รีวิว The New HTC Sense เมื่อความเรียบง่ายมาผสมกับความกีค??

by magnamonkun
8 April 2013 - 16:52

ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อนว่า รีวิวนี้เป็นส่วนที่ผมแตกออกมาจาก รีวิว HTC One อีกที เพราะรายละเอียดของ The New HTC Sense หรือ Sense 5 (ขอเรียกชื่อหลังละกัน) มันเยอะมากจนผมคิดว่า ถ้ายัดลงไป ผู้อ่านได้อ่านกันตาลายแน่นอน ก็เลยต้องขอยกมารีวิวกันทีหลังเลยละกันนะครับ

แน่นอนว่า Sense 5 เอชทีซีไม่ได้จำกัดแค่ HTC One แค่รุ่นเดียวเหมือนปีที่แล้วที่ Sense 4 ไม่สามารถยัดใส่รุ่นปี 2011 ได้ เพราะความเกี่ยวข้องในเรื่องของฮาร์ดแวร์ และ Beats Audio แต่สำหรับ Sense 5 รุ่นเก่าๆ อย่าง One S/One X/One X+ และ Butterfly รวมถึง Droid DNA และ J Butterfly จะได้อัพเดตให้เป็น Sense 5 แน่นอนแล้ว ดังนั้นรีวิวนี้ก็ถือเป็นการรีวิวรอมของรุ่นดังกล่าวไปในตัวเลยละกันนะครับ แล้วก็รีวิวนี้รูปค่อนข้างเยอะ อาจจะโหลดช้านิดนึงนะครับ

หมายเหตุ: รีวิวนี้อิงจาก HTC One ดังนั้นบางความสามารถจะไม่มีอยู่ใน One S/One X/One X+/Butterfly ตามที่เอชทีซีบอกไว้ล่วงหน้าแล้วนะครับ

ขั้นตอนการตั้งค่าตัวเครื่องครั้งแรก

ใน Sense 5 เอชทีซีเปลี่ยนวิธีการตั้งค่าตั้วเครื่องในครั้งแรกใหม่หมด โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะตั้งค่าตัวเครื่องอย่างไรบ้าง เช่นตั้งค่าเองเหมือนเมื่อก่อน หรือเลือกที่จะกู้คืนการตั้งค่าเก่าจากเซิร์ฟเวอร์ โอนถ่ายการตั้งค่าจากรุ่นเก่าของเอชทีซี ซัมซุง โมโตโรล่า หรือแม้แต่ iPhone หรือจะใช้ HTC Get Started เป็นต้นครับ

Home Screen & HTC BlinkFeed

เมื่อทำการตั้งค่าตัวเครื่องเริ่มต้นเสร็จ เราก็จะมาเจอกับหน้าแรกสุดของ Home Screen ใน Sense 5 นั่นก็คือ HTC BlinkFeed ครับ ตัว BlinkFeed เราต้องกำหนดเนื้อหาให้มันเสียก่อน ว่าจะให้แสดงเนื้อหาอะไรบ้าง เช่นบทความล่าสุดของ The Verge/TechCrunch/ESPN เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ถ้าเราทำการล็อกอินเข้า Facebook และ Twitter แล้ว ตัว BlinkFeed ก็จะไปดึง Activity ล่าสุดของเพื่อนของเราเข้ามาแสดงที่ตัว BlinkFeed เองก่อนครับ

การตั้งค่า BlinkFeed ของเรา ทำได้โดยการดึง BlinkFeed ที่อยู่บนสุด 1 ครั้ง และกดปุ่มเมนูเพื่อเข้าสู่การตั้งค่าครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากใช้ BlinkFeed จริงๆ เอชทีซีก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เพราะเอชทีซียังมีหน้า Home Screen ว่างๆ ให้อีก 2 หน้า เพิ่มได้สูงสุด 4 หน้า ซึ่งเมื่อรวมกับหน้า BlinkFeed แล้วเท่ากับว่า Sense 5 จะมี Home Screen เพียงแค่ 5 หน้าเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือน Sense เวอร์ชันก่อนหน้าที่มีมาให้ถึง 7 หน้า แต่ยังไงก็ตามเรายังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้หน้า Home Screen ตัวไหนเป็นหน้าหลักของเรา ในกรณีที่ไม่อยากให้ BlinkFeed มาเป็นหน้าหลักเวลากดปุ่ม Home กลับออกไป เพราะถ้าไม่กำหนด หน้าหลักก็จะเป็น BlinkFeed เสมอครับ

แต่ถ้าไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ก็ไปหา Launcher มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ตามความสะดวกครับ

App Drawer

App Drawer เป็นสิ่งที่เอชทีซีทำได้เกรียนสุดๆ แล้วล่ะครับ ใน Sense 5 ตัว App Drawer จะเปลี่ยนสไตล์ให้เหมือนกับ BlinkFeed เปี๊ยบ! คือการตั้งค่ารวมถึงทางลัดเข้า Play Store ทำได้โดยการดึง App Drawer ลงมา ส่วนการเปลี่ยนหน้า App Drawer ก็กลับไปใช้แนวทางเดิมของ Android สาย 2.x คือเลื่อนขึ้น-ลง แทนเลื่อนซ้าย-ขวาที่เป็นของสาย 4.x ครับ

สิ่งที่เปลี่ยนไปจาก Sense ตัวก่อนหน้าทั้งหมดก็คือ ขนาดของ App Drawer ใน Sense 5 จะมีแค่ 3x4 และ 4x5 เท่านั้น อันหลังผมไม่แปลกใจ แต่อันแรกนี่สิ... มาแบบแปลกมาก ปกติคนเค้าจะพยายามยัดเยียดให้มีไอคอนแอพพลิเคชันให้มากที่สุดในหนึ่งหน้า แต่กลับกัน เอชทีซีกลับใช้วิธีการในการวางไอคอนให้มีพื้นที่ว่างมากที่สุด ดูๆ ไปแล้ว ผมว่ามันก็สวยอีกแบบน่ะนะ

และนอกจากนี้ Sense 5 สามารถจัดแอพพลิเคชันตามความต้องการของเราได้แล้ว เช่นการจัดแอพพลิเคชันด้วยตนเอง เรียงตามตัวอักษร และจัดตามความบ่อยในการใช้งาน สิ่งที่พิเศษกว่า App Drawer ของ Vanilla Android ก็คือ ตัว Drawer ของ Sense 5 ถ้าเราเลือกการแสดงผลบน Drawer แบบ Custom เราจะสามารถใช้ Folder ภายใน App Drawer (ที่ปกติจะใช้ได้เฉพาะ Home Screen กับ Launch Bar) เพื่อจัดกลุ่มแอพพลิเคชันที่เราต้องการได้แล้ว เช่นการโยกแอพพลิเคชันของ Google เข้าที่เดียวกันเป็นต้นครับ

เพิ่ม – ลด Widget ในหน้า Home Screen

ตัววาง Widget ยังคงเหมือนกับ Sense 4 ครับ คือกดค้างบนพื้นที่ว่างในหน้าจอเพื่อเรียกหน้ารวม Widget ออกมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Widget ไม่ได้แบ่งแยกเป็นตระกูลเหมือนกับ Sense 4 แล้ว ต้องใช้เวลาในการงมหา Widget ที่ต้องการอยู่นานพอสมควร

Notification

น่าจะเป็นส่วนที่เอชทีซีไม่ได้เข้าไปยุ่งกับมันมากแล้วนะครับ Notification ของ Sense 5 จะเหมือนกับ Notification ของ Vanilla Android ทุกประการ ลากสองนิ้วขึ้น-ลง เพื่อดูเนื้อหาของ Notification เพิ่มเติมได้ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือปุ่มเรียก Settings ตรงมุมขวาบน ซึ่งก็เหมือนกับ Sense 4+ ที่ใช้แนวทางแบบนี้ครับ

Recent Apps

อีกหนึ่งคำสั่งที่เอชทีซีกลืน Vanilla Android แบบไม่เหลือชิ้นดีเลยตั้งแต่ Sense 4 ซึ่งจากเดิมที่ Sense 4 จะแสดงหน้าตาของ Recent Apps แบบ Card UI (เหมือน WebOS) มาใน Sense 5 เอชทีซีปรับให้ Recent Apps แสดงผลเป็นตารางขนาด 3x3 แทน การปิดแอพพลิเคชันทำได้โดยการตวัดนิ้วขึ้นข้างบน บนแอพพลิเคชันที่ต้องการจะปิดครับ

Lock Screen

หน้า Lock Screen เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเช่นเคย จากเดิมใน Sense 4 ที่จะให้ดึงวงแหวนเพื่อปลดล็อก แต่ใน Sense 5 ใช้วิธีการแค่ “ลูบหน้าจอขึ้นไปข้างบน” เป็นพอ แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถรันแอพพลิเคชันโดยการลากไอคอนขึ้นไปข้างบนเช่นกัน

นอกจากนี้การเรียกคำสั่งพิเศษ เช่นเรียกดูสายไม่ได้รับ ดูเพลงที่กำลังเล่น หรือดูข้อความ ก็สามารถลากบอลลูนที่ต้องการไปยังบริเวณกลางหน้าจอ เพื่อปลดล็อกและเรียกใช้งานได้ทันทีครับ

นอกจากนี้เราสามารถตั้งค่า Lock Screen เพิ่มเติมได้โดยเข้าไปที่ Personalization ซึ่งในนั้นจะมีให้เราเลือกว่าต้องการใช้ Lock Screen แบบไหน เช่นใช้ Wallpaper แบบเพียวๆ หรือจะเลือกให้แสดงข้อมูลการติดต่อ แสดงตัวเล่นเพลง หรือยกแกลลอรี่มาโชว์ หรือไม่ต้องล็อกเครื่องเลยเป็นต้นครับ

การรับสายเข้า

การรับสายเข้า อันนี้ดูเหมือนจะเอา Sense 2 มาผสมกับ Sense 3 อย่างชัดเจน และค่อนข้างกลืนตัว Vanilla Android ไปเกือบหมดเลยทีเดียวครับ ตอนล็อคเครื่อง ถ้ามีสายโทรเข้า เราสามารถดึงรูป Contacts ขึ้นไป หรือเพื่อรับสายเข้าได้เลย แต่ถ้าตอนที่เครื่องเปิดอยู่ สามารถกดปุ่มรับสายได้เช่นกันครับ

แอพพลิเคชันพื้นฐาน

แน่นอนว่าการครอบ Sense UI บนแอนดรอยด์ของเอชทีซีในทุกๆ ครั้ง เอชทีซีจะใช้วิธีการกลืนความปกติของแอนดรอยด์ และคงไว้ด้วยฟีเจอร์มาตรฐาน แต่กลับกัน เอชทีซีจะพยายามใช้วิธีที่จะไม่ให้ตัว Sense กลืนแอนดรอยด์เข้าไปมากจนเกินไป จนสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งานครับ

และใน Sense 5 ก็เช่นกัน เอชทีซียังคงใช้เทคนิคเดิม คือกลืน UI มาตรฐานของแอนดรอยด์แต่จะไม่ให้เข้าไปมากจนเกินไป ลองมาดูแอพพลิเคชันพื้นฐานใน Sense 5 ก่อนก็แล้วกันครับ

Browser

Browser ของ Sense 5 จะมีมาให้สองตัวครับ คือตัวที่พัฒนาต่อยอดจาก Browser มาตรฐานของแอนดรอยด์ กับ Google Chrome แต่รีวิวนี้เราไม่โฟกัสที่ Google Chrome แต่จะมาโฟกัสที่ Browser ตัวปกติ ที่มันมีความสามารถมากกว่า Browser มาตรฐานของ Android นั่นเองครับ

ใน Sense 5 Browser ยังคงมีความสามารถเหมือน Sense 4+ ทุกประการ แต่เปลี่ยนมาออกแบบ UI ให้คล้าย Google Chrome มากขึ้น และมันสามารถโฟกัสให้ดูเฉพาะเนื้อหาที่เรากำลังเปิดอยู่ได้ด้วยนั่นเองครับ นอกจากนี้ Sense 5 Browser ยังคงรองรับ Flash เช่นเคย

นอกจากนี้ Sense 5 Browser รองรับการตัดคำเมื่อซูมเข้ามาแล้ว (จริงๆ รองรับตั้งแต่ Sense 2 แล้ว) การตัดคำทำได้ดีพอสมควร เมื่อเอาไปเทียบกับ Google Chrome ครับ

Calendar

ในส่วน Calendar ของ Sense 5 มีการปรับปรุงไปเยอะพอสมควร คือมันสามารถแสดงผลได้เป็นรายวัน/รายสัปดาห์/รายเดือน/ตามวาระ และแสดงคำเชิญได้ โดยทั้งหมดยังคงอิงอยู่กับ Google Calendar เช่นเคยครับ

ส่วนการเพิ่มวาระ หรือเหตุการณ์ลงในปฏิทิน ยังคงเหมือนกับ Sense 4 และ Vanilla Android ไม่เปลี่ยนแปลง

Contacts

ในส่วนของ Contact เอชทีซีใช้วิธีการนำแอพ People (ใน Vanilla Android 4.x) มารวมกับเข้ากับแอพ Phone ครับ ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วในหน้า Dialer มีการเปลี่ยนจากของเดิมใน Sense 4 พอสมควร คือมันไม่แสดงรายชื่อทั้งหมดแล้ว แต่แสดงเป็นรายชื่อที่เราทำรายการล่าสุดแทน นอกนั้นจะเหมือนๆ กับ Sense 4 ครับ

เฉพาะในส่วน People มีการเพิ่มเติมเข้ามาจากตัว Vanilla Android พอสมควร จากเดิมที่มีแค่ 2 หน้า คือหน้าข้อมูล และหน้า Update ใน Sense 5 ก็แตกออกมาอีกเป็นสองส่วน คือเพิ่มส่วนของกรุ๊ปหัวข้อ และ แกลลอรี่เข้ามา คือใน HTC Sense เนี่ย เราสามารถลิงค์ข้อมูลของรายชื่อแต่ละคนเข้าหากันได้ เช่นลิงค์ชื่อจาก Google Contacts เข้า Google+/Facebook/Twitter หรือลิงค์เข้ากับรายชื่อในซิมก็ได้ แต่หลักๆ ข้อมูลจะดึงมาจาก Google Contacts เป็นส่วนใหญ่นั่นเองครับ

(ยืมพี่ @Blltz มาโชว์เป็นนายแบบหน่อยละกัน ฮ่าๆ)

ยังไงก็ตาม Dialer ยังคงมี T9 เหมือนเดิมครับ แต่ในกรณี Sense 5 อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าเอชทีซีปรับจากการแสดงรายชื่อทั้งหมดใน Sense 4 มาเป็นการแสดงรายชื่อที่เราทำรายการล่าสุด เพราะงั้นในกรณี T9 ตัว Sense 5 ก็จะคาดคะเนการกระทำของเรา ว่าติดต่อใครบ่อยที่สุด และจะหยิบชื่อคนนั้นขึ้นมา จากการคีย์ข้อมูลเบอร์โทรลงไปครับ

Mail

แอพอ่านอีเมลใน Sense 5 เอชทีซีได้ปรับปรุงใหญ่มาตั้งแต่ Sense 3.5 คือจากเดิมที่รองรับในรูปแบบข้อความ ให้เปลี่ยนมาเป็น HTML สมบูรณ์แบบ และใน Sense 5 ก็ยังคงใช้รูปแบบเดิมจาก Sense 4 ไม่เปลี่ยนแปลงครับ

Camera และ Gallery

แอพกล้องของ Sense 5 เนื่องจากเครื่องที่ถืออยู่ในมือเป็น HTC One และยังไม่มั่นใจว่า เอชทีซีจะตัดความสามารถของ HTC Zoe ออกในรอม Sense 5 ที่จะอัพเดตให้รุ่นปี 2012 หรือไม่ อันนี้จึงขอพูดคร่าวๆ เป็น Guideline ให้ HTC One ไปก่อนนะครับ

ตัวแอพกล้องของ Sense 5 ส่วนใหญ่ความสามารถยังเหมือนกับ Sense 4 คือ Burst Shot ได้สูงสุด 99 รูปในเวลา 1 นาที ถ่ายรูปขณะอัดวิดีโอได้ ใส่ Effect ขณะถ่ายรูปได้ครับ

การเปลี่ยนกล้องหลัก/กล้องหน้า จากเดิมใน Sense 4+ ที่เอชทีซีใส่ปุ่มสลับกล้องเข้ามา ใน Sense 5 ถูกตัดปุ่มดังกล่าวออก และเปลี่ยนไปใช้การลากหน้าจอจากขอบบนลงขอบล่างเพื่อเปลี่ยนกล้องแทนครับ

ส่วนตัวแกลลอรี่ก็เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร เพราะด้วยลูกเล่นของ Zoe นั่นแหละครับ ที่ทำให้แกลลอรี่ของ Sense 5 ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งเมื่อเข้าไปที่หน้าแรกตัวแกลลอรี่ ตัวแกลลอรี่จะให้เราเลือกว่า จะดูภาพจากไหน เช่นจากเพื่อนของเรา (อิงจากเฟสบุ๊ก) จากกล้อง หรือเข้าไปในอัลบั้มภาพถ่าย ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะแบ่งออกเป็นเหตุการณ์ อัลบั้ม และก็ตำแหน่งที่ตั้งครับ

จุดสำคัญเลยคือในแต่ละเหตุการณ์ จะถูกแยกออกจากกันโดยชัดเจน ถ้าเราไม่ได้ตั้งชื่อเหตุการณ์อะไรเลย ตัว Sense 5 ก็จะดึงตำแหน่งปัจจุบันของรูปถ่ายออกมาครับ เช่น อ.บางพลี, จ.สมุทรปราการ หรือ กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย เป็นต้น และที่สำคัญในแต่ละเหตุการณ์ ตัว Zoe ก็จะจัดการสร้างวีดิโอสไลด์โชว์ขึ้น 1 ตัวประจำในทุกๆ เหตุการณ์ ซึ่งเราสามารถมาตกแต่งเข้าวีดิโอนี้ทีหลังได้ครับ โดยเบื้องต้นเอชทีซีเปิดให้เราเลือกแบบได้ถึง 6 แบบเลยทีเดียว ลองดูตัวอย่างเอาจากที่นี่ก็แล้วกันครับ

นอกจากนี้ในตัวแกลลอรี่ ยังมีลูกเล่นในการแชร์ภาพแบบใหม่ที่ชื่อ HTC Share ด้วยครับ โดยเราสามารถเลือกแชร์ รูปภาพ วีดิโอ หรือ Zoe ได้สูงสุด 10 ภาพต่อ 1 เหตุการณ์ และยังรวมวีดิโอสไลด์โชว์ของแต่ละเหตุการณ์เอาไว้อีกด้วย ซึ่งเมื่อเราเลือกได้แล้ว ก็จะสามารถทำ Web Album ได้ 1 อัน โดยเอชทีซีจะเก็บข้อมูลเอาไว้ให้สูงสุด 180 วันต่อ 1 เหตุการณ์ครับ โดยแลกกับที่เราต้องผูก Web Album นี้กับเฟสบุ๊กหรือชื่อผู้ใช้งาน HTC Sense ของเราครับ

เล่าเป็นตัวอักษรคงไม่สะใจพอ ผมก็เลยมีตัวอย่าง Output เวลาแชร์โดยใช้ HTC Share มาฝากครับ

Music

แอพฯ เล่นเพลงของ Sense 5 มีการปรับปรุงขนาดใหญ่เลยทีเดียว เพื่อให้สอดกับฟีเจอร์ BoomSound ของ HTC One คือตัวแอพฯ จะเข้าไปดึงข้อมูลศิลปิน/ข้อมูลอัลบั้ม และข้อมูลเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ของ Gracenote ตลอดเวลา เพื่ออัพเดตข้อมูลเพลงในบางเพลงที่เราใส่ข้อมูลไม่ครบครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความแม่นยำของข้อมูลผมให้ 75/100 เพราะว่ามีอยู่ครั้งนึง ผมใส่เพลงของวง Rainbow ที่เป็นนักร้องสัญชาติเกาหลีใต้ แต่ตัว Gracenote กลับดึงข้อมูลศิลปินของวง Rainbow ที่เป็นร็อคเกอร์สัญชาติอังกฤษเข้ามาให้แทน

นอกจากนี้ตัว Music ของ Sense 5 ยังมีโหมด Visualizer มาให้ด้วย ซึ่งความพิเศษของมันคือตัว Visualizer จะเปลี่ยนฉากตามเพลงโดยอัตโนมัติ และนอกจากนี้มันยังสามารถดึงเนื้อเพลงจาก LyricFind มาเล่นเนื้อตามเพลงได้อีกด้วย แต่มีข้อเสียคือบางเพลง LyricFind หาเนื้อเพลงไม่เจอครับ เช่นเพลง Girls on the Dance Floor ของ Far East Movement กับเพลง Drop it Low ของ Kat DeLuna ที่หาไม่เจอครับ

ส่วนในเรื่องความแม่นยำของข้อมูลก็ให้ 50/100 ครับ เพราะยังมีดึงเนื้อเพลงมาผิดอยู่บ้าง หรือไม่ก็ เนื้อวิ่งเร็วกว่าเพลงก็มีครับ ที่สำคัญ ใช้กับเพลงไทย/เกาหลี ไม่ได้นะครับฟีเจอร์นี้

แอพพลิเคชันอื่นๆ ของ Sense 5

นอกจากแอพพลิเคชันที่กล่าวๆ มาทั้งหมด ยังมีแอพพลิเคชันอื่นๆ ที่เอชทีซีใส่เพิ่มเติมมาให้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อกลืนความกีคของแอนดรอยด์เป็นส่วนใหญ่ โดยเบื้องต้นแอพพลิเคชันที่เอชทีซีมีให้ก็จะมีดังนี้ครับ

TV เป็นแอพพลิเคชันสำหรับเช็ครายการตารางทีวีในปัจจุบัน จุดสำคัญก็คือ ฟีเจอร์การใช้ตัวเครื่อง HTC One เป็นรีโมทสำหรับควบคุมโทรทัศน์ มันอยู่ในนี้ แต่ฟีเจอร์ที่ใช้เรียกรายการทีวีนี้ใช้งานไม่ได้ในประเทศไทยครับ ก็ต้องดูว่าเอชทีซีประเทศไทยจะแก้ไขจุดบอดนี้อย่างไร

วิทยุ FM คงไม่ต้องพูดมากว่ามันคือแอพพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM นั่นเองครับ

Car ผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่ไม่เคยเล่นโทรศัพท์ของเอชทีซีเลยจะคิดว่าอันนี้คือเกมแข่งรถครับ แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น แอพพลิเคชันนี้คือโหมดสำหรับใช้งานในรถครับ โดยเมื่อเปิดแอพพลิเคชันนี้แล้ว GPS และ Bluetooth จะทำงานโดยอัตโนมัติ และไม่สามารถปิดได้ครับ

นาฬิกา เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ดูเวลา จับเวลา ตั้งเวลา หรือตั้งปลุก

หุ้น เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ดูหุ้น เหมาะสำหรับคนเล่นหุ้นโดยเฉพาะ อิงข้อมูลจาก Yahoo Finance ครับ

บันทึก เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้สำหรับจดโน้ตโดยเฉพาะ และมันยังสามารถซิงค์ข้อมูลกับ Evernote ได้โดยตรงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่ Evernote โดนแฮก จนต้องเปลี่ยน API และบังคับให้ผู้ใช้งานทำการเปลี่ยน Password ทั้งหมดนั้น มันส่งผลให้การซิงค์ข้อมูลของแอพฯ จดโน้ตใน Sense 4/4+ และ Sense 5 ไม่สามารถทำงานได้ครับ ตอนนี้ก็ใช้ Google Keep แก้ขัดกันไป ฮ่าๆ

งาน เป็นแอพพลิเคชันที่อิงกับ Google Task ครับ ใช้สำหรับบันทึกว่างานที่จะต้องทำมีอะไรบ้าง

เครื่องคิดเลข ที่ยังคงฟีเจอร์เหมือน Vanilla Android มาโดยตลอด แต่เปลี่ยนหน้าตาให้เรียบมากขึ้น

ไฟฉาย เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้แฟลชของตัวเครื่องให้เป็นไฟฉายยามฉุกเฉินได้ แต่อย่างไรก็ตามใน Sense 5 ตัดเอาความสามารถในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป ทำให้เป็นหน้าที่ของผู้ใช้ที่ต้องหาทางแก้ไขเองครับ

สภาพอากาศ เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ดูสภาพอากาศในแต่ละวันโดยตรง อิงข้อมูลจาก AccuWeather ครับ

บันทึกเสียง เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้บันทึกเสียงที่ต้องการเก็บไว้ เช่นหลักฐานในการเอาผิด หรือมัดตัวผู้ต้องหา หรืออะไรก็ตามแต่ครับ

การตั้งค่า

เมนูการตั้งค่าของตัว Sense 5 ยังคงพื้นฐานจาก Vanilla Android และตัว Sense 4 พอสมควร แต่อย่างไรก็ตามใน Sense 5 ผมยังไม่เห็นการตั้งค่า Android Beam เลยทำให้ไม่แน่ใจว่ายังคงสามารถใช้เจ้า HTC One (และ HTC One X) เล่น Android Beam ได้หรือไม่ครับ

สรุป

ก็จากที่เห็น จะเห็นได้ว่าเอชทีซีพยายามดัดแปลงตัวแอนดรอยด์ให้มีความกีคน้อยลง และเพิ่มความเรียบง่ายตามที่มีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ใน Sense 5 จะเห็นได้ว่า มันเน้นผู้ใช้ที่เป็นระดับ Consumer มากกว่า Developer แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบที่หรูหราของ HTC One อย่างลงตัว (แต่กับรุ่นอื่นๆ ขอไม่ออกความเห็นนะครับ ฮ่าๆ) อย่างไรก็ตามบางฟีเจอร์ยังคงขาดๆ เกินๆ ตามภาษาแอนดรอยด์ ถึงแม้ว่าจะมีแอพพลิเคชันของเอชทีซีออกมาแก้ขัด ก็ไม่สามารถช่วยให้เหตุการณ์มันดีขึ้น ยังไงก็ตามเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นดุลพินิจของผู้ใช้งานกันต่อไปครับ ว่าจะหาแอพพลิเคชันอื่นมาติดตั้งแทนหรือไม่

Blognone Jobs Premium