วันนี้บริษัทใหญ่รายงานผลประกอบการกันเยอะครับ ในส่วนของกูเกิลก็รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2013 เช่นกัน มีรายได้รวม 13.97 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 3.35 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15%
สำหรับรายได้ตามส่วนธุรกิจนั้น ตัวรายได้โฆษณาจากเว็บของกูเกิลเองยังคงเป็นรายได้หลัก 67% ของรายได้รวม มีการเติบโต 18%, Adsense ที่เป็นรายได้ 25% ของรายได้รวมเติบโต 12%, รายได้ Paid click เพิ่มขึ้น 20%, ราคาต่อคลิกลดลง 4%
ซีอีโอ Larry Page กล่าวในเอกสารแถลงผลประกอบการว่า เราเริ่มต้นปี 2013 ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 14 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 31% และพวกเรายังคงทำงานอย่างหนัก ลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายจะเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก
สำหรับเนื้อหาในช่วงของการแถลงผลประกอบการต่อนักวิเคราะห์ มีส่วนที่น่าสนใจดังนี้
* Larry Page เริ่มต้นด้วยการขอบคุณทีมฝ่ายขาย สำหรับตัวเลขไตรมาสนี้ ถึงแม้กูเกิลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วก็คือทีมงานอันแข็งแกร่งที่สุดนั่นเอง
* พูดถึง Google Now ว่าเป็นความพยายามของกูเกิลที่จะสร้างระบบที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยล่าสุดได้เพิ่มคุณสมบัติตั๋วชมภาพยนตร์เข้าไป
* การค้นหาด้วยคำสั่งเสียงจะมีความสำคัญมากขึ้น โดย Chrome ได้ออก API ที่ให้นักพัฒนาเพิ่มส่วนค้นหาด้วยเสียงลงไปในเว็บได้ง่ายขึ้น
* Google Play เพิ่มสินค้าภาพยนตร์ เพลง นิตยสาร โดย 7 ประเทศที่เปิดตัวนั้นมีอินเดีย และเม็กซิโกด้วย
* Play ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของกูเกิลที่มีการปรับปรุงต่อเนื่องรวดเร็วมากที่สุดตัวหนึ่ง
* เปิดตัว Enhanced Campaigns บน AdWords ซึ่งให้ผู้ซื้อโฆษณาสามารถเลือกซื้อโฆษณาเพื่อให้ปรากฏในทุกแพลตฟอร์ม ทำให้อัตราการลงโฆษณาบนมือถือเพิ่มสูงขึ้น
* Page กล่าวว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะกับอุปกรณ์พกพาทั้งหลาย เช่น ปัญหาอายุแบตเตอรี่ที่เป็นเรื่องกวนใจใครหลายคน ปัญหาหากลูกของคุณทำน้ำหกใส่จอแท็บเล็ต ไปจนถึงการทำโทรศัพท์มือถือตกหล่นจนพัง ปัญหาเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไขและเป็นโอกาสของ Motorola ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมา
* Page บอกว่าในมุมมองผู้บริหารนั้น การอยู่กับสิ่งเดิมที่บริษัทถนัดและเติบโตไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่ในโลกเทคโนโลยีนั้นพอถึงจุดหนึ่งที่ไม่เติบโตแล้วมันก็จะค่อยๆ ตายไป กูเกิลจึงต้องลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ต่อเนื่อง
* มีการยกตัวอย่าง Gmail ว่าได้เปลี่ยนวงการอีเมล โดยให้พื้นที่ความจุมากกว่าคนอื่น 100 เท่า หรือ Android ก็คล้ายกัน การเลือกทำในสิ่งใหม่แบบเดิมพันสูงมีข้อดีคือไม่มีการแข่งขัน เพราะไม่มีใครกล้าทำอย่างที่กูเกิลทำ
* Google Fiber เกิดจากความคิดของ Sergey Brin ที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยเปลี่ยนชีวิตผู้คนได้อย่างไร
* Google Glass เริ่มส่งมอบให้นักพัฒนา และตัว Page เองก็รู้สึกดีที่ได้ใช้มันทุกครั้ง เพราะนี่คือสินค้าแห่งอนาคต
* Page เลี่ยงที่จะให้ความเห็นเรื่อง Facebook Home ว่าจะกระทบกูเกิลแค่ไหน โดยบอกว่าภาพรวมแล้วผลิตภัณฑ์กูเกิลยังแข็งแกร่งอยู่
* Page ยอมรับว่า Glass ที่ราคา 1,500 ดอลลาร์นั้นถือว่าสูงมาก แต่สูงเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ทำออกมาน้อย ไม่ใช่เพราะมันดูหรูจนต้องมีราคาสูง
ที่มา: กูเกิล, Larry Page, GigaOM และ Barron's