Facebook ไตรมาสแรก รายได้จากมือถือคิดเป็น 30% แล้ว

by arjin
1 May 2013 - 23:29

Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2013 สิ้นสุดเดือนมีนาคม มีรายได้รวม 1.46 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้รวมนี้ 85% มาจากค่าโฆษณา โดยคิดเป็นโฆษณาในมือถือถึง 30% ของรายได้โฆษณารวม ขณะที่กำไรสุทธินั้นอยู่ที่ 219 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7%

ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่าเรามีสิ่งใหม่เปิดตัวออกมาหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา และยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดีในเครือข่ายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อไป

ตัวเลขที่นักวิเคราะห์สนใจกันมากคือจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำ โดยผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) เพิ่มขึ้น 26% เป็น 665 ล้านคน ผู้ใช้เป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้น 23% เป็น 1.11 พันล้านคน และผู้ใช้เป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ เพิ่มขึ้น 54% เป็น 751 ล้านคน ถึงแม้ตัวเลขเพิ่มขึ้น แต่นักวิเคราะห์ก็พบว่าอัตราการเติบโตยังคงถดถอยต่อเนื่องมาหลายไตรมาสแล้ว

ข้อมูลอื่นในช่วงการแถลงและตอบคำถามกับนักวิเคราะห์มีดังนี้ครับ

* Facebook ซื้อ Instagram ตอนนั้นมีผู้ใช้ 22 ล้านคน แต่ตอนนี้มีมากกว่า 100 ล้านแล้ว
* Instagram เติบโตด้วยอัตราที่เร็วกว่า Facebook มาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้งานที่เท่ากันตอนนั้น
* ผู้ใช้มือถือเปิดดู Facebook เฉลี่ย 15 ครั้งต่อวัน สูงกว่าทุกแอพ
* แอพยอดนิยม 81 ใน 100 อันดับแรกของ iPhone มีคุณสมบัติเชื่อมโยงกับ Facebook
* แนวทางโฆษณาบนมือถือจะเน้นไปที่การดาวน์โหลดแอพนั้น แทนที่จะเป็นเว็บแบบบนพีซี
* ผลสำรวจพบว่าผู้ใช้งานยังไม่รำคาญโฆษณาบน News Feed แต่ Facebook จะติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด
* การแทรกโฆษณาใน News Feed ช่วยให้ Facebook หมดปัญหาเรื่องโฆษณาหากต้องข้ามไปสู่แพลตฟอร์ม หรืออุปกรณ์ตัวใหม่
* ซีโอโอ Sheryl Sandberg กล่าวว่าโฆษณาบนมือถือเติบโตดีมาก โดยเฉพาะตลาดเอเชีย
* การวัดด้วยจำนวนคลิกไม่เหมาะสมสำหรับโฆษณาบนมือถือ เพราะคนส่วนใหญ่จะเห็นแล้วก็จดจำสินค้าเอาเสียมากกว่า
* แพลตฟอร์มโฆษณา Facebook มีจุดเด่นคือสามารถกำหนดลักษณะกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนกว่า เช่น กำหนดให้แสดงผลกับผู้มีแนวโน้มจะซื้อรถใหม่ภายใน 1 ปี
* ซีเอฟโอ David Ebersman แย้งว่าผู้ใช้งาน Facebook ที่อายุน้อยกว่า 25 ปียังมีอยู่จำนวนมาก และเป็นกลุ่มที่ใช้งานเยอะที่สุด โดย Ebersman บอกว่าเป็นเพราะผลสำรวจพบว่าคนกลุ่มนี้บอกว่าพวกเขาใช้อย่างอื่นที่ไม่ใช่ Facebook ก็เลยไปสรุปว่าคนจะใช้ Facebook น้อยลง ซึ่งมันไม่ได้แปลว่าแบบนั้นเสมอไป

ที่มา: Facebook, All Things D และ Business Insider

Blognone Jobs Premium