โฆษณาชุดใหม่ของแอปเปิล แสดงให้เห็นทิศทางที่อาจเปลี่ยนไปมากนับแต่นี้

by Kiita
19 June 2013 - 17:20

ถ้าหากใครได้ติดตามดูโฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลอยู่เป็นประจำก็จะพบว่า แอปเปิลมักใช้รูปแบบเดิมๆ ในการนำเสนอมาตลอด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการใช้พื้นหลังสีขาวล้วนในทุกๆ ครั้ง และเหล่าผู้บริหารระดับสูงแต่ละฝ่ายก็จะออกมาพูดถึงประสบการณ์การใช้งานอันสุดยอด ในที่สุดก็จะปิดด้วยประโยคสวยหรูว่า “มันน่าทึ่งมาก” หรือไม่ก็ “มันเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา” จนช่วงหลังมานี้มีคนนิยมทำคลิปล้อเลียนกันมากขึ้น ลองชมหนึ่งในคลิปล้อเลียน iPhone 5 ที่มียอดชมสูงสุด

แต่ดูเหมือนว่าทิศทางโฆษณาของแอปเปิลจะเปลี่ยนไปหลังจากนี้ เห็นได้จากโฆษณาล่าสุด 4 ชุดนั้นไม่ได้กล่าวถึงความยอดเยี่ยมออกมาตรงๆ เหมือนที่ผ่านมา (และไม่มีพื้นหลังสีขาว) แต่เป็นการเล่าเรื่องในชีวิตจริงของผู้คนมากมายทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งปล่อยมาแล้ว 3 ชุด (ชมท้ายเบรค)

โฆษณาชุด "Photos Every Day"

โฆษณาชุด "Music Every Day"

โฆษณาชุด "Our Signature"

ท่ามกลางกระแสการแข่งขันรอบด้าน คู่แข่งต่างขยันจิกกัดแอปเปิลด้วยโฆษณารูปแบบต่างๆ แต่ล่าสุดแอปเปิลสวนกระแสปล่อยโฆษณาชุด "Making a difference. One app at a time." ซึ่งเป็นการเล่าถึงชีวิตจริงของคน 5 คนที่พูดถึงแอพพลิเคชันที่ทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น อาทิ นักกีฬาพาราลิมปิกหญิงที่ใช้แอพบนไอโฟนปรับองศาให้กับขาเทียมของเธอ, แพทย์ชนบทชาวเคนยาที่ใช้แอพ health care บนไอแพดเพื่อรักษาผู้ป่วยยากไร้ หรือกระทั่งแอพที่ใช้สอนลูกหลานชาวพื้นเมืองในเขตอาร์กติกให้อนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นเอาไว้

สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับแนวทางที่ปูไว้ในโฆษณาชุดก่อนหน้านี้ที่เน้นย้ำถึงภาพลักษณ์ของแอปเปิล "This is our signature, and it means everything" และสโลแกนที่อยู่ด้านหลังกล่อง "Design by Apple California" ทั้งสิ้น

ฟังดูมันอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิลที่มีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วโลกมองเห็นเป็นเรื่องสำคัญ มีรายงานว่าแอปเปิลใช้เงินราว 1 พันล้านดอลล่าร์ต่อปีเพื่อผลักดันแคมเปญโฆษณาชิ้นใหม่ๆ ออกสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก ดังนั้นนี่อาจจะเป็นสัญญาณอีกครั้งหนึ่งในการเปลี่ยนโฉมความเป็นแอปเปิลตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

ผมรู้สึกดีใจที่พื้นหลังสีขาวล้วนในโฆษณาชุดเดิมๆ จะไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียใจที่มันย้ายมาอยู่บนอินเตอร์เฟซ iOS 7 แทน

ที่มา - Business Insider

Blognone Jobs Premium