษณะนี้เข้ามาบนแพลตฟอร์ม Connect Cloud อีก ตอนนี้มีตัวอย่างนิดหน่อยดูได้จากเว็บของ Connect Cloud
แนวคิดของ Connect Cloud ถือว่าน่าสนใจมากครับ ในแง่ผู้ใช้ทั่วไปแล้ว เราเตอร์ที่มีความสามารถนี้จะคล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ไม่ต้องมาตั้งค่ายากๆ แบบเดียวกับเราเตอร์ยุคที่ผ่านมา ส่วนแนวคิดเรื่องแอพเฉพาะกิจก็น่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้ถ้ามีแอพเยอะมากขึ้นในอนาคต (ตอนนี้ยังรู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อย)
แต่ผมก็มีข้อกังขาต่อแนวคิด Connect Cloud ของ Cisco เหมือนกัน
นอกจากนี้ Connect Cloud เองก็มีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่น้อย ดูได้จากข่าวเก่า ซิสโก้อัพเดตเฟิร์มแวร์โดยไม่ขออนุญาตล่วงหน้า บังคับใช้ Cloud Connect และ Cisco ขอโทษลูกค้าที่อัพเดตซอฟต์แวร์ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือและรับรองว่าข้อมูลจะไม่ส่งต่อสู่ภายนอก
สำหรับผู้อ่าน Blognone ที่มีความรู้เชิงเทคนิคสูงอยู่แล้ว ฟีเจอร์ของ Connect Cloud คงไม่จำเป็นเท่าไรนัก และเผลอๆ อาจกลายเป็นอุปสรรคด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่ซื้อเราเตอร์ใหม่และต้องการความสามารถด้านการควบคุมจากระยะไกล ก็อาจพิจารณาเลือกเราเตอร์ตระกูล Linksys Smart Wi-Fi ได้ครับ