เมื่อปลายปี 2012 เอชทีซีได้เขย่าวงการสมาร์ทโฟนโลกอีกครั้ง ด้วยการส่ง HTC J Butterfly มือถือจอยักษ์ ความละเอียดสูงถึง 1080p ลงตลาดประเทศญี่ปุ่น ในฐานะตัวต่อจาก HTC J และในเวลาไม่นานก็ส่งมันกลับมาลงกับเครือข่าย Verizon Wireless ในชื่อ Droid DNA by HTC และด้วยความที่อุปกรณ์บางส่วนดันเป็น Universal Hardware ก็เลยทำให้มีข่าวของรุ่นวางขายทั่วโลกออกมาในระยะเวลาไล่ๆ กัน จนกระทั่งในที่สุด มันก็กลายเป็นรุ่นสำหรับวางขายทั่วโลก ในชื่อ HTC Butterfly
เอชทีซีประเทศไทยได้ส่งตัวเครื่อง HTC Butterfly มาให้ผมทดสอบเป็นเวลา 1 อาทิตย์กว่าๆ ครับ และช่วงนั้นพอดีผมต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัดด้วย ก็เลยได้ใช้งานแบบ On the way อย่างเต็มที่ รีวิวนี้คงไม่พูดยาวมากเหมือนตอนที่ผมรีวิว One X+ ไปเมื่อครั้งที่แล้วนะครับ ส่วนสเปคหาอ่านกันเองได้จากข่าวเก่าไม่ก็หน้าเว็บหลักของเอชทีซีครับ
ตัวเครื่องของ HTC Butterfly ให้อารมณ์ที่แตกต่างกับ One X และ One X+ พอสมควร บอดี้ของ Butterfly ยังคงเป็นโพลีคาร์บอเนตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวบอดี้เป็นแบบผิวมันแทนผิวด้านครับ (ระวัง!! มันเป็นรอยง่ายนะครับ)
ด้านหน้าของตัวเครื่องไล่จากบนลงล่างจะประกอบไปด้วย กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนาที่ซ่อน Notification LED ไว้ 1 ดวง เซนเซอร์รับแสง หน้าจอ SuperLCD 3 ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1920*1080 พิกเซล และปุ่มคำสั่ง 3 ปุ่มเช่นเดิม ทั้งหมดถูกครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 2 (ถ้าแตกขึ้นมา... ไม่ต้องนึกถึงค่าซ่อมนะครับ อ่วมแน่ๆ)
ด้านหลังของตัวเครื่องไล่จากบนลงล่างก็จะประกอบไปด้วย กล้องหลัก 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และข้างๆ ก็มี Notification LED ดวงที่ 2 ซ่อนอยู่ ด้านล่างก็จะมีลำโพงหลักที่เจาะรูเหมือนกับ One X/One X+ เปี๊ยบ
ด้านบนจะประกอบไปด้วย ไมโครโฟนตัวที่ 2 แจ็คหูฟังมาตรฐาน ปุ่ม Power/Wake และก็สล็อตสำหรับใส่ MicroSD Card รวมถึงถาด MicroSIM ที่ต้องเอาเข็มจิ้ม และงัด! ขึ้นมาอีกทีครับ (คนที่ต้องเปลี่ยนซิมบ่อยๆ นี่ลำบากพอสมควร) ทั้งหมดถูกปิดฝาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ ส่วนด้านซ้ายไม่มีอะไร ทั้งสองฝั่งเล่นสีด้วยแผ่นอลูมิเนียมเจาะรูตามสีเครื่องครับ คือสีดำกับสีแดงเล่นสีแดงเงิน ส่วนสีขาวเล่นสีเงิน
ด้านล่างมีไมโครโฟนหลัก และพอร์ต Micro USB ที่มีฝาปิดอย่างแน่นหนาเช่นกัน
ทุกครั้งเวลาที่เอชทีซีเปิดตัวมือถือตัวท็อปในแต่ละรุ่น มักจะมีเรื่องของจอมาให้เราได้ตื่นเต้นตลอดเวลา ครั้งนี้ก็เช่นกันที่เอชทีซีตัดสินใจยัดจอ 5 นิ้ว ความละเอียดในระดับ Full HD มาให้ชาวโลกได้ตื่นเต้นกันพอสมควร ความละเอียดต่อตารางนิ้วของ HTC Butterfly จะอยู่ที่ 440 พิกเซลต่อตารางนิ้ว ซึ่งถือได้ว่าละเอียดที่สุดในขณะนี้ (ถ้าไม่นับ HTC M7 ที่หน้าจอเล็กลงมาเลยกดความละเอียดได้สูงถึง 468 พิกเซลต่อตารางนิ้ว) สเกลของจออยู่ที่ 16:9 ดูหนังได้เนียนตาพอสมควร ด้วยความละเอียดของจอในระดับ Full HD แน่นอน App YouTube จึงรันโหมด 1080p ให้ตลอดเวลาครับ
ส่วนความละเอียดถามว่าแน่จริงขนาดไหน ลองอ่านข่าว หมดยุค Retina Display? เทียบกันชัดๆ กับจอ Full HD 1080p บน HTC J Butterfly ของคุณ super_lw ได้ครับ
ซอฟต์แวร์ของ HTC Butterfly คงไม่ต่างจาก One X และ One X+ มาก เพราะเป็น Android 4.1.1/Sense 4+ เหมือนกัน ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ที่จริง HTC Butterfly มีการแก้ไขข้อผิดพลาดของรอมจากตัว One X และ One X+ อยู่พอสมควร เพราะอย่างแรกเลยคือรอม 4.1 ของ One X และตัว One X+ ไม่สามารถใช้ Google Now ได้อย่างเต็มที่ (ถ้าจำได้ รีวิว One X+ ผมบ่นไว้ว่า Google Now ไม่ยอมพูด) มารู้ทีหลังว่ารอมโซนเอเชีย เอชทีซีไม่ได้ยัดตัวภาษาในโซน en-US มาให้ ดังนั้นใน Butterfly จึงใส่ภาษาโซนสหรัฐอเมริกามาให้ด้วยเพื่อให้ Talkback สามารถทำงานได้
ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ทั้งหมด ก็ยังคงเหมือนกับฝั่ง One X+ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ
แน่นอนว่า สามารถใช้งาน PlayStation Mobile ได้สมบูรณ์แบบด้วยครับ
ระบบเสียงของ HTC Butterfly ยังคงใช้ Beats Audio เช่นเดิม แต่มีการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติมพอสมควรในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งยังมี Amplifier แยกมาให้ด้วย เมื่อมองในแง่คุณภาพ ถือว่าทำการบ้านและปรับปรุงขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัดครับ
กล้องของ HTC Butterfly ยังคงใช้สเปคเดิมจาก HTC One X ครับ คือกล้องหลัก 8 ล้านพิกเซล เลนส์ f/2.0 มี BSI แต่ที่สำคัญกว่าคือกล้องหน้ามีการปรับปรุงมาอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล เลนส์กว้าง 88 องศา ทำให้สามารถเก็บภาพจากกล้องหน้าได้กว้างพอสมควร สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือการให้แสงของกล้องใน Butterfly ทำได้แย่กว่า One X และ One X+ พอสมควร ผมถ่ายภาพดินสีน้ำตาล ตัวกล้องประมวลผลออกมาออกแดงพอสมควร ก็ลองดูรูปตัวอย่างดู แล้วก็คิดกันเองนะครับ
ลองไปดูรูปขนาดเต็มเพิ่มเติมได้ที่ SkyDrive เช่นเคยครับ
HTC Butterfly ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon S4 แบบ Quad-core ตัวแรกที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย สิ่งที่แตกต่างจากพวกเลยก็คือประสิทธิภาพในการทำงาน เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการเข้า-ออก แอพพลิเคชั่นที่ค่อนข้างรวดเร็ว การเรนเดอร์วิดีโอต่างๆ ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่
ที่สำคัญคือตัวนี้สามารถใส่ Micro SD Card เพิ่มได้ จึงทำให้หายห่วงเรื่องหน่วยความจำสำรองที่หลายคนบ่นไว้กับ HTC One X แต่อย่างไรก็ตาม มันก็มาพร้อมหน่วยความจำในตัว 16 GB ซึ่งช่วยให้สามารถลงแอพพลิเคชั่นโดยใช้พื้นที่ตรงนี้ได้อย่างเต็มที่
เรื่องจุดเสียของ HTC Butterfly คงมีแค่จุดเดียวคือมันไม่รองรับ NFC และ 3G 900 MHz เพราะผมลองใส่ซิม AIS มันมองเห็นแค่ Edge และ GPRS เท่านั้นครับ
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ก็คงต้องให้ดูจาก Benchmark เช่นเคยครับ
จุดนี้ถือเป็นจุดที่ด้อยที่สุดของ HTC Butterfly ก็เป็นได้ เพราะเบื้องต้น HTC Butterfly ใส่แบตฯ มาให้แค่ 2020 mAh ซึ่งหลายคนบ่นว่าใช้งานจริงจะพอหรือไม่ ก็อย่างที่หลายคนคิดครับ เล่นติดๆ กันเพียงแค่ชั่วโมงเดียว เจ้าเครื่องนี้ก็ซดแบตไปถึง 30% แล้ว... และเมื่อหลายวันก่อนผมลองเล่นแบบต่อเนื่องจาก กรุงเทพฯ ถึง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพียงแค่ 3 ชม. กว่า ทำแบตจาก 95% เหลือเพียงแค่ 5% เท่านั้นครับ
เมื่อมองกันเผินๆ Phablet ตัวแรกของเอชทีซีอย่าง HTC Butterfly คงไม่ต่างจาก One X และ One X+ มากนัก เพราะหลายๆ อย่างยังคงเหมือนๆ กันอยู่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปเลยคือ ความละเอียดหน้าจอในระดับ Full HD ที่ถือว่าเป็นค่ายแรกที่กล้าทำ ผลตอบแทนของมันก็คือความคมชัดของหน้าจอในแบบที่ ชัดมากๆ ชัดจนไม่เห็นความแตกต่างอะไรแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายๆ อย่างที่ยังไม่ลงตัว เพราะด้วยความละเอียดแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ ทำให้แอพพลิเคชั่นหลายๆ ตัว แสดงผลเพี้ยนไปพอสมควร ถ้าไม่ติดอะไรมาก ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวท็อปที่น่าสนใจพอสมควรในช่วงนี้ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็อยากให้รออีกสักนิด เพราะอย่างน้อยๆ เราก็ยังไม่รู้ว่า HTC M7 จะเปิดตัวเป็นทางการเมื่อไหร่นั่นเองครับ
แต่ที่ผมรู้มาล่าสุดจากเว็บเพื่อนบ้านก็คือเอชทีซีประเทศไทย เอาตัวนี้มาขายแค่ 2,000 เครื่องเท่านั้นครับ ใครอยากได้ต้องตัดสินใจให้เร็วแล้วล่ะครับ