รีวิว ScoPad Iron ภาคต่อแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้ว สเปคแรง ราคาย่อมเยา

by Blltz
10 July 2013 - 10:35

เมื่อปลายปีก่อนทาง Blognone เคยรีวิวแท็บเล็ต ScoPad Hercules ที่ทาง Advice เป็นผู้นำเข้ามา และเพิ่งเปิดตัวไลน์อัพใหม่ของปีนี้ไปเมื่องาน TME เดือนพฤษภาคม โดยรุ่นที่ส่งมาให้รีวิวครั้งนี้คือ ScoPad Iron เป็นรุ่นต่อจาก Hercules ครับ เริ่มขายแล้วที่ราคา 2,990 บาทครับ (เห็นว่ามีเคสคีย์บอร์ดด้วย)

ScoPad Iron มาในรหัส SP0728 โดยรวมแล้วสเปคไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามาก มีเพิ่มมานิดหน่อย และปรับตำแหน่งของฮาร์ดแวร์ให้ดีขึ้น ฝั่งสเปคคร่าวๆ มีดังนี้ครับ

  • ซีพียูรุ่นเดิม Rockchip3066 ประกอบด้วยซีพียู ARM Cortex-A9 ความถี่ 1.5GHz ดูอัลคอร์ จีพียูเป็น ARM Mali-400
  • หน้าจอขนาด 7" ความละเอียดเท่าเดิม 1024x600 พิกเซล
  • อัพเดตไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ขึ้นเป็น Android 4.2.2 ตัวล่าสุดของปัจจุบัน
  • หน่วยความจำภายใน 8GB (ใส่ micro SD เพิ่มได้) แรมเท่าเดิมที่ 1GB
  • เพิ่มกล้องหลังเข้ามา ลดความละเอียดกล้องหน้าเหลือ VGA
  • ความหนาเท่าเดิมที่ 11.9 มม. หนักขึ้นเล็กน้อยเป็น 380 กรัม แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเป็น 3700 mAh (จากเดิม 3500 mAh)

    ฮาร์ดแวร์

เกริ่นมาพอสมควรแล้วก็มาดูตัวเครื่องกันบ้าง เริ่มตั้งแต่แพคเกจ ScoPad Iron ใช้แพคเกจแบบเดิมเป๊ะ แต่เปลี่ยนสีเป็นสีดำ อุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมกับตัวเครื่องมีเท่าเดิมคืออแดปเตอร์ สาย DC สำหรับชาร์จ สาย micro USB และหูฟังครับ

ตัวเครื่อง ScoPad Iron นั้นใช้ทรงเดิมกับ Hercules การใช้งานจึงเหมาะกับแนวนอนมากกว่าเช่นเคย ด้านหน้าโล่งๆ มีกล้องหน้าอยู่ด้านบนครับ

กล้องหน้าตามสเปคระบุว่าลดลงมาเหลือ VGA (รุ่นเดิม 2 เมกะพิกเซล) แต่พอใช้งานจริงแล้วพบว่ากล้องสว่างแบบใช้งานวิดีโอคอลได้สบายๆ

เสียดายที่มุมภาพ และตำแหน่งกล้องวางออกมาไม่ดีเท่าไหร่ ในแนวนอนถ้าใช้วิดีโอคอลจะแคบไปหน่อย ส่วนแนวตั้งต้องบิดมือเข้าหาตัว ไม่งั้นหัวจะไม่ตรงครับ

วัสดุตัวเครื่องของ ScoPad Iron เป็นอลูมิเนียมขัดทั้งตัว งานประกอบทำมาแน่นหนาดี ลองกดตรงขอบจอแล้วไม่มีเสียงกรอบแกร่บๆ ให้ได้ยิน

พลิกมาดูด้านหลังจะพบกับกล้องหลังความละเอียด 2 เมกะพิกเซลที่เพิ่มเข้ามา ด้านหลังของรุ่นนี้จะเรียบกว่าเดิม เพราะย้ายลำโพง (แต่เดิมอยู่มุมขวาบน) ไปไว้ขอบเครื่องแทน

กล้องหลังที่เพิ่มเข้ามา ถึงความละเอียดจะสูงกว่ากล้องหน้า แต่คุณภาพไม่หนีกัน (เผลอๆ มืดกว่าด้วยซ้ำ) มีแค่พอใช้ครับ

พูดถึงพอร์ต และปุ่มในตัวเครื่องนั้นเท่ากับรุ่นเดิม แต่มีการโยกตำแหน่งนิดหน่อย (อิงตำแหน่งจากด้านหน้าทั้งหมด) ไล่จากขอบด้านขวาจะมีปุ่มเปิดเครื่อง ปุ่มปรับเสียง ปุ่มย้อนกลับ และไมโครโฟนครับ

พอร์ตชาร์จ DC และ micro USB จากเดิมที่เคยอยู่ติดกับปุ่มชุดแรก รุ่นนี้ย้ายมาขอบฝั่งซ้ายแทน ทั้งสองพอร์ตใช้ชาร์จได้ทั้งคู่ครับ แต่ถ้าใช้สาย DC จะชาร์จเร็วกว่า

พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. และช่องใส่ micro SD ยังอยู่ที่เดิมขอบบนขวาตัวเครื่องครับ

อีกจุดที่ปรับตำแหน่งคือลำโพง ย้ายจากด้านหลังมาอยู่ขอบซ้ายบนแทน แต่คุณภาพเสียงยังไม่ต่างกับของเดิมครับ เสียงเบาไป และเปิดความดังสูงสุดแล้วจะมีเสียงแตกด้วย

เปรียบเทียบขนาด การใช้งานและแบตเตอรี่

แม้ว่า ScoPad Iron จะวางปุ่มมาสำหรับใช้งานแนวนอน แต่ในแท็บเล็ตจอเล็ก ใช้งานแนวตั้งยังสะดวกกว่ามากครับ เทียบกับมือในแนวตั้งจะได้ขนาดประมาณนี้

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ลองจับมาเทียบกับแท็บเล็ตอีกรุ่นที่ใช้หน้าจอใหญ่กว่าพอสมควรที่ 9.7" ให้เห็นความแตกต่างครับ

ผมใช้เครื่องนี้มาประมาณสองสัปดาห์พบว่าแท็บเล็ตเครื่องนี้เหมาะจะใช้อยู่ในบ้านมากกว่า เพราะหน้าจอยังไม่สว่างพอ ถ้าเป็นแดดช่วงสายๆ บ่ายๆ จะมองอะไรแทบไม่เห็นเลย ส่วนมุมมองแสดงผลกว้างเหลือเฟือ (น่าจะดีที่สุดในราคาใกล้ๆ กันแล้ว) รองรับสัมผัสพร้อมกันห้าจุดเท่าเดิมครับ

การถือใช้งานค่อนข้างงงปุ่มพอสมควรถ้าใช้แนวตั้ง ปุ่มทั้งหมดจะไปกองมุมซ้ายบน กดยาก ถ้าใช้แนวนอนสามารถใช้มือขวากดได้ทุกปุ่ม สะดวกดีครับ (โดยเฉพาะปุ่มย้อนกลับ) น้ำหนักเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่รู้สึกหนักขึ้นมาก แต่ถ้าเทียบกับ Nexus 7 หรือ iPad mini ก็หนักกว่าพอสมควรครับ

การใช้งานทั่วไปลื่นไหลมาก แม้สเปคจะเท่าเดิม ด้วยอานิสงส์ของ Android 4.2.2 เท่าที่ลองเล่นเกมใน Play Store ก็ทำได้ลื่นไหลดี ติดอยู่ที่บางเกมลงไม่ได้เพราะไม่รองรับขนาดหน้าจอ

ระยะเวลาการใช้งาน รุ่นนี้เพิ่มแบตเตอรี่เข้ามาอีก 200 mAh แต่ใช้งานจริงได้นานขึ้นพอสมควร ผมต่อ Wi-Fi อ่านข่าว เล่นเว็บได้ประมาณ 6 ชั่วโมง (เปิด auto brightness) ส่วนเล่นเกม ลองกับ Fieldrunner 2 ที่มีสามมิติพอสมควร เล่นไปเกือบสองชั่วโมงแบตเตอรี่ถึงลดต่ำกว่าครึ่ง

เซนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งที่ปรับปรุงไปมาก รุ่นนี้ไม่มีปัญหาเรื่อง Accelerometer ทำงานไวไปแล้วครับ

บั๊กที่เจอใน ScoPad Iron คราวนี้ออกจะร้ายแรงกว่าเดิมหน่อย (คราวก่อนเครื่องดับก่อนแบตหมด) แต่คราวนี้เป็นเปิดเครื่องไม่ติด T__T เผื่อใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่มีวิธีแก้ด้วยการล้างเครื่องด้วย Recovery mode ตามนี้ครับ

  1. ปิดเครื่องให้สนิท (กดปุ่มปิดเครื่องค้างประมาณสิบวิ หรือจนกว่าจะดับ)
  2. กดปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงค้างไว้ก่อน และกดปุ่มเปิดเครื่อง
  3. พอเครื่องขึ้นโลโก้ ScoPad ให้ปล่อยปุ่มเปิดเครื่อง เหลือแค่ปุ่มปรับเสียง
  4. ถ้าสำเร็จจะขึ้นเป็นรูป Android นอนแหกอกอยู่ ตรงนี้กดปุ่มเปิดเครื่องอีกที จะเข้าหน้า Recovery mode ครับ (ถ้ากดแล้วไม่เข้าก็กดไปเรื่อยๆ)
  5. เลือก reset data, reset cache แล้ว reboot ก็จะเปิดติดแล้วครับ

ข้อควรระวังคือใช้วิธีนี้แล้วข้อมูลหายเรียบนะ

ผลทดสอบ

สเปคเท่าเดิม คะแนนเลยไม่ทิ้งกับรุ่นก่อนนัก ทำคะแนนได้ใกล้เคียงกับพวก Tegra 3 ครับ

สรุป

ScoPad Iron แม้จะเพิ่มสเปคเข้ามาไม่มาก แต่โดยรวมแล้วยังคุ้มค่ากับราคาสามพันมีทอนอยู่ครับ จุดเด่นยังอยู่ที่เรื่องวัสดุ และเป็น Android รุ่นล่าสุดในปัจจุบัน เรื่องที่ต้องบ่นก็เป็นคุณภาพของอุปกรณ์ข้างในที่ลดทอนไปแลกกับราคาที่กดลงมาครับ

ข้อดี

  • สเปคใช้งานได้ลื่นไหล
  • วัสดุเป็นอลูมิเนียม ในขณะที่คู่แข่งราคาใกล้กันยังเป็นพลาสติก
  • ใช้ Android รุ่นล่าสุด
  • แบตเตอรี่อึดขึ้น!

ข้อเสีย

  • หน้าจอสว่างน้อยมาก
  • ลำโพงคุณภาพแย่ เสียงเบาและแตก
  • ผ่านไปครึ่งปี น้ำหนักที่มีก็เริ่มมากไป รุ่นหน้าต้องเบากว่านี้แล้วครับ
Blognone Jobs Premium