บริษัทไอทีองค์กรรายใหญ่ๆ ทุกวันนี้หันมาพูดเรื่อง cloud/big data กันหมดแล้ว ส่วนรายไหนจะโดดเด่นกว่ากันก็ต้องพิจารณาที่ "จุดเด่น" ของค่ายนั้นๆ ว่ามีอะไรที่สร้างความแตกต่างจากคนอื่นได้บ้าง
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารของออราเคิลคือคุณ Chandru Relwani มีตำแหน่งเป็น Senior Director, CRM Applications Product Management ของ Oracle ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (สำนักงานอยู่ที่สิงคโปร์) ในประเด็นด้านยุทธศาสตร์กลุ่มเมฆของออราเคิล
เมื่อพูดถึงออราเคิล ทุกคนคงนึกถึง "ฐานข้อมูล" กันโดยมิได้นัดหมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วออราเคิลก้าวข้ามจากบริษัทฐานข้อมูลอย่างเดียวไปนานแล้ว ผู้อ่านของ Blognone ที่ติดตามข่าวของค่ายออราเคิลในรอบ 4-5 ปีให้หลังมานี้คงทราบดีว่าออราเคิลเป็นบริษัทหนึ่งที่ "ซื้อแหลก" ซื้อบริษัทน้อยใหญ่ปีละเป็นสิบรายเข้ามาเสริมอาณาจักรของตัวเอง (List of acquisitions by Oracle)
ผลของการสั่งสมอาวุธหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ออราเคิลมีทุกอย่างตั้งแต่โพรเซสเซอร์ (SPARC) ฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์-สตอเรจ (ของ Sun เดิม) ระบบปฏิบัติการ (Oracle Linux/Solaris) ภาษาโปรแกรม (Java) ฐานข้อมูล (Oracle Database/MySQL) เครื่องมือพัฒนา (NetBeans) มิดเดิลแวร์ รวมไปถึงแอพเฉพาะทางสำหรับภาคธุรกิจอีกหลายสิบ (CRM/ERP/HR/Supply Chain) ฯลฯ
แนวทางแบบนี้เรียกว่า vertical integration หรือมีผลิตภัณฑ์ครบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ นี่ล่ะครับคือ "จุดเด่น" ของออราเคิลที่เหนือคู่แข่งรายอื่นๆ ตรงที่ "มีครบ" กว่าใครๆ
พอมาถึงยุคกลุ่มเมฆ ออราเคิลจึงยกซอฟต์แวร์-บริการทั้งหมดของตัวเองขึ้นเมฆได้แบบดื้อๆ เลย (เพราะว่าพร้อมหมดอยู่แล้ว) สามารถหยิบจับเฉพาะบางส่วนมาขายเป็นโซลูชันได้หมด หรือจะซื้อยกชุดออราเคิลก็ยิ่งจะยินดีเข้าไปอีก
ออราเคิลแบ่งโครงสร้างผลิตภัณฑ์สายกลุ่มเมฆของตัวเองเป็น 4 กลุ่มง่ายๆ ดังภาพ ได้แก่
ส่วนของ IaaS นั้นเข้าใจง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะไม่ต่างอะไรกับแพลตฟอร์ม IaaS เช่าใช้แบบ EC2 หรือ Azure เพียงแต่จุดเด่นของออราเคิลคือการใช้ฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ Exadata/Exalogic ของตัวเองที่ปรับแต่งมาดีกว่าฮาร์ดแวร์ทั่วๆ ไป
ส่วนของ PaaS ก็เป็นพวกฐานข้อมูล-มิดเดิลแวร์ของออราเคิลที่แพร่หลายในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจคือ SaaS หรือแอพพลิเคชันองค์กร ซึ่งออราเคิลมีอยู่เยอะมากทั้งงานด้านขาย ดูแลลูกค้า การเงิน จัดซื้อ บริหารจัดการโครงการ ฯลฯ ตัวอย่างแบรนด์เหล่านี้ได้แก่ PeopleSoft, RightNow, Taleo
จากนี้ไปซอฟต์แวร์ระดับแอพพลิเคชันของออราเคิลจะสามารถรันได้ทั้งบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on premise) และบนกลุ่มเมฆ (cloud) โดยไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ใช้โค้ดชุดเดียวกันหมด ตรงนี้เป็นอีกจุดขายหนึ่งสำหรับองค์กรที่ยังต้องแบ่งงานบางส่วนไว้บนเซิร์ฟเวอร์เดิม และบางส่วนไปไว้บนกลุ่มเมฆ (แนวคิดคล้ายๆ กับยุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์)
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือออราเคิลมอง social เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญถึงขนาดแยกออกมาเป็นพิเศษ ความสามารถด้าน social ของออราเคิลจะเน้นการดูดข้อมูลจาก social network ต่างๆ ไปวิเคราะห์ รวมถึงการสร้าง social network ภายในองค์กรสำหรับพนักงานด้วย
ฟีเจอร์ด้าน social ของออราเคิลจะแยกออกมาเป็นฟีเจอร์เฉพาะที่ผลิตภัณฑ์ระดับแอพพลิเคชันทุกตัวสามารถเรียกใช้งานได้ เรียกได้ว่าฝังความสามารถด้าน social เข้ามาให้กับผลิตภัณฑ์ทุกๆ ตัวเลย
ออราเคิลเคยสำรวจความเห็นของลูกค้าองค์กรเมื่อปี 2012 ว่าเหตุผลที่อยากหันมาใช้ cloud คืออะไรบ้าง ปรากฏว่าเหตุผลอันดับหนึ่งคือลดค่าใช้จ่าย 53%, ตามด้วยลดระยะเวลาในการพัฒนาแอพสู่การใช้งานจริง 44% และสร้างความยืดหยุ่นให้องค์กรธุรกิจ 35%
เมื่อถามว่าใช้ระบบ cloud มานานแค่ไหน ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มใช้กันมาระหว่าง 1-5 ปี ในขณะที่มีลูกค้าเพิ่งเริ่มใช้ภายในรอบปีล่าสุดน้อยลง (แปลว่าลูกค้าเริ่มใช้งานกันเยอะแล้ว)
มุมมองของลูกค้าแต่ละกลุ่มก็ต่างกัน เช่น กลุ่ม SME/SMB จะเน้นเรื่องการลดค่าใช้จ่าย-ความคล่องตัวเป็นหลัก ในขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ขึ้นจะเริ่มต้องมองประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามมาตรฐาน-กฎระเบียบ (compliance) ระดับประเทศด้วย
ทั้งหมดก็คือภาพรวมด้านยุทธศาสตร์กลุ่มเมฆของออราเคิล ซึ่งอาจดูไม่หวือหวาแต่มาแบบหนักแน่นเพราะว่ามีผลิตภัณฑ์ "ครบ" ทุกสายงาน ขยับทีจึงสร้างแรงสะเทือนในตลาดองค์กรได้อย่างไม่ยากเลย