Nokia Lumia 920 และ Lumia 820 สองสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากโนเกียที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Nokia World ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้มาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และโนเกีย ประเทศไทยก็ชวนสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ไปลองจับเครื่องจริง (ที่ยังไม่ใช่ซอฟต์แวร์รุ่นสมบูรณ์) เพื่อโชว์ฟีเจอร์ใหม่ๆ กันครับ
ลองจับเครื่องคราวนี้จะเน้นไปที่รุ่นเรือธงอย่าง Lumia 920 มากหน่อย ก่อนเริ่มก็ลองไปดูสเปคได้จากข่าวเปิดตัวครับ [Lumia 920](http://www.blognone.com/node/35738), [Lumia 820](http://www.blognone.com/node/35740)
สำหรับคนที่ไม่อยากย้อนกลับไปอ่าน สเปคหลักๆ ของ Lumia 920 ที่น่าสนใจมีดังนี้ครับ
* หน้าจอ PureMotion HD+ ความละเอียด 1280x768 พิกเซล ขนาด 4.5" * เทคโนโลยี SuperSensitive หน้าจอสัมผัสได้หลากวัสดุมากขึ้น และ PureMotion ที่ช่วยให้การแสดงผลลื่นไหลยิ่งขึ้น * กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล PureView พร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS
ไล่กันทีละฟีเจอร์ที่น่าสนใจเลยละกันครับ
**PureMotion HD+**
ที่มาของชื่อ HD+ คือความละเอียดของหน้าจอที่เกิน HD ไปเล็กน้อย (768p) พิกเซลที่เพิ่มขึ้นก็แสดงผลได้คมขึ้น หน้าจอ SLCD2 สีสด สว่างเทียบชั้นกับ LED ได้สบายๆ
ส่วนชื่อ PureMotion คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้เฟรมที่มีการเคลื่อนไหวลื่นขึ้น ความเหลื่อมระหว่างเปลี่ยนสีของเม็ดพิกเซลสั้นลง การซ้อนทับกันของพิกเซลก็น้อยลงไปด้วย
**SuperSensitive**
เทคโนโลยีที่เพิ่มขีดความสามารถของหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive จากเดิมที่รับสัมผัสได้เพียงนิ้วมือ หรือสไตลัสบางชนิด ก็สามารถใช้วัตถุอื่นในการสัมผัสได้มากขึ้น (มีทดลองเอาส้อมจิ้มจอด้วยครับ)
**Nokia City Lense**
รวมเทคโนโลยี Augmented Reality เข้ามาไว้ในสมาร์ทโฟนซีรีส์ Lumia ร่วมกับข้อมูลสถานที่ (POI) จาก Nokia Maps ช่วยให้ใช้งานกล้องเพื่อหาสถานที่น่าสนใจในเมืองไทยได้แล้ว
**ระบบชาร์จไร้สาย**
ความต่างของ Lumia นอกเหนือจากการโชว์ชาร์จไร้สายคือการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อวางเครื่องชาร์จไว้ตามร้านกาแฟต่างๆ สอบถามมาแล้วมีแผนจะทำในประเทศไทยด้วยครับ
**PureView**
เทคโนโลยีประมวลผลภาพรุ่นที่สองจากโนเกีย ที่ถูกจับยัดเข้าใน Lumia 920 ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้นมาก ส่วนฝั่งวิดีโอก็มี OIS สำหรับช่วยให้นิ่งขึ้นเช่นกัน (ไว้ดูตัวอย่างครับ)
ในงานมีตัวเครื่องจริงให้ลองจับด้วย ตัว Lumia 920 ใช้ดีไซน์เดิมที่ใช้มาตั้งแต่ Nokia N9 คือโพลีคาร์บอเนดแบบชิ้นเดียว ตัวสีดำจะเป็นผิวด้าน ส่วนสีอื่นๆ จะเป็นผิวมันครับ
ส่วนตัว Lumia 820 เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปมาก เน้นสีสันสดใสเหมือนกัน แต่สามารถเปลี่ยนฝาหลังได้ สเปคก็ลดหลั่นไปเช่นกัน








**ลองถือในมือ**


**เปรียบเทียบ Lumia 920 กับ Lumia 820**


ราคาและวันวางขายของทั้งสองรุ่นนี้ยังไม่ประกาศ แต่ตัวท็อปอย่าง Lumia 920 จะอยู่ราวสองหมื่นครับ
__อัพเดต__
วิดีโอ จิ้มจอ 920 ด้วยส้อม