หากยังจำกันได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Mozilla ประกาศเปิดตัวมือถือสำหรับนักพัฒนาที่ใช้ Firefox OS จำนวนสองรุ่น (ข่าวเก่า) โดยผู้ผลิตคือ Geeksphone โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทโทรคมนาคมของสเปน คือ Telefonica และเพิ่งเปิดจำหน่ายไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา และสินค้าได้หมดลงอย่างรวดเร็ว แต่ที่ผ่านมามีการวางขายเพิ่มเติมอยู่เป็นระยะๆ
ในช่วงแรกสินค้ายังไม่จัดส่งมายังประเทศไทย แต่ครั้งล่าสุดนี้เปิดให้ส่งมายังประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ย่อมเป็นโอกาสอันดีในการสั่งเครื่องมาทดสอบไว้เพื่อ "ดูความเป็นไปได้" ส่วนหนึ่ง และใช้สำหรับการพัฒนาแอพอีกส่วนหนึ่ง สำหรับเนื้อหาภายในรีวิวนี้จะประกอบไปด้วยส่วนของ ที่มา ค่าใช้จ่าย บรรจุภัณฑ์และตัวเครื่อง ซอฟต์แวร์ กล้อง ซึ่งจะมีมุมมองทั้งในฐานะผู้ใช้ธรรมดา และมุมมองในฐานะของนักพัฒนาแอพด้วยประกอบกัน เพื่อความสมบูรณ์ของรีวิว และนี่คือรีวิว Geeksphone Keon ครับ
เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว (2011) Mozilla เริ่มมีความคิดในการสร้างระบบปฏิบัติการที่ใช้พื้นฐานจากเว็บแอพเป็นหลัก ซึ่งมีความคล้ายคลึงในแนวคิดแบบเดียวกับ Chrome OS จาก Google เพียงแต่เป็นระบบปฏิบัติการที่ทำงานอยู่บนสมาร์ทโฟน โดยในเวลานั้นยังใช้ชื่อว่า "Boot to Gecko" และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Firefox OS อย่างเป็นทางการ ซึ่งในระยะแรกนั้น ผู้สนับสนุนหลักของการพัฒนาตัวเครื่องต้นแบบคือผู้ให้บริการโทรศัพท์ของสเปนที่มีชื่อว่า Telefonica (ข่าวเก่า) โดยตัวเครื่องอย่างเป็นทางการได้รับการเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยรุ่น Keon และ Peak (ข่าวเก่า) ซึ่งทั้งสองรุ่นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักพัฒนาได้เข้าถึงเทคโนโลยีและทดลองตัวระบบปฏิบัติการ ตลอดจนถึงสร้างแอพไว้ก่อนล่วงหน้า (แนวคิดเดียวกับการแจกเครื่อง Dev Alpha ของ BlackBerry) นั่นเอง
สำหรับตัวของ Firefox OS เอง ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Mobile World Congress 2013 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกับผู้สนับสนุนทั้งผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ (ข่าวเก่า) ทั้งนี้สำหรับตัว Firefox OS ที่ผ่านมา ก็มีผู้สนับสนุนประกาศตัวอยู่เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง (ข่าวเก่า: 1, 2, 3, 4) และล่าสุดก็คือ Foxconn (ข่าวเก่า) โดยทาง Mozilla ตั้งใจที่จะสร้าง Firefox OS ให้เป็นระบบปฏิบัติการ 'ขั้วที่สาม' สู้กับ Android จาก Google และ iOS จาก Apple (ข่าวเก่า)โดยเน้นไปยังโทรศัพท์มือถือที่มีราคาถูกในประเทศที่กำลังพัฒนา (ข่าวเก่า)
สำหรับราคาของเครื่อง Keon นี้อยู่ที่ 91 ยูโร (ตกประมาณ 3,500 บาท) ไม่รวมค่าจัดส่งมาไทยที่ประมาณ 38 ยูโร (ตกประมาณ 1,500 บาท) และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากศุลกากรจำนวน 7% และค่าบริการดำเนินการด้านภาษีของแต่ละผู้ให้บริการ ในกรณีนี้ที่ Geeksphone ใช้บริการจาก UPS ในการจัดส่งมาให้อยู่ที่ 200 บาทสำหรับค่าดำเนินการ และค่าภาษีจำนวน 274 บาท รวมทั้งหมดแล้วอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวัน
ระยะเวลาตั้งแต่การสั่งของจนถึงการรับเครื่อง ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วันทำการ แล้วแต่ว่าจะติดวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่
สำหรับกล่องที่บรรจุเครื่องและอุปกรณ์นั้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สีน้ำตาลส้ม ขนาดพอประมาณ แต่ถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเบาพอสมควร
เมื่อเปิดกล่องออกมาด้วยการดึงขึ้น จะพบตัวเครื่อง Keon วางเด่นไว้ ขณะที่ตัวคู่มือจะอยู่ด้านบนตรงฝาที่เราดึงขึ้นไป ส่วนอุปกรณ์เสริมอยู่ด้านล่างของฐานรองตัวเครื่องอีกชั้นหนึ่ง
อุปกรณ์เสริมหลักๆ ก็มี แบตเตอรี่สำหรับเครื่อง สายชาร์จ Micro USB ที่ชาร์จ แล้วก็หูฟังครับ
สำหรับคุณสมบัติของตัวเครื่อง ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถหาอ่านได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นขอข้ามไปไม่กล่าวถึงในที่นี้ครับ โดยตัวเครื่อง Keon ด้านหน้าจะมีลำโพง ตัววัดรับแสง ปุ่ม Home และไมโครโฟน
ด้านข้างซ้ายของเครื่อง จะเป็นปุ่มเปิด-ปิด และปุ่มปรับเสียง
ข้างขวาของเครื่องมีเพียงพอร์ต Micro USB
ด้านหลังก็มีกล้อง และลำโพงครับ โดยส่วนหลังทั้งฝาหลังและด้านล่างของเครื่อง (ส่วนสีส้ม) ทำมาจากพลาสติกที่ดูเหมือนจะพ่นยางทำให้ไม่รู้สึกเป็นพลาสติกจนเกินไป ในเวลาเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าจับได้มั่นคง
ด้านบนมีเฉพาะช่องสำหรับหูฟัง ส่วนด้านล่างไม่มีอะไรเลยครับ
จะสังเกตได้ว่า ตัวเครื่องนั้นเหมือนจะลอยออกมาจากฝาหลังพอสมควรแม้จะไม่มาก (ส่วนสีดำ) ซึ่งให้ความรู้สึกในเชิงการออกแบบคล้ายๆ กับ Jolla ส่วนวิธีการเปิดฝาหลังนั้นจะต้องไปเปิดจากร่องที่ทำเอาไว้ด้านบนของเครื่อง เพื่อดันให้ฝาหลุดออกมาจากกัน
สำหรับเครื่องที่ได้รับนั้น รองรับ 3G บนคลื่นความถี่ 850/1900/2100 และใช้ซิมการ์ดขนาดปกติ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากในมุมมองผม) และช่องใส่ microSD
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา จะพบกับหน้าจอ Firefox OS ต้อนรับระหว่างเปิดเครื่อง
โดยรวมสำหรับตัวเครื่องหรือฮาร์ดแวร์ ถือว่าทำออกมาได้ดี น้ำหนักเบา มีขนาดเล็ก และให้ความรู้สึกที่ 'วัยรุ่น' พอสมควรสำหรับสีส้มสดที่ออกมา ซึ่งในแง่ของการใช้งานปกติแล้ว หากเป็นผู้ใช้ธรรมดา ย่อมรู้สึกถึงความแตกต่างจากมือถือปกติพอสมควร ด้วยน้ำหนักที่เบาและมีขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหน้าจออาจจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของ Keon เพราะไม่เพียงแค่หยาบเท่านั้น (ซึ่งอาจจะยังพอรับได้) แต่ยังแสดงสีได้ไม่ละเอียดด้วย ให้ความรู้สึกย้อนกลับไปยังสมัยที่มือถือสมัยที่ยังใช้ Windows Mobile 5
เนื่องจากนี่เป็นเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับนักพัฒนาโดยเฉพาะ สิ่งหนึ่งที่จะต้องยอมรับหรือคาดหวังเอาไว้ล่วงหน้าคือ 'ความไม่พร้อม' หรือ 'การขาดความเสถียร' ของซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นโดยตลอด เพราะแค่การใช้งานไม่ถึง 24 ชั่วโมง ผมสั่ง restart เครื่องไปถึง 5 รอบ และลงซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดไปอีก 1 ครั้ง ดังนั้นสำหรับผู้ใช้ธรรมดาทั่วไป ผมไม่แนะนำให้สั่งซื้อเครื่องนี้มาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หากเป็นนักพัฒนา ก็สามารถดาวน์โหลดตัว source code ของ Firefox OS แล้วนำมาสร้างเพื่อติดตั้งเองได้ (ลิงค์) หรือถ้าจะรอรอมจาก Geeksphone ก็ได้เช่นกัน (ลิงค์) ดังนั้นแล้วนี่อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่ง Firefox OS ให้เป็นไปตามที่ต้องการ
สำหรับตั้งแต่เปิดเครื่อง จะมีหน้าจอรอต้อนรับและตั้งค่าให้ ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีภาษาไทยนะครับ (แต่ทราบแล้วว่ามีการนำเสนอแป้นพิมพ์ภาษาไทยไปโดยคุณ pittaya และได้รับการรวมเข้าไปใน source code แล้ว (อ้างอิง) ซึ่งอาจจะมาถึงเครื่องในอัพเดทต่อๆ ไป)
จากนั้นก็จะมีหน้าจอสอนพื้นฐานก่อนไปถึงหน้าจอหลักครับ
หน้าจอหลักของเครื่อง
Notification Center
แอพพื้นฐานที่มาพร้อมกับเครื่อง ซึ่งเอาเข้าจริงหลายตัวเป็นเพียง 'ทางลัด' (shortcut) ไปถึงเว็บไซต์เท่านั้น เช่น Facebook หรือ Twitter
Marketplace หรือ App Store ของ Firefox ซึ่งตอนนี้ยังมีแอพไม่มากนัก
สำหรับวิธีการปลดล๊อคจากหน้าจอก็ใช้วิธีลากแถบขึ้นมา แล้วกดปุ่มปลดล๊อค ซึ่งก็จะเข้าถึงกล้องได้เหมือนกันด้วยวิธีนี้ เพียงแต่กดปุ่มกล้องเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ มีตัวตรวจสอบการใช้ข้อมูล (data usage) ให้ในตัว ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้ มีประโยชน์ในการคำนวณก่อนที่การใช้งานจะติด Fair Usage Policy (FUP)
ส่วนภาษาไทยก็อ่านได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
ในภาพรวมซอฟต์แวร์ให้ความรู้สึกในการใช้งานผสมระหว่าง iOS (เช่น การสั่งปุ่ม Home หรือวิธีการเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ) Android (ส่วน Notification Center และการตั้งค่า) และ Windows Phone (ในการเปลี่ยนไป-มา ระหว่างแอพ) แต่ก็ยังขาดอีกหลายๆ ส่วนที่ต้องเตรียมให้เข้าที่ ตัวอย่างเช่นแป้นพิมพ์ที่ไม่สามารถกดปุ่ม Shift สองครั้งให้เป็น Cap Lock ได้ หรือเวลาในการส่งไฟล์ผ่าน Bluetooth ก็จำเป็นจะต้องปิด Wi-Fi เพื่อไม่ให้รบกวนการส่ง แต่ปัญหาที่ค่อนข้างน่ากังวลคือ หากเปิดโปรแกรมไปสักพักหนึ่ง เครื่องจะทำงานได้อย่างช้ามากๆ แม้ว่าจะเป็นการเปิดทุกอย่างผ่านเว็บก็ตาม นอกจากนั้นแล้วตัวเครื่องเองเวลาใช้งานผ่าน Wi-Fi หนักๆ ก็จะมีอาการร้อนอยู่พอสมควร ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าปัญหาจะถูกแก้ไขในซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ ได้
(ภาพทั้งหมดดูได้เพิ่มเติมจากลิงค์ด้านล่างสุดของรีวิวครับ)
สำหรับกล้องของ Keon ควรมีเอาไว้เพื่อใช้ใน 'สถานการณ์ฉุกเฉิน' เท่านั้น เพราะคุณภาพต่ำเอามากๆ แน่นอนว่าไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการไว้ทดสอบความเข้ากันได้ระหว่างแอพตนเองกับ API อาจจะไม่ได้คิดในจุดนี้ ดังนั้นก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ถ่ายกลางวันอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่หากถ่ายในเวลากลางคืนแล้วก็เบลออย่างหนักครับ
จากประสบการณ์ในการใช้งานจริงหลังจากได้รับเครื่อง ต้องยอมรับว่าตัวเครื่องนั้นให้น้ำหนักที่เบาและมีขนาดเล็ก พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่สำหรับซอฟต์แวร์และกล้อง ยังคงเป็นปัญหาสำหรับ Keon ซึ่งซอฟต์แวร์อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดหากคิดจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่อยากจะทดลองระบบปฏิบัติการ Firefox OS โดยใช้เครื่อง Keon นั้น ต้องกล่าวไว้ ณ จุดนี้ว่า "ไม่แนะนำ" เนื่องจากความไม่พร้อมของระบบปฏิบัติการในระดับที่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ตลอดจนถึงหลายบริการของผู้ใช้ทั่วไป (เช่น Instagram) ยังไม่มีอยู่บนเว็บหรือออนไลน์ หน้าจอที่ค่อนข้างหยาบ ประกอบกับหากการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่มีคุณภาพ Keon จะกลายเป็นมือถือที่แทบไม่ต่างจากมือถือระดับล่าง (feature phone) แม้แต่น้อย
สำหรับนักพัฒนาแอพหรือคนที่สนใจ Keon ย่อมเป็นทางออกในการที่จะเข้าไปสัมผัสกับ Firefox OS ในระดับการใช้งานจริง ตลอดจนถึงการทดสอบแอพในสภาวะจริง ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้หรืออยากพัฒนาแอพบน Firefox OS ที่นอกเหนือจากการใช้ตัวจำลอง (emulator) บนเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติแล้ว เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ Keon ในการทดสอบ หรือถ้าสนใจที่จะ 'แก้ไข' ตัว Firefox OS ให้สอดคล้องกับตนเอง Keon ก็อาจจะเป็นทางออกเช่นเดียวกัน
กล่าวโดยสรุปแล้ว นี่ยังเป็นมือถือสำหรับนักพัฒนา ไม่ใช่สำหรับคนธรรมดา และยังต้องรอการปรับปรุงอีกมากก่อนจะเปิดจำหน่ายจริง ซึ่งจะชี้วัดว่า การพยายามขึ้นมาเป็นขั้วที่สามของ Firefox OS จะประสบความสำเร็จหรือไม่ในตลาดโดยรวม
หมายเหตุ ภาพทั้งหมดเพิ่มเติม ดูได้จากที่นี่ครับ