note: บทความนี้คือบทความรีวิวที่ทางไมโครซอฟท์ส่งเครื่องพร้อม Windows 8 ตัวจริงมาให้ผมก่อนงานเปิดตัว รีวิวนี้เขียนขึ้นจากข้อมูลในตอนนั้นจึงอาจจะซ้ำซ้อนไปบ้างต้องขออภัยครับ
เพียงช่วงเวลาสองปีกว่าหลังการบูมของตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต จากที่ก่อนหน้านี้ความยิ่งใหญ่ของตลาดพีซีไม่เคยถูกตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า ตลาดพีซีที่นำคอมพิวเตอร์ออกจากองค์กรขนาดใหญ่ กลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีมาได้กว่ายี่สิบปีจะสามารถคงอยู่ต่อไปได้ในระยะยาวหรือไม่ แต่วันนี้ที่ตลาดพีซีหดตัวด้วยความเร็วสูงกว่าที่ทุกสำนักคาดการณ์ สวนทางกับโลกของอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีตลาดขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนดูยินดีที่จะอยู่กับมันทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่หลังตื่นจนถึงก่อนเข้านอน
แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังคงความได้เปรียบที่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเมื่อต้องการทำงานจริงจัง ไมโครซอฟท์ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในกรณีส่วนใหญ่ ระบบเมลที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร, ชุดซอฟต์แวร์ออฟฟิศที่ความสามารถครบถ้วนและทำงานร่วมกับคนส่วนใหญ่ได้ง่ายกว่า, ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถควบคุมทั้งความปลอดภัยภายในและภายนอกได้ครบถ้วน ทำให้ไมโครซอฟท์ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนแอบหวังว่าสักวันจะสามารถใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงหรือการเชื่อมต่อแบบพกพา แล้วเมื่อต้องการทำงานก็สามารถทำงานได้เต็มรูปแบบเหมือนพีซีที่บ้าน ขณะที่ทุกคนเริ่มมีแท็บเล็ตและใช้มันแทนที่พีซีในบางเวลา มากขึ้นเรื่อยๆ
ไมโครซอฟท์เองก็ดูจะรู้ความต้องการของตลาดดี แต่ฐานตลาดขนาดใหญ่มหาศาล พร้อมกับลูกค้าองค์กรที่ปรับตัวได้ช้าทำให้ไมโครซอฟท์ต้องออกแบบอยู่บนความสมดุลที่ทำได้ยาก และ Windows 8 คือความพยายามครั้งแรกต่อระบบปฎิบัติการที่ครองตลาดส่วนใหญ่ของโลกมากกว่าสิบปี
อย่างที่เรารู้กัน ไมโครซอฟท์เลือกที่จะใช้ระบบหน้าจอที่เลียนแบบมาจาก Windows Phone แล้วปรับให้เป็นเดสก์ทอป ในอนาคตเราน่าจะได้เห็นแอพพลิเคชั่นจำนวนมากพอร์ตไปมาระหว่างระหว่างโทรศัพท์มือถือและเดสก์ทอปได้ ที่เคยเรียกว่าหน้าจอแบบ Metro UI แต่เมื่อใกล้ถึงวันออกตัวจริง ไมโครซอฟท์ก็พยายามเรียกมันว่า Windows 8 UI แสดงท่าทีว่าระบบหน้าจอนี้จะเป็นอนาคตของวินโดวส์ (เรื่องชื่อ UI ใหม่เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำได้แย่มาก จนบอกได้ว่าเรียก Metro ไปก็จบแล้ว ผมไปฟังการพรีเซนต์ได้ยินว่า Windows 8 UI จนตอนนี้ยังมีข่าวในชื่ออื่นๆ แต่ในบทความนี้ผมจะเรียกตามที่ผมฟังมาก่อนรีวิว)
หากเราลืมระบบเดสก์ทอปดั้งเดิม (จะพูดในช่วงถัดไปของรีวิว) เพราะจะพบว่าความท้าทายของการออกแบบ Windows 8 UI คือการใช้งานมันเป็นเดสก์ทอปไปพร้อมๆ กับแท็บเล็ต เพราะเดสก์ทอปจะเน้นการทำงานที่รวดเร็ว ผ่านการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดมากกว่าที่จะเน้นการสัมผัสหน้าจอโดยตรง
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือความพยายามทำให้ หน้าจอเริ่มต้นของ Windows 8 UI นั้นทำตัวคล้ายกับปุ่ม Start คือสามารถกดปุ่มวินโดวส์ เพื่อใช้ลูกศรหรือเมาส์เลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้ และสามารถพิมพ์เพื่อค้นหาแอพพลิเคชั่นได้ทันทีเช่นเดียวกัน แนวทางนี้ดูใช้งานได้ดี การทำงานของระบบค้นหาทำความเร็วได้น่าประทับใจ ไม่มีกระตุกหรือให้ผู้ใช้ต้องรอการทำ index ที่เป็นปัญหาที่เจอบ่อยในลินุกซ์ที่พยายามฟีเจอร์พิมพ์เพื่อค้นหาแอพพลิเคชั่นในรูปแบบเดียวกัน
โดยส่วนตัวผมแล้ว หน้าจอค้นหาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในวินโดวส์ใหม่นี้ มันทำงานได้เร็วและทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นได้อย่างดี คุณสามารถกดหาคำสักคำแล้วเลือกดูว่ามีแอพพลิเคชั่นตัวใดบ้างที่ให้ผลตอบการค้นหาได้
การควบคุมหลักมาจากการลากนิ้วจากขอบจอทั้งสี่ด้าน ได้แก่ ด้านซ้ายเป็นการเลือกแอพพลิเคชั่นที่รันอยู่, ด้านขวาเป็นระบบค้นหาและการตั้งค่า, ด้านบนและล่างคือเมนูของแต่ละแอพพลิเคชั่น ทั้งหมดมีคำสั่งที่ใช้เมาส์แทนที่ได้ โดยการสลับแอพพลิเคชั่น จะเป็นการคลิกจากมุมซ้ายบนหรือล่าง และเมนูบนล่างเป็นการคลิกขวา
ระบบการสลับแอพพลิเคชั่นจะเปลี่ยนจาก Alt+Tab เดิม ถูกแทนที่ด้วยการลากนิ้วจากทางซ้ายแล้วเลื่อนกลับ ทำให้มีรายการแอพพลิเคชั่นแสดงขึ้นมา
ระบบ multitask ใน Windows 8 UI เปิดให้เราสามารถแบ่งหน้าจอเป็น 75%+25% หรือ 25%+75% ได้ ทำให้เราสามารถแบ่งหน้าจอเช่นแสดงเว็บพร้อมกับโปรแกรมเมล หรือหน้าจอแชตพร้อมเว็บ รวมถึงการแบ่งหน้าจอกับเดสก์ทอป
ปัญหาสำคัญของการใช้ Windows 8 UI ในการใช้งานแบบเดสก์ทอปนั้นแทบไม่มีทางใช้งานอย่างสมบูรณ์ทุกฟีเจอร์โดยไม่มีเมาส์ได้เลย เช่นในภาพที่ไม่สามารถปิดเมลได้ (ไม่มีคีย์ลัดใน tooltip) ขณะที่วินโดวส์แบบเดิมๆ นั้นการใช้คีย์บอร์ดในแทบทุกฟีเจอร์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้เสมอมา (ถ้าคุณจำคีย์ลัดได้) อันนี้อาจจะเป็นความรับผิดชอบของผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเอง แต่ในแง่ของการใช้งานปลายทางแล้วก็ถือว่าประสบการณ์การใช้งานผิดไปพอสมควร
ไมโครซอฟท์พยายามออกแบบการใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ดให้เป็นธรรมชาติในรูปแบบของตัวเอง ไม่ได้พยายามทำให้การใช้งานเหมือนกัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าในเรื่องของการสลับแอพพลิเคชั่นและการเข้าถึงเมนูที่เมื่อใช้เมาส์นั้นต่างจากการใช้นิ้วสัมผัส ระบบการเลื่อนหน้าจอที่อาศัยการเลื่อน scrollbar ด้านล่างหรือซ้ายขวา หรือการเลื่อนเมาส์ไปจนสุดขอบหน้าจอ ขณะที่การใช้นิ้วสัมผัสใช้ลากเลื่อนหน้าจอได้โดยตรง
Windows 8 อาจจะถูกมองว่าเป็นเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมด มีระบบ UI ใหม่ แต่ต่างไปที่มันสามารถรันแอพพลิเคชั่นแบบเดสก์ทอปได้ด้วย ทำให้สำหรับรุ่น x86 สามารถรันแอพพลิเคชั่นดั้งเดิมสำหรับวินโดวส์ได้ทั้งหมด ขณะที่ Windows RT สามารถใช้รัน Microsoft Office ได้
แต่สิ่งที่ไมโครซอฟท์เลือกคือไมโครซอฟท์เลือกพยายามทำให้ Desktop เป็นส่วนหนึ่งของ Windows 8 ไม่ใช่สองโหมดที่แยกกันเด็ดขาด แอพพลิเคชั่นสามารถรันร่วมกันไปมาได้ทั้งสองโหมด
ความตั้งใจดีและจำเป็นในเงื่อนไขที่ฐานลูกค้าของไมโครซอฟท์ต้องการเดสก์ทอป แต่มันกลับทำให้ไมโครซอฟท์ไม่สามารถออกแบบกระบวนการทำงานใหม่หมดได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่ตั้งใจไว้ แอพพลิเคชั่นสำคัญจำนวนมาก โดยเฉพาะ Office ของไมโครซอฟท์เองยังต้องรันในเดสก์ทอป ทำให้แทบจะรับประกันได้เลยว่าทุกคนที่ใช้งานจริงจังจะต้องมีสักแอพพลิเคชั่นที่รันอยู่ในโหมดนี้
ความไม่สมบูรณ์เล็กๆ น้อยๆ เช่น แอพพลิเคชั่นเดสก์ทอปไม่สามารถรันบน Windows 8 UI เมื่อแบ่งหน้าจอ 25% ได้ แต่จะแสดงเป็นตัวเลือกแอพพลิเคชั่นขึ้นมาแทน ทำให้ใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่า หรือจะเป็นการสวิตซ์แอพพลิเคชั่น ที่ไม่สามารถเลือกสวิตซ์แอพพลิเคชั่นได้ตรงๆ ผ่านตัวเลือกแอพพลิเคชั่นทางซ้ายของหน้าจอ แต่ต้องเลือกผ่านการกด Alt+Tab เท่านั้น
การมีโหมดการทำงานสองโหมดยังทำให้บางแอพพลิเคชั่น เช่น Internet Explorer นั้นมีสองตัวในเครื่องเดียว แต่ตัวในหน้าจอ Windows 8 UI สามารถส่งแท็บมายังตัวบนเดสก์ทอปได้
เมื่อพูดถึงระบบปฏิบัติการ เราคงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพูดถึงการจัดการทรัพยากรของระบบ Windows 8 ในโหมด Windows 8 UI นั้นทำงานได้ “ลื่น” อย่างน่าประทับใจ แต่หลายแอพพลิเคชั่นยังคงทำงานอย่างในรูปแบบที่คาดเดาได้ลำบาก เช่น Wikipedia ที่โหลดหน้าที่เพิ่งโหลดเสร็จไปหลังการสวิตซ์แอพพลิเคชั่นบ้างในบางครั้ง
เช่นเดียวกับระบบปฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่สมัยใหม่ ความได้เปรียบของ Windows 8 UI คือ มันรู้ได้ว่าผู้ใช้กำลังใช้งานแอพพลิเคชั่นตัวใดอยู่จริงๆ บ้าง ในขณะที่ระบบเดสก์ทอปนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะแม้ผู้ใช้จะโฟกัสหน้าจอไปที่หน้าต่างหนึ่ง แต่ความจริงแล้วอาจจะกำลังดูการแสดงผลของอีกหน้าต่างก็ได้ ความได้เปรียบนี้ทำให้ Windows 8 สามารถเปลี่ยนสถานะของแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้ไม่ได้โฟกัสอยู่ให้เป็น Suspended ทำให้มันแย่งทรัพยากรของเครื่องน้อยลง ส่งผลดีต่อความลื่นของเครื่องโดยรวม
ระบบมอนิเตอร์แอพพลิเคชั่น ทำให้เรารู้ว่าแอพพลิเคชั่นตัวใดใช้ทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันสามารถดูได้กระทั่งเวลาการใช้ซีพียู CPU ซึ่งจะฟ้องว่าแอพพลิเคชั่นใดใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ถือเป็นข้อดีของระบบปฎิบัติการอย่างมาก น่าเสียดายที่การมอนิเตอร์แบบนี้ทำได้กับแอพพลิเคชั่นแบบ Windows 8 UI เท่านั้น
ผมมีโอกาสได้งาน Windows 8 นี้จริงจังหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่ความประทับใจแรกที่หน้าจอเริ่มต้นที่ทำงานค่อนข้างเร็ว ระบบหน้าจอสัมผัสที่ต้องเรียนรู้ใหม่บ้างแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป และให้พื้นที่ใช้งานที่ค่อนข้างมาก แอพพลิเคชั่นไม่เสียพื้นที่ไปกับการแสดงเมนูหรือข้อมูลอื่นๆ
แต่ Windows 8 ยังคงต้องเป็นวินโดวส์ต่อไป จากการพัฒนาการมาต่อเนื่องถึง 17 ปีนับแต่ Windows 95 ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมันทำให้การเปลี่ยนผ่านทำได้ยากและสุดท้ายต้องคงความเข้ากันได้กับแอพพลิเคชั่นเดิม การต้องทำงานสลับไปมากลายเป็นข้อเสียสำคัญ
แม้จะมีเสียงบ่นบ้างในช่วงเปิดตัว แต่ Windows 8 คงมียอดขายจำนวนมากอย่างไม่ต้องสงสัยผ่านช่องทางของคู่ค้าจำนวนมากของไมโครซอฟท์ แต่งานของไมโครซอฟท์กำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้ ที่ต้องทำให้ Windows 8 UI กลายเป็นของมาตรฐาน และระบบเดสก์ทอปกลายเป็นการใช้งานสำหรับแอพพลิเคชั่นยุคเก่าเท่านั้น งานนี้จะเป็นงานที่ใหญ่และยาก แม้แต่แอพพลิเคชั่นสำคัญของไมโครซอฟท์เองอย่างออฟฟิศก็ยังทำไม่ทันจนกระทั่งต้องรองรับเดสก์ทอปบน Windows RT
การยอมออกวินโดวส์ที่ผู้ใช้น่าจะบ่นอย่างมากเช่นนี้ เพื่อชิงเวลาการใช้งานกลับมาจากแท็บเล็ต ไมโครซอฟท์กำลังบอกกับผู้ใช้ว่าคุณสามารถใช้งานเบาๆ บนเครื่องที่ไม่มีคีย์บอร์ดและเมาส์ ไปจนถึงงานจริงจังหน้าจอซับซ้อนจนกระทั่งซอฟต์แวร์เก่าที่ใช้งานมาเป็นเวลานานแล้วได้ และหากคุณต้องการทำงานบนเครื่องเพียงเครื่องเดียว Windows 8 คือทางเลือกเดียวที่คุณมี ความสำเร็จของไมโครซอฟท์ จึงอยู่ที่ว่ามันจะสามารถชดเชยเสียงบ่นกับความ "จบในตัว" ของมันได้หรือไม่
เพราะ Windows 8 ไม่ใช่วินโดวส์เดิมๆ ในแบบที่เรารู้จักอีกต่อไป แต่มันคือระบบปฏิบัติการใหม่ที่มีหน้าอินเทอร์เฟซแบบใหม่ทั้งหมด แต่คงความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เดิมไว้เท่านั้น