Amazon กับการจ่ายภาษีข้ามรัฐ

by relaxpor
20 February 2013 - 04:31

การซื้อขายสินค้าในอเมริกา แต่ละรัฐจะคุมกฎหมายภาษีเป็นเอกเทศแตกต่างกันออกไป ในอัตราที่ไม่เท่ากัน การซื้อขายสินค้าข้ามรัฐจึงสร้างปัญหาในการเก็บภาษี ดังเช่นคดีความระหว่าง National Bellas Hess บริษัทขายสินค้าผ่านจดหมายแค็ตตาล็อก กับกรมสรรพกรของรัฐอิลลินอยส์ ในปี 1967 การโต้เถียงลงเอยด้วยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่า ศาลอนุญาตให้การซื้อขายข้ามรัฐนั้น ได้รับการยกเว้นภาษี เนื่องจากความวุ่นวาย และการจัดการเป็นไปได้ยากมากในแต่ละรัฐ

“the many variations in rates of tax, in allowable exemptions, and in administrative andrecord-keeping requirements could entangle [the company]‘s interstate business in a virtual welter of complicated obligations to local jurisdictions” (emphasis added).

ปี 1967 คือปีที่เรายังใช้ Floppy Disk กันอยู่ และเป็นปีก่อนหน้าที่มหาวิทยาลัย MIT จะเริ่มโปรเจ็ค ARPANET ซึ่งเป็นต้นตอของ Internet เฉกเช่นปัจจุบัน

บริษัทหลายๆ บริษัท ต่างใช้ข้อได้เปรียบนี้ ในการซื้อขายสินค้าข้ามรัฐโดยไม่ต้องเพิ่มภาษีเข้าไป (บริษัทจัดการเอกสารง่ายขึ้น, ลูกค้าได้ภาพว่าซื้อสินค้าได้ถูกลง) รวมถึง Amazon.com เอง ที่ก่อตั้งในปี 1994 โดยเริ่มจากการขายหนังสือ และภาพยนตร์ ก็ไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีขายให้กับรัฐต่างๆ เช่นกัน เพราะเป็นการค้าขายสินค้าข้ามรัฐ

อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบนี้ เริ่มถูกโต้แย้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนรัฐต่างๆ เริ่มหาวิธีการจัดเก็บภาษีกับบริษัทเหล่านี้ และเป็นประเด็นร้อนแรงสุดเมื่อปี 2012 เมื่อ Amazon.com ออกมายินยอมต่อการเก็บภาษีของรัฐ California ในวันที่ 15 กันยายน 2012

ความยุ่งยากในการจัดเก็บภาษีข้ามรัฐนั้น ได้จมหายไปแล้ว เพราะการมาของเครื่องมือเครื่องใช้ที่สะดวกยิ่งขึ้น และความสามารถของอินเทอร์เน็ต ล่าสุด องค์กรอย่าง MFA: Marketplace Fairness Act ที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมต่อการทำธุรกิจ โดยเน้นประเด็นการเก็บภาษีขาย ก็เริ่มเปิดตัวและสร้างแนวร่วม รวมถึงขยายการจัดเก็บภาษีออกไปในทุกๆ รัฐ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สร้างรายได้ให้กับรัฐต่างๆ จำนวนมาก เพราะ Amazon คือยักษ์ใหญ่ของวงการ e-commerce อยู่แล้ว

ปัจจุบัน องค์กร MFA มีแนวร่วมมากมายอย่าง Best Buy, B&N, Walmart, Target รวมไปถึง Amazon.com ด้วย แต่บริษัทสำคัญที่ออกตัวต่อต้านการร่วมมือครั้งนี้ก็คือ eBay.com

การซื้อขายทั่วๆ ไป จำเป็นต้องมีการจัดเก็บภาษี เพื่อนำไปบำรุง ก่อสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับรัฐ บริษัทประเภท e-commerce เคยได้รับการยกเว้นเพราะความยุ่งยาก แต่ด้วยการมาของเทคโนโลยี ทำให้อำนวยความสะดวกในการจัดการมากขึ้น ข้อยกเว้นนี้จึงอาจควรต้องยกเลิก เพื่อเข้าสู่การแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม

ที่มา: MarketPlaceFairness, Forbes, NY Times

Blognone Jobs Premium