หลังจากที่ตัวแทนจากไมโครซอฟท์ ได้ออกมาบอกว่าผู้เล่นเกม ที่ไม่สามารถต่อเข้าอินเทอร์เน็ตทุก ๆ 24 ชั่วโมง ให้ไปซื้อ Xbox 360 เล่นแทนนั้น ก็เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ในอุตสาหกรรมวีดีโอเกมอย่างมาก หลาย ๆ คน รวมถึงสื่อบางรายได้ออกมาบอกทันทีเลยว่าเครื่องเกมคอนโซลยุคต่อไปนี้ ไมโครซอฟท์แพ้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่โซนี่ได้ออกมาเปิดตัว PS4 อีกรอบอย่างเป็นทางการ
TechCrunch บอกว่า หากมาดูเฉพาะฮาร์ดแวร์แล้ว Xbox One เป็นเครื่องคอนโซลที่ดีมาก ๆ มันเป็นเครื่องเล่นเกมที่สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มตัว ตั้งแต่เกมฮาร์ดคอร์แบบปรกติ ไปจนถึงเกมที่ต้องเชื่อมต่อกับ Kinect อีกความสามารถที่น่าชื่นชมก็คือความพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางของห้องนั่งเล่นอย่างแท้จริง ด้วยระบบ Home Entertainment System ที่เต็มตัว
โอกาสที่ Xbox One จะชนะ PlayStation 4 ในยุคนี้ก็มีสูงมากในตอนแรก Xbox One เป็นมากกว่าเครื่องเล่มเกม มันเป็นระบบ All-in-one สำหรับความบันเทิงในบ้านอย่างแท้จริง ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบเคเบิลทีวี, Skype หรือแม้กระทั่งเว็บ
แต่ไมโครซอฟท์ดันมาฆ่าตัวตายแต่เริ่ม ด้วยการตบหน้าคอเกม ด้วยคำพูดและพฤติกรรมที่ชี้ว่าไมโครซอฟท์ไม่ใส่ใจกับผู้เล่น ประมาณว่า "ไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องมาซื้อ ไปซื้อของเก่าสิ"
หัวหน้าฝ่าย Xbox ของไมโครซอฟท์ นาย Don Mattrick ก่อนหน้านี้ได้ออกมาบอกกับ GameTrailers ว่า ไมโครซอฟท์ได้สร้างเครื่องเล่นเกมนี้ให้สามารถอัพเดตตัวเองได้ไปเรื่อย ๆ ในอนาคต ทำให้เครื่องนั้นทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และถ้าใครไม่ชอบก็ยังมีอีกทางเลือก นั่นก็คือการกลับไปซื้อ Xbox 360 (ที่ตอนนี้มีอายุกว่า 8 ปีแล้ว และยังวางขายอยู่)
Xbox One ทำกับลูกค้าเหมือนกับว่าลูกค้าตัวเองเป็นโจร เกมทุกเกมจะต้องมี DRM ติดมาด้วย และต้องทำการ Authenticate เข้ากับระบบของไมโครซอฟท์ทุก ๆ 24 ชั่วโมง ใครก็ตามที่ต้องออกจากบ้านไปเที่ยวที่อื่นนาน ๆ แต่คิดว่าจะพก Xbox One เพื่อไปเล่นด้วย แต่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็ลืมได้เลย เพราะ Xbox One จะไม่สามารถทำงานได้แม้แต่น้อย
ที่แย่กว่านั้น หลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับ PRISM ระบบ Always-on ของไมโครซอฟท์ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก Xbox One นอกจากจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดแล้ว มันยังไม่สามารถทำงานได้ หากผู้ใช้ไม่เชื่อมต่อมันเข้ากับ Kinect ซึ่งก็เป็นอุปกรณ์ที่มีทั้งกล้องและไมโครโฟน ก็ Always-on อีกเช่นกัน เจ้าของ Xbox One ยังจะไม่สามารถขายเกมมือสองได้อีกด้วย ราวกับว่าซื้อ Xbox One แล้วผู้เล่นจะต้องอาศัยอยู่ในโลก 1984 ของ George Orwell เลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม การที่ไมโครซอฟท์ออกมาเข้มงวดกับผู้เล่นแบบนี้ ทำให้ไมโครซอฟท์มีข้อต่อรองสูงขึ้นกับค่ายเกม และสุดท้ายนี้ ทำให้ค่ายเกมสนใจที่จะทำเกม Exclusive ที่จะวางขายเฉพาะ Xbox One มากกว่าค่ายอื่น ๆ ไมโครซอฟท์สามารถที่จะรับประกันกับค่ายเกมได้เลยว่าเกมจะไม่ถูกละเมิดลิขสิทธิ และรายได้จากการขายแผ่นมือสองก็ยังกลับมาหาค่ายเกมอีกต่ออยู่ดี
หันกลับมาดู PlayStation 4
โซนี่อาจจะได้เปรียบตรงที่พวกเขาจัดงานแถลงข่าวกับสื่อที่งาน E3 หลังจากไมโครซอฟท์ แต่โซนี่ก็ได้ยืนยันมาตั้งแต่แรก ว่า PlayStation 4 จะเป็นระบบที่ไม่ต้องการให้ผู้เล่นต้องต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด ถ้าผู้เล่นพอใจที่จะเล่นเกมแบบ Single Player อย่างเดียว
ในขณะเดียวกัน โซนี่ยังได้ทำวีดีโอออกมาแสดงวิธีการขายเกมมือสอง หรือเอาเกมให้เพื่อนคนอื่นที่มี PS4 ต่อได้ภายในขั้นตอนเดียว (ชมวีดีโอข้างล่าง) เรียกได้ว่าเกมแผ่นที่ลูกค้าซื้อ สำหรับโซนี่ ลูกค้าซื้อเกม แต่สำหรับไมโครซอฟท์ ลูกค้าซื้อสิทธิที่จะเล่นเกมนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ค่าย PlayStation 4 ยังเปิดโอกาสให้กับนักพัฒนาเกมอินดี้ ค่ายเล็ก ๆ ให้สามารถนำเกมของตัวเองขึ้นมาวางจำหน่ายผ่าน PlayStation Store ได้ ในขณะที่ไมโครซอฟท์บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าค่ายเกมจะต้องขายเกมผ่าน Publisher
สรุป
ยุคเครื่องเล่นเกมคอนโซล Next-gen รอบนี้ หากตัดสินจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงงาน E3 ตัดสินได้เลยว่าโซนี่ชนะใจคนหลายคนไปแล้ว ด้วยการแสดงจุดยืนว่าโซนี่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง DRM ในขณะที่ไมโครซอฟท์ได้หันมาพัฒนาระบบ DRM ที่เรียกได้ว่าโหดที่สุดที่วงการเกมเคยเจอมา
ยิ่งไปกว่านั้น ไมโครซอฟท์ยังไม่ใส่ใจกับแผนการตลาด ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ายิ่งไมโครซอฟท์ออกมาพูดมากเท่าไหร่ คนก็เริ่มไม่พอใจมากกว่าเดิม และหวังว่าต่อจากนี้ไป ไมโครซอฟท์จะเริ่มเข้าใจว่าทำไมกระแสตอบรับ Xbox One ถึงแย่แบบนี้
ที่มา - TechCrunch