ศึกชนช้าง Windows Phone 8: ATIV S ปะทะ Lumia 920 ตอนที่ 1 – เทียบสเปคและการใช้งานจริง

by advertorial
29 March 2013 - 04:28

ในที่สุดผู้เล่นในตลาด Windows Phone 8 ของประเทศไทยก็เข้าสู่สนามครบทุกรายแล้ว หลังจากที่รายล่าสุดอย่าง ATIV S เพิ่งวางขายได้ไม่นาน ทางซัมซุงประเทศไทยก็ได้ส่งเจ้า ATIV S มาให้รีวิว โดยจับมาเทียบกับคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง Lumia 920 จากโนเกียกันเลย

หมายเหตุ: รีวิวนี้จะได้รับการสนับสนุนจากซัมซุง แต่ก็เป็นการเทียบกันตามฟีเจอร์ และการใช้งานจริง ไม่ได้เซนเซอร์แต่อย่างใดครับ

ฮาร์ดแวร์

ด้วยความที่ไมโครซอฟท์กำหนดสเปคของ Windows Phone 8 มาค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นสเปคภายในของแต่ละเครื่องจะคล้ายกัน จะต่างกันไปตรงรายละเอียดปลีกย่อยอย่างหน้าจอ ตำแหน่งปุ่ม และวัสดุตัวเครื่องมากกว่าครับ ว่าแล้วก็มาลองจับสองรุ่นนี้เทียบกันดูเลย

กระจกด้านหน้าของทั้งสองรุ่นเป็นกระจกแบบเรียบ ขอบมนบริเวณที่มุมทั้งสี่ด้าน ตำแหน่งวางกล้องหน้าของทั้งสองรุ่นอยู่จุดเดียวกันคือมุมขวาบน จุดต่างเพียงจุดเดียวคือ ATIV S เลือกใช้ปุ่มโฮมเป็นปุ่มจริงตามแนวทางของซัมซุงเสมอมา ส่วน Lumia 920 เป็นปุ่มแบบสัมผัสทุกปุ่ม

มองดูจากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวเครื่องขนาดใกล้เคียงกันมาก แม้ว่าตัว Lumia 920 จะหน้าจอเล็กกว่าพอสมควร (4.5”) แต่เป็นหน้าจอสเกล 16:10 จึงกว้างพอๆ กับ ATIV S ที่หน้าจอ 4.8” แต่เป็นสเกล 16:9 นั่นเอง

การวางปุ่ม และพอร์ตของทั้งสองรุ่นต่างกันเล็กน้อย ถ้าไม่นับพอร์ต micro USB และพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ที่ถูกวางไว้ขอบล่าง และบนตามมาตรฐานแล้ว Nokia เลือกวางปุ่มต่างๆ ไว้ที่ด้านขวาทั้งหมด ไล่จากบนมาล่างจะเป็นปุ่มปรับเสียง ปุ่มเปิดเครื่อง และปุ่มชัตเตอร์ตามลำดับ ส่วน ATIV S จะวางปุ่มเปิดเครื่อง และปุ่มชัตเตอร์ไว้ด้านขวา และแยกปุ่มปรับเสียงไปไว้ด้านซ้ายเหมือนกับสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy

ความบางของตัวเครื่องต่างกันชัดเจนมาก ATIV S นั้นบางเพียง 8.7 มม. ส่วน Lumia 920 นั้นหนากว่านิดหน่อย ไปอยู่ที่ 10.7 มม. ส่วนความสูงตัวเครื่อง ATIV S จะยาวกว่าเล็กน้อยเนื่องจากสเกลหน้าจอเป็น 16:9 และยังมีหน้าจอใหญ่กว่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พลิกมาดูด้านหลังตัวเครื่อง ATIV S ใช้พลาสติกขัดลายอลูมิเนียมเป็นฝาหลัง วัสดุที่ใช้ใกล้เคียงกับที่เคยเจอใน Galaxy S III ที่บาง แต่ก็ยืดหยุ่นมาก ส่วน Lumia 920 สีแดงจะเป็นพลาสติกผิวมัน ตำแหน่งกล้องของทั้งสองรุ่นต่างกันไป ATIV S วางไว้ด้านบน ส่วน Lumia 920 วางไว้ตรงกลาง ซึ่งเราจะมาพูดถึงข้อดีข้อเสียของตำแหน่งวางกล้องอีกทีครับ

ฝาหลังของ ATIV S นั้นถอดออกมาได้ เมื่อเปิดฝาหลังจะพบกับแบตเตอรี่ขนาด 2300 mAh พร้อมสล็อตสำหรับใส่ micro SD เพิ่มหน่วยความจำที่ด้านซ้ายของฝาหลัง (ด้านขวาเป็นถาดใส่ซิม) ส่วน Lumia 920 นั้นถอดฝาหลังไม่ได้ ใส่ micro SD เพิ่มไมได้ และแบตเตอรี่จุน้อยกว่าที่ 2000 mAh

การถือใช้งาน

เปรียบเทียบการใช้งานมือถือด้วยมือถือเดียว และในอิริยาบทต่างๆ ATIV S สามารถใช้งานสะดวกทั้งมือซ้าย และมือขวา เนื่องจากแยกปุ่มไว้คนละฝั่งกัน เวลาถือมือขวาจะวางนิ้วโป้งไว้ที่ปุ่มเปิดเครื่อง และใช้นิ้วชี้/กลางวางไว่ที่ปุ่มปรับเสียง (มือซ้ายก็แค่สลับกัน) เนื่องจากจอใหญ่ ความกว้างของจอทำให้ผู้ใช้มือขวาเอื้อมไปกดปุ่มย้อนกลับที่ใช้ค่อนข้างบ่อยได้ลำบากหน่อย

การถือ ATIV S เพื่อถ่ายรูป ในท่าปกติแนวตั้งการกดชัตเตอร์ผ่านหน้าจอจะสะดวกกว่ากดปุ่มชัตเตอร์แยกมากๆ เพราะตำแหน่งของปุ่มมักจะอยู่บริเวณอุ้งมือ หรือนิ้วก้อย กดค่อนข้างลำบาก การถือถ่ายในแนวนอน (แบบกล้องคอมแพค) จะสะดวกกว่าถ้าใช้มือขวาเพียงอย่างเดียว ถ้าใช้สองมือจะมีโอกาสบังกล้องสูงมาก

ส่วน Lumia 920 ด้วยความที่ความกว้างพอกันจะประสบปัญหาเอื้อมไปกดปุ่มตรงข้ามลำบากเช่นเดียวกัน ด้วยการที่วางปุ่มไว้ทางด้านขวาทั้งหมด ถ้าหากใช้งานด้วยมือขวาจะลำบากมาก เพราะปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่ตรงอุ้งมือพอดี

การถือถ่ายรูปแบบปกติต้องระวังไม่ให้นิ้วไปบังกล้อง เพราะตำแหน่งกล้องอยู่ตรงกลางตัวเครื่อง ส่วนการถ่ายภาพแบบแนวนอนทำได้สะดวกทั้งมือเดียว และสองมือ โดยไม่ต้องห่วงว่าอีกมือจะไปบังกล้องแต่อย่างใด

การถือใช้งานทั่วไป ATIV S ทำได้ดีกว่า ด้วยฝาหลังที่เป็นพลาสติกขัดลาย ช่วยให้ถือได้มั่นคงขึ้น ส่วน Lumia 920 ที่วัสดุเป็นพลาสติกผิวมันนั้นจะค่อนข้างลื่นมือมาก โดยเฉพาะในที่อากาศแห้งๆ เมื่อรวมกับน้ำหนักของ Lumia 920 ที่หนักกว่ามาตรฐาน (185 กรัม) ใช้งานมือเดียวนานๆ จะรู้สึกเมื่อยได้เลย เมื่อลองเปลี่ยนมาถือ ATIV S จะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่เบากว่ามากๆ (135 กรัม)

หน้าจอ

เทียบกันตามสเปค หน้าจอของทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันมาก ATIV S ใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.8” ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ส่วน Lumia 920 ใช้หน้าจอ LCD IPS ขนาด 4.5” ความละเอียด 1280x768 พิกเซล พอลองจับมาเปิดภาพมาตรฐานในตัวเครื่องเทียบกัน เปิดความสว่างสูงสุด จะได้ผลดังนี้

สรุปตามภาพตัวอย่าง หน้าจอของ Lumia 920 จะสีออกอมแดง และจอความสว่างมากกว่า ส่วน ATIV S จะอมฟ้าเล็กน้อย แต่คอนทราสต์ดีกว่า ซึ่งถ้าเปิดโหมดปรับแสงอัตโนมัติ ในสภาพหน้าจอความสว่างไม่สูงสุด Lumia 920 จะสีซีดลงมาก เมื่อเทียบหน้าโฮมสกรีนสีเดียวกันจะพบว่า ATIV S นั้นสีสดกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน บางโทนสียิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แบตเตอรี่

จากการทดสอบการใช้งานทั้งสองเครื่องในรูปแบบคล้ายกัน (ลงแอพเหมือนกัน ต่อ Wi-Fi ทั้งวัน เปิดโหมดปรับแสงอัตโนมัติ และโหมดประหยัดไฟ) ผลปรากฎว่า อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ ATIV S อึดกว่าพอสมควร เทียบจากการใช้งานสลับกันตลอด 7-8 ชั่วโมงแบบไม่หนักมาก ATIV S แบตลดลงไปประมาณ 40% ส่วน Lumia 920 นั้นลดลงไปต่ำกว่าครึ่งแล้ว และตัวเครื่องยังร้อนไวกว่าด้วย

การจับตำแหน่งด้วย GPS

ความเร็วในการจับสัญญาณดาวเทียมของทั้งสองเครื่องเรียกได้ว่าเร็วพอๆ กัน ดังนั้นความต่างจะตกไปอย่กับการใช้งานจริงร่วมกับแอพแผนที่ ซึ่งจุดนี้ ATIV S ได้เปรียบตรงที่สามารถเรียกแอพขึ้นมาใช้งานได้เร็วกว่า (เปิดปุ๊ปติดปั๊ป จับตำแหน่งทันที) ส่วน Lumia 920 จะต้องรอเวลาเปิดแอพเล็กน้อย จึงใช้เวลาในนานกว่าในการจับตำแหน่ง แต่ก็ได้เปรียบตรงฟีเจอร์ที่มากกว่าเมื่อรวมกับ Nokia Drive ที่แถมมาในตัวด้วย

คุณภาพเสียง และการใช้งานโทรศัพท์

เรื่องเสียงลำโพงในตัวเครื่องจากการเปิดเพลงเทียบกันพบว่าเสียงของ Lumia 920 นั้นดังกว่าพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวางลำโพงไว้ตรงด้านล่างของตัวเครื่อง จึงไม่ถูกบังเวลาวางตัวเครื่องไว้กับที่ ต่างกับ ATIV S ที่วางไว้ด้านหลัง บวกกับเสียงที่เบากว่าอยู่ที่แล้วยิ่งทำให้เสียงเบาลงไปอีก ส่วนมิติของทั้งสองเครื่องนั้นคุณภาพกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นมากเป็นพิเศษทั้งคู่

การใช้งานโทรศัพท์ ATIV S ทำได้ตามมาตรฐาน แม้ว่าเสียงจากคู่สายจะเบาไปหน่อย แต่สนทนาได้ชัดเจนดี ส่วน Lumia 920 จะมีปัญหาเวลาโทรบางครั้ง อย่างการได้ยินเสียงตัวเองก้องๆ ตอนรอฝั่งตรงข้ามรับสาย บางครั้งถึงกับได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนกลับมาระหว่างคุยอยู่ และยังไม่รู้ว่าอาการที่ว่าเกิดจากอะไรครับ - -“

ปัญหาที่พบ

หลังจากใช้งานมาได้ราวหนึ่งสัปดาห์ก็พบว่าทั้งสองรุ่นมีปัญหาต่างๆ กันออกไป แบ่งตามรุ่นได้แบบนี้ครับ

ATIV S

  • ถ้าเข้าโหมดสลีปไปได้ซักระยะ บางครั้งจะตัดการเชื่อมต่อ Wi-Fi (อาจเป็นจุดที่ทำให้แบตอึดขึ้นก็ได้)
  • หลายๆ ครั้งปรับความสว่างหน้าจอต่ำเกินไป ในโหมดอัตโนมัติ
  • เสียงเบาทั้งลำโพงเครื่อง และลำโพงเวลาคุยโทรศัพท์

Lumia920

  • ถ้าต่อ Wi-Fi แบตจะลดลงเร็วจนผิดสังเกต
  • เสียงก้องก่อนคุย เสียงสะท้อนเวลาคุย
  • ถ้าปล่อยให้เครื่องแบตหมด อาจทำให้เกิดอาการ soft brick ชาร์จเข้า แต่เปิดเครื่องไม่ติด ต้องทำการ soft reset ด้วยการกดปุ่มลดเสียง และปุ่มเปิดเครื่องพร้อมกัน บางครั้งอาการหนักมากอาจต้อง hard reset ด้วยปุ่มลดเสียง ปุ่มชัตเตอร์ และปุ่มเปิดเครื่องพร้อมกัน

เทียบแอพเอ็กคลูซีฟ

แม้ว่าจะเปิดตัวมาได้พักใหญ่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่า Windows Phone 8 ยังมีแอพไม่เพียงพอต่อการใช้งานของผู้ใช้อยู่ดี ภาระทั้งหลายจึงตกไปอยู่กับผู้ผลิตที่ต้องหาแอพเอ็กคลูซีฟมาเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งทั้งซัมซุง และโนเกียก็ทำการบ้านตรงนี้มาทั้งคู่ครับ

แอพเอ็กคูลซีฟของแต่ละค่าย สามารถหาได้จากหน้าแรกของ Store โดยของซัมซุงจะเรียกว่า Samsung Zone ส่วนโนเกียจะเรียกว่า Nokia Collection โดยฝั่งซัมซุงจะเน้นหนักไปทางแอพที่พัฒนาขึ้นมาเองอย่าง ChatON แอพแชทบนมือถือ, MiniDiary แอพจนโน้ตฟังก์ชันครบครัน หรือแอพแต่งภาพสไตล์เมโทรอย่าง Photo Editor

ทางฝั่งโนเกียนอกจากแอพพัฒนาเองอย่างพวก Nokia Maps หรือ Nokia Drive แล้วยังมีแอพ และเกมที่เอ็กคลูซีฟไว้เฉพาะ Lumia ด้วยอย่างเช่น Angry Birds จาก Rovio หรือ Word with Friends จาก Zynga เทียบปริมาณแอพในหมวดนี้แล้วโนเกียจัดมาให้เยอะกว่าพอสมควร

นอกจากนี้โนเกียยังแพคแอพ App Highlight สำหรับที่รวบรวมแอพเอ็กคลูซีฟของตัวเอง และแอพสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน ที่น่าสนใจคือมีแอพไทยโดยเฉพาะรวมมาให้ไว้ด้วย

ปิดท้ายตอนแรกกันด้วยการเปรียบเทียบจุดเด่นของทั้งสองรุ่นนี้ ว่าแต่ละรุ่นใครเหนือกว่าตรงไหนอย่างไรบ้าง

จุดเด่น ATIV S

  • หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่กว่า (4.7”) สีสันสดใสกว่า
  • ตัวเครื่องเบากว่า อยู่ที่ราว 135 กรัม และบางกว่ามาก
  • ใส่ micro SD เพิ่มได้
  • แบตเตอรี่ความจุสูงกว่าที่ 2300 mAh และถอดเปลี่ยนได้

จุดด้อย ATIV S

  • ความจุเริ่มต้นน้อยกว่าที่ 16GB
  • เสียงลำโพง และไมค์สนทนาค่อนข้างเบา
  • หน้าจอความหนาแน่นต่ำกว่า (305PPI)

จุดเด่น Lumia 920

  • หน้าจอสว่างกว่า ความหนาแน่นสูงกว่า (331PPI)
  • ความจุเริ่มต้นมากกว่า 32GB
  • ลำโพงเสียงดังกว่า และวางตำแหน่งไว้ไม่ให้โดนบังง่ายๆ

จุดด้อย Lumia 920

  • ใส่ micro SD ไม่ได้
  • ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
  • วางปุ่มไว้กระจุกที่ฝั่งขวา ปุ่มเปิดเครื่องกดยากมาก
  • หน้าจอสีค่อนข้างซีด
  • แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนไม่ได้ และมีปัญหาเครื่องดับไปเองเป็นระยะๆ

สำหรับตอนที่ 2 เราจะพาเจาะลึกเรื่องกล้องของทั้งสองรุ่นนี้แบบถึงพริกถึงขิง ว่าเอาเข้าจริงแล้วกล้องรุ่นไหนจะเจ๋งกว่ากันครับ

Blognone Jobs Premium