พาทัวร์ Opera Next 15

by jirayu
28 May 2013 - 16:37

เป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ ที่ Opera ประกาศว่าจะเลิกใช้เอ็นจิน Presto ของตัวเอง และหันไปพัฒนาโดยใช้ฐานจาก Chromium แทน และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะปล่อย Opera 14 for Android เบราเซอร์รุ่นมือถือที่มีฐานมาจาก Chromium ไป จนถึงวันนี้ ก็ได้ปล่อย Opera Next 15 เบราเซอร์เดสก์ท็อปที่ใช้ฐานจาก Chromium มาให้ลองกันแล้วครับ

Opera Next 15 พัฒนาขึ้นมาโดยใช้ Chromium 28 เป็นฐาน นั่นหมายความว่า Opera Next 15 จะได้เอนจินแสดงผล Blink มาด้วยนั่นเอง โดยใน Opera Next 15 ตัวแรกนี้  ยังพอร์ตเอาฟีเจอร์เก่าๆ กลับมาได้ไม่ครบ  หรือบางอันก็โดนถอดออกไปเสียอย่างนั้น ดังนั้นในฐานะสาวก Opera จึงขอเขียนรีวิวมันสักหน่อยแล้วกัน

สัมผัสแรกของ Opera Next 15

ในทีแรกที่ Opera 14 for Android ถูกปล่อยออกมา ผมค่อนข้างหวั่นใจมากๆ ว่า Opera สำหรับคอมพิวเตอร์จะออกมาเป็นเหมือน Opera 14 for Android คือเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมด ฟีเจอร์หายเพียบ และทำงานได้เชื่องช้าอืดอาด แต่พอได้ลองใช้จริงๆ ก็พบว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปมากขนาดนั้น โดยรวมหน้าตายังเหมือนเดิม และการทำงานที่อาจจะเรียกว่าเร็วขึ้นด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้หน้าตาโดยรวมจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่เอาจริงๆ การใช้งานจะต่างไปจากเดิมอย่างบ้างเหมือนกัน

หน้าแท็บเริ่มต้นใหม่: Speed Dial, Stash, และ Discover

หน้าแท็บเริ่มต้นของ Opera ถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่เป็นแค่ Speed Dial อย่างที่เราเห็นกันมาตั้งแต่ Opera 9.2 ก็จะเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาอีก 2 อย่าง นั่นคือ Stash และ Discover

Speed Dial ที่ถูกยกเครื่องใหม่

เอาเข้าจริง มันไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แนวคิดก็คือ "ปักหมุด" เว็บที่เข้าบ่อยเอาไว้ที่หน้าแรกเหมือนเดิม และยังสามารถเขียนส่วนขยายเพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติมได้เช่นเดิม โดยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา คือมันสามารถสร้างโฟลเดอร์ให้ Speed Dial ได้แล้วครับ (สักที)

โดยการเพิ่มเว็บลงใน Speed Dial สามารถทำได้ 3 วิธี คือ

  1. กด + ในหน้า Speed Dial
  2. กดที่ปุ่ม Speed Dial ที่อยู่มุมขวาของ Address bar
  3. คลิกขวาในหน้าเว็บแล้วกด Add to Speed Dial

Stash: ปักหมุดเว็บที่เก็บไว้อ่านทีหลัง

ฟีเจอร์นี้อาจจะคุ้นกันสำหรับคนที่ใช้บริการอย่าง Pocket (ชื่อเดิมคือ Read it later) ที่จะให้กดเก็บหน้าเว็บเอาไว้สำหรับอ่านทีหลัง ซึ่งหลายๆ คน เมื่อก่อนจะใช้วิธีเก็บลงบุ๊คมาร์คเอาไว้ และพออ่านเสร็จก็ปล่อยมันไว้ตรงนั้น ไม่ได้ตามลบทิ้ง (บุ๊คมาร์คแบบเดิมๆ นี่มันก็มีข้อเสียตรงนี้แหละครับ มันเหมาะกับคลิกไปอ่านอย่างเดียว ไม่เหมาะกับการจัดการเท่าไหร่ ซึ่งมันจะต้องเปิดตัวจัดการบุ๊คมาร์คมาจัดการอีกต่อนึง) โดยในหน้า Stash มันจะแสดงภาพตัวอย่างของหัวเว็บให้ดูด้วยนิดนึง

หรือหากไม่ชอบใจ อยากปรับขนาด หรืออยากดูแค่ลิสต์ ก็สามารถเลื่อนแถบทางขวามือเพื่อปรับขนาดได้เช่นกัน

โดยวิธีการเก็บเว็บลง Stash สามารถทำได้ 2 วิธี คือ

  1. กดที่รูปหัวใจ ที่มุมขวาของ Address bar
  2. คลิกขวาบนหน้าเว็บ แล้วเลือก Add to Stash

เมื่ออ่านเสร็จแล้วก็สามารถเอาออกจาก Stash ได้ด้วยวิธีเดียวกับตอนที่เพิ่มเข้าไป หรือกด x ทิ้งที่หน้า Stash ก็ได้เช่นกัน

Discover สำหรับอ่านข่าวที่น่าสนใจ

ฟีเจอร์นี้เป็นอีกฟีเจอร์ที่พอร์ตมันมาจาก Opera บนมือถือครับ หน้าที่ของมันก็คือจะเป็นหน้าที่รวมข่าวสารที่น่าสนใจ และจัดหน้ามาให้สามารถเลือกดูได้สบายตามากขึ้น

โดยเราสามารถเลือกหมวดหมู่ของเนื้อหาที่สนใจได้ (อาทิ เทคโนโลยี สุขภาพ บันเทิง กีฬา และอื่นๆ) ได้จากเมนูด้านบนซ้าย และสามารถเลือกโซนของข่าวได้จากเมนูรูปเฟืองที่เมนูด้านบนขวาครับ โดยมันจะไปดึงเอาข่าวท้องถิ่นหรือข่าวที่อยู่ในภาษานั้นๆ มาให้เรา (ยังไม่มีภาษาไทย) และในเมนูเดียวกันนี้ก็สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเอาข่าวหมวดไหนขึ้นใน Top stories บ้าง

บุ๊คมาร์คและ Opera Link ที่หายไป

แม้ฟีเจอร์อย่างหน้าแท็บเริ่มต้นจะได้รับการยกเครื่องใหม่หมด แต่ฟีเจอร์เดิมอย่างบุ๊คมาร์คและ Opera Link กลับถูกถอดออกไป

สำหรับบุ๊คมาร์คทาง Opera ตั้งใจที่จะถอดมันออกไป เพื่อให้มันเหมือนกับ Opera 14 for Android (ใช้ครับ Opera บนมือถือ มันก็ไม่มีบุ๊คมาร์ค!!) โดยที่ทาง Opera ตั้งใจจะให้เราใช้ Speed Dial และ Stash ในการเก็บเว็บที่เข้าบ่อยหรือเว็บที่จะเก็บไว้อ่านทีหลังแทนการใช้บุ๊คมาร์คแบบเดิมๆ ซึ่งอย่างที่ให้ดูไปแล้วว่า Speed Dial ใหม่สามารถสร้างโฟลเดอร์ได้ ดังนั้นการจัดบุ๊คมาร์คลง Speed Dial ก็อาจจะไม่รกเท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับการที่มันสร้างโฟลเดอร์ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ความคิดส่วนตัวของผม ผมว่ามันยังแทนกันไม่ได้ทั้งหมด ด้วยที่ตัว Speed Dial เองที่สร้างโฟลเดอร์ได้แค่ชั้นเดียว ทำให้บางครั้งเรายังเก็บเว็บได้ไม่เป็นระเบียบเท่าที่ควร และยังมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่แสดงผลด้วย คือเมื่อเราเก็บเว็บลง Speed Dial มากๆ หน้า Speed Dial ก็จะยาวไปเป็นกิโล (และหลายๆ คนก็เก็บบุคมาร์คกันเป็นร้อยเป็นพันด้วยสิ)

สำหรับ Opera Link นี้ ทราบมาว่ายังอยู่ในขั้น "เตรียมการ" เพื่อที่จะใส่มันลงไปใน Opera เวอร์ชันถัดไปครับ ดังนั้นค่อนข้างจะมั่นใจได้ว่า Opera Link จะกลับมาแน่นอน แต่จะทันรุ่นเสถียรหรือไม่นี่ก็อีกเรื่องนึง

Smartbox: เมื่อ Address bar และช่องค้นหา รวมเข้าด้วยกัน

คิดว่ามันคงเป็นของแถมที่มากับ Chromium กับช่อง Address bar แบบใหม่นี้ ซึ่งก็จะเหมือน Address bar เดิมครับ เราสามารถพิมพ์เว็บที่จะเข้า หรือพิมพ์ค้นหาในช่องนี้ได้เลย และสามารถเลือกได้ว่าจะค้นหากับเว็บไหน โดยคลิกที่ไอคอนมุมขวาล่างของรายการครับ

เมนูตั้งค่าใหม่ ที่ปรับได้น้อยกว่าเดิม

ใช่แล้ว มันปรับได้น้อยกว่าเดิมจริงๆ โดยเมนูตั้งค่าเดิมของ Opera นั้น จะมีลักษณะเป็นหน้าต่างแยกออกมา และยังมี opera:configs ให้เลือกปรับค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระดังภาพต่อไปนี้

แต่ใน Opera Next 15 มันกลายเป็นแท็บแบบเดียวกับ Chrome เป๊ะๆ ตัวเลือกที่สามารถปรับได้เหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือ ซ้ำร้ายหน้า opera:configs เดิมก็หายไปเสียอีก (กลายมาเป็นเปิดหน้าตั้งค่าธรรมดาแทน)

Opera Mail: Opera M2 ที่ถูกแยกออกไปเป็นอีกโปรแกรม

ปกติแล้ว Opera จะมีโปรแกรมรับส่งเมลแถมมาให้ในตัวด้วยตัวหนึ่ง ซึ่งมันมีชื่อเรียกว่า Opera M2 แต่กลายเป็นว่าในปัจจุบันคนกลับนิยมใช้งานผ่านเว็บมากกว่าโปรแกรมรับส่งอีเมล ทำให้เจ้า M2 มีคนใช้งานไม่มากนัก ทาง Opera ก็เลยจัดการตัดมันออกจากตัวเบราว์เซอร์เพื่อลดขนาดของเบราว์เซอร์ และแยกมันออกไปเป็นโปรแกรมใหม่อีกตัวนึงในชื่อว่า Opera Mail

Opera Mail ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากของเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิดครับ เอาจริงๆ มันคือ Opera 12 ที่ตัดเอาฟีเจอร์เกี่ยวกับการเปิดเว็บทิ้งออกไปนั่นเอง ดังนั้นผมจะไม่ขอพูดถึงมันก็แล้วกัน

ระบบส่วนขยายที่ถูก "เปลี่ยน" ใหม่

เหมือนจะเป็นไฟลท์บังคับ เมื่อเปลี่ยนมาพัฒนาต่อจาก Chromium ทำให้ระบบส่วนขยายเดิมถูกถอดทิ้ง และเปลี่ยนมาใช้โมเดลส่วนขยายของ Chromium แทน โดยทาง Opera เองก็เพิ่ม API ของตัวเองเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง (เช่น Speed Dial API) ทำให้ Opera Next 15 สามารถเอาส่วนขยายของ Chrome มาใช้ได้ทันที (แต่บางอันอาจจะเอ๋อๆ บ้าง อย่างเช่น อันที่ขอสิทธิ์ใช้งานระบบแจ้งเตือนของเบราว์เซอร์ เนื่องจาก Opera ไม่มีในส่วนนี้)

อย่างในภาพตัวอย่างนี้ ผมลองเอาส่วนขยายของ Chrome ที่ชื่อว่า Twitter for Chrome เอามารันบน Opera ก็บนว่าสามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร

สำหรับส่วนขยายเก่าของ Opera เอง ผู้ใช้จะต้องทำการพอร์ตให้มันมาเป็นส่วนขยายในรูปแบบของ Chromium เสียก่อน จึงจะเอามาใช้งานบน Opera ได้ อย่างไรก็ตาม ทาง Opera ได้เตรียมเครื่องมือสำหรับแปลงไฟล์ส่วนขยายของ Opera เดิม ให้เป็นส่วนขยายในแบบของ Chromium เอาไว้ให้แล้วครับ (แต่อาจจะไม่ถูกต้อง 100% ยังไงถ้าลองแปลงแล้วก็ควรตรวจสอบอีกรอบก่อนส่งขึ้นคลังส่วนขยายของ Opera ครับ) สนใจสามารถเข้าไปดูได้บน GitHub ได้เลยครับ

Off-road mode

จริงๆ มันก็คือ Opera Turbo ที่ถูกเปลี่ยนชื่อให้ดูดีขึ้นนั่นแหละครับ โดยตอนนี้มันจะหันมาส่งข้อมูลด้วยโพรโตคอล SPDY แทน เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล สำหรับการบีบอัดข้อมูลต่างๆ โดยรวมก็ยังเหมือนเดิมครับ (อย่างเช่นการแปลงภาพเป็น webp)

ส่วนติดต่อผู้ใช้ ดูเข้ากับ OS มากขึ้น

เดิมที Opera จะมีระบบสำหรับเขียนส่วนติดต่อผู้ใช้ของตัวเอง อาทิ เมนูคลิกขวา หรือไดอะล็อกต่างๆ ทำให้ในหลายๆ ครั้งที่พวกปุ่มกดหรือเมนูใน Opera ดูจะไม่เข้ากับ OS สักเท่าไหร่ แต่ใน Opera Next 15 ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบเขียนส่วนติดต่อผู้ใช้ของ OS เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ส่วนติดต่อผู้ใช้ต่างๆ จะดูเข้ากับ OS มากขึ้น ไม่ดูแปลกประหลาดอีกต่อไป

เครื่องมือสำหรับคนทำเว็บ

เรียกง่ายๆ ว่าเปลี่ยนไปใช้ของ Chromium ทั้งหมด ตั้งแต่ตัวตรวจสอบวัตถุในหน้าเว็บและตัวดูชุดรหัสหน้าเว็บ แต่ตัวตรวจสอบวัตถุในหน้าเว็บนั้นน่าจะเอา Dragonfly กลับเข้ามาในภายหลังครับ ส่วนแผงควบคุมข้อผิดพลาดเดิมของ Opera ก็หายไปเลย ต้องดูเอาในตัวตรวจสอบวัตถุในหน้าเว็บแทน

ที่น่าเสียดายที่สุดคือเครื่องมือดูชุดรหัสหน้าเว็บที่ของเดิมจะสามารถแก้ไขโค้ดและกด ปรับปรุง ลงไปได้เลย แต่ในเวอร์ชันนี้จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป (นั่นแหละ มันเป็นตัวดูชุดรหัสหน้าเว็บของ Chromium) ดังนั้นใครที่ติดใช้เครื่องมือของ Opera (อย่างผมเองเป็นต้น) ก็คงต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ ถ้า Opera ไม่เอาเครื่องมือเดิมกลับมา

ทิ้งท้าย

ทาง Opera เองนั้นบอกเอาไว้ว่านี่เป็นแค่พรีวิวแรกเท่านั้น ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เคยมีใน Opera ยังพอร์ตมาลงได้ไม่ครบ โดยที่จะทยอยใส่กลับเข้าในมารุ่นถัดๆ ไป (น่าจะหมายถึงพรีวิวถัดไป)

สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลย นั่นคือการใช้งาน

การใช้งานโดยรวมอาจจะเรียกได้ว่าเร็วขึ้น ซึ่งจะเห็นชัดเมื่อเปิดเว็บที่มีการประมวลผลหนักๆ อย่างเช่น Facebook แต่กับเว็บธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีการประมวลผลหนักๆ จะแทบไม่เห็นความต่างใดๆ ในด้านการแสดงผลนี่ผมยังตอบไม่ได้ว่าดีขึ้นแค่ไหน ส่วนตัวผมหวังลึกๆ ว่าปัญหาที่ผมเจอกับ Chrome ทั้งหลายแหล่ จะไม่ตามมาหลอกหลอนผมใน Opera 15 นี้ (ขอให้ Blink แก้ปัญหาน่าปวดหัวของ WebKit ไปให้หมดเถอะ)

ในด้านความเสถียร ถือว่าทำงานได้นิ่งมากครับ ไม่เจอการแครชอะไรเลยสักนิด และเปิดโปรแกรมได้เร็วกว่า Opera เดิมอย่างเห็นได้ชัด อันนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันเร็วขึ้นจริงๆ หรือเพราะผมเพิ่งติดตั้งมันกันแน่ ยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไป

แล้วควรจะเปลี่ยนจาก Opera เดิมมาใช้ Opera Next 15 เลยหรือไม่?

ส่วนตัวแล้ว สำหรับคนที่ใช้ Opera อยู่ก่อน ยังไม่แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เป็นตัวหลักครับ เนื่องด้วยว่ามันยังขาดฟีเจอร์สำคัญอย่างการซิงค์ข้อมูล (ถึงมันจะมี Bookmark Importer ให้ แต่เหมือนมันจะยังใช้ไม่ได้) แต่ถ้าใครไม่แคร์ตรงนี้ จะเอามาใช้ก็ไม่ว่ากัน ส่วน User ใหม่ผมก็ยังไม่ค่อยแนะนำอยู่ดี เพราะมันคือ Opera Next ครับ เป็นรุ่นทดสอบ อาจจะเปิดเหตุที่ไม่คาดคิดอะไรสักอย่างให้หงุดหงิดเล่นตลอดก็ได้ แต่ถ้าใครใช้ Chrome รุ่นทดสอบอยู่เป็นปกติ จะมาใช้ก็ไม่ว่ากัน

ดาวน์โหลด: Opera Next
ดาวน์โหลด: Opera Mail

ข้อมูลเพิ่มเติม: Opera Desktop Team, Opera Developer News

Blognone Jobs Premium