ในขณะที่แอปเปิลขาย iPhone ได้ 19.6 ล้านเครื่องต่อปีในประเทศจีน ตัวเลขยอดขายในอินเดียกลับมีเพียงแค่ 460,000 เครื่องเท่านั้น
แอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5% ในอินเดีย ถือเป็นผู้ขายอันดับ 6 ในตลาด ส่วนแชมป์เป็นของซัมซุงที่ 40%
ปัญหาของแอปเปิลในอินเดียมาจาก "ราคา" ของ iPhone ที่ถือว่าแพงมากสำหรับคนอินเดีย โดยรุ่นล่าสุดอยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ และถึงแม้แอปเปิลจะลดราคา iPhone รุ่นเก่าเหลือ 500 ดอลลาร์ ก็ยังสู้กับคู่แข่งรายอื่นๆ ที่ขายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 100 ดอลลาร์ลำบาก
นอกจากนี้แอปเปิลยังเจอปัญหาเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย เพราะโอเปอเรเตอร์ในอินเดียไม่มีร้านค้าปลีกของตัวเองเหมือนประเทศอื่นๆ ดังนั้น iPhone ต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายหลายชั้น (ระดับชาติ-ท้องถิ่น-หน้าร้าน) สร้างปัญหาเรื่องต้นทุนการจัดจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง
แอปเปิลอยากเปิดร้านค้าของตัวเองเพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากติดกฎระเบียบของประเทศอินเดีย ที่กำหนดว่าร้านค้าปลีกใดๆ ของบริษัทต่างชาติ ต้องซื้อชิ้นส่วน-วัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศขั้นต่ำ 30% (แต่อินเดียแทบไม่มีผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเลย)
ซัมซุงไปได้ดีในอินเดียเพราะแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหนือกว่ามาก ซึ่งตัวแทนขายสินค้าของซัมซุงมีมากถึง 100,000 แห่งในอินเดีย (แอปเปิลมีประมาณ 2,000 แห่ง)
แอปเปิลพยายามแก้ปัญหาโดยเจรจากับรัฐบาลอินเดียเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบ แต่ก็ยังไม่เกิดผล นอกจากนี้ยังพยายามสร้างช่องทางจำหน่ายเองที่ไม่ผ่านเครือข่าย และออกโปรโมชั่นผ่อนไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งก็เห็นผลบ้างเพราะยอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ก็ยังเป็นหลัก 250,000 เครื่องต่อไตรมาสอยู่ดี
นักวิเคราะห์จาก Strategy Analytics ให้ความเห็นว่าถ้าแอปเปิลอยากเจาะตลาดอินเดียจริงๆ ก็ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่านี้ โดยเฉพาะ iPhone ราคาถูกกว่า 250 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,500 บาท)
ที่มา - Wall Street Journal