แกะกล่อง VAIO Pro 13 อัลตร้าบุ๊กจอสัมผัสขนาด 13.3 นิ้วเบาที่สุดในโลก

by Blltz
15 July 2013 - 12:11

เมื่อเดือนมิถุนายนในงาน Computex ที่มีโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่มาเปิดตัวหลายรุ่น Sony ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กซีรีส์ใหม่ VAIO Pro ไลน์สำหรับธุรกิจที่มาแทน S และ Z ตอนนี้เจ้า VAIO Pro ที่ว่าก็เริ่มวางขายในประเทศไทยได้ซักพักแล้ว สบโอกาสคุณ Khitichai ซื้อเครื่องมาใช้งาน เลยยืมมาแกะกล่อง แล้วลองเล่นสั้นๆ ครับ

พูดถึง VAIO Pro คร่าวๆ จะแบ่งเป็นสองรุ่นย่อยคือหน้าจอ 11" และ 13" รุ่นที่เขียนถึงคราวนี้เป็นรุ่นท็อปของ VAIO Pro 13 สเปคหลักๆ มีดังนี้ครับ

  • ใช้ซีพียูอินเทล Haswell Core i7-4500U ความถี่ 1.8GHz ดูอัลคอร์ (เร่งได้สูงสุด 3GHz ในโหมดเทอร์โบ)
  • หน้าจอ TRILUMINOS ขนาด 13.3" ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
  • SSD 256GB และแรม 4GB
  • นน. เบาเพียง 1.06 กิโลกรัม ขึ้นชั้นเป็นโน้ตบุ๊กจอสัมผัสบนหน้าจอ 13.3" ที่เบาสุดในโลกทันที

    แกะกล่อง!

เกริ่นมาพอควรแล้วก็มาดูตัวเครื่องกันเลยครับ ทรงกล่องของ VAIO Pro 13 เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาตรฐาน สีดำทึบ

เปิดกล่องเข้ามาจะเจอกับ VAIO Pro 13 นอนแผ่หราอยู่ ด้านล่างมีอุปกรณ์ติดเครื่องที่มาด้วยกันอย่างอแดปเตอร์สำหรับชาร์จ สายแปลง HDMI-to-VGA และอุปกรณ์ปริศนาอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งจะเก็บไว้พูดทีหลังครับ

VAIO Pro 13 ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ทำตัวเครื่องเพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบาเพียง 1.06 กิโลกรัม วัสดุส่วนฝาเป็นผิวด้าน เป็นรอยนิ้วมือง่ายพอสมควร (แต่ก็แถมผ้าเช็ดมาให้ด้วย) เท่าที่เช็คข้อมูลพบว่ามีสองสีคือดำ และเงินนะครับ ความเห็นส่วนตัวผมว่าสีดำสวยกว่ามากๆ

พลิกมาดูด้านซ้ายตัวเครื่องพบกับพอร์ต DC สำหรับชาร์จไฟอย่างโดดเดี่ยว ข้างกันมีช่องระบายอากาศอยู่

ขอบตัวเครื่อง VAIO Pro 13 ไม่ได้บางจนสังเกตได้แบบโน้ตบุ๊กบางเบารุ่นอื่นๆ เช็คจากเว็บทางการพบว่าความหนาอยู่ที่ประมาณ 17 มม. ครับ

ฝั่งขวาเป็นพื้นที่สำหรับวางพอร์ตทั้งหมดไล่จากซ้ายไปขวามีช่องอ่านการ์ด SD, พอร์ตหูฟัง 3.5, USB 3.0 สองช่อง พอร์ต HDMI และไฟแสดงผลการทำงานตัวเครื่อง ที่ติดอยู่กับปุ่มเปิดเครื่องด้านในครับ

ใต้ตัวเครื่อง VAIO Pro 13 มาแบบเรียบๆ มีโลโก้ และเลขรหัสรุ่นพิมพ์อยู่ด้านล่าง รูสี่เหลี่ยมเล็กๆ สองรูนั้นเอาไว้สำหรับต่อใช้งานแบตเตอรี่เสริม

เปิดดูตัวเครื่องมาพบกับสติ๊กเกอร์บอกฟีเจอร์ตามมาตรฐาน รุ่นนี้ที่เพิ่มเข้ามาจากโน้ตบุ๊กทั่วไปคือ จอสัมผัส และ NFC

พอกางตัวเครื่องใช้งานจะพบว่าเครื่องยกขึ้นเล็กน้อย ด้วยท้ายฝาหลังที่ทำหน้าที่เป็นแท่นให้ตัวเครื่องด้วย ตรงนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นรอย เพราะมียางกันลื่นติดมาด้วยทั้งสองฝั่ง

ไล่หาลำโพงตัวเครื่องอยู่นาน จนพบว่ารุ่นนี้ซ่อนลำโพงไว้เหนือคีย์บอร์ด บริเวณใต้จอนั่นเอง เป็นแถบยาวไปถึงอีกฝั่งเลย (แต่น่าจะมีส่วนลำโพงแค่ตรงขอบซ้ายขวาเท่านั้นแหละ)

ฝั่งขวาตัวเครื่องมีปุ่มสำหรับเปิด/ปิด (ต้องกดค้าง) พร้อมไฟแสดงสถานะตัวเครื่อง เท่าที่ลองพบว่ามีสองสีคือเขียว และแดงครับ

คีย์บอร์ดของ VAIO Pro 13 เป็นแบบชิคเล็ตมาตรฐานโน้ตบุ๊กบางเบาในปัจจุบัน มีไฟแบ็คไลท์ใต้คีย์บอร์ด (หาที่ปิดไม่เจอเสียด้วย) ตัวคีย์บอร์ดเปิดให้ใช้งานปุ่ม F1-F12 เป็นค่าพื้นฐาน ต่างจากโน้ตบุ๊กทั่วไปที่จะตั้งปุ่มฟังก์ชันเป็นปุ่มลัดสำหรับตั้งค่าตัวเครื่อง

อุปกรณ์ที่มากับเครื่อง

อุปกรณ์ของ VAIO Pro 13 แปลกกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร โดยเฉพาะอแดปเตอร์สำหรับชาร์จเครื่อง ที่มีพอร์ต USB มาให้ด้วย ฟังก์ชันพื้นฐานคงเอาไว้ชาร์จอุปกรณ์พกพาอื่นๆ โดยไม่ไปรบกวนพอร์ต USB ที่มีอยู่น้อยนิด

แต่นั่นยังไม่พอ เพราะว่าเจ้าพอร์ต USB บนอแดปเตอร์ตัวนี้ แท้จริงแล้วมันเอาไว้ต่อกับอุปกรณ์ปริศนา แว่บแรกเห็นคิดว่าเป็นอแดปเตอร์สำหรับต่อสาย LAN แต่พออ่านจากคู่มือ พบว่ามันเป็นเราท์เตอร์ไร้สายครับ!

วิธีการใช้งานง่ายๆ เพียงแค่เสียบสาย LAN เข้ากับอแดปเตอร์ เท่านี้ก็จะปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ออกมาทันที สามารถตั้งค่า Wi-Fi ได้จากซอฟต์แวร์ในเครื่อง ตัวเราท์เตอร์ที่ว่าเข้าใจว่าแถมมากับบางโมเดลเท่านั้นครับ

มีปุ่ม WPS เสียด้วย

อีกชิ้นที่มาด้วยกันคือ HDMI-to-VGA ครับ อันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ

การใช้งาน

เนื่องจากได้ลองจับสั้นๆ คงบอกรายละเอียดการใช้งานแบบชัดๆ ไม่ได้ เอาเป็นว่าเทียบกับโน้ตบุ๊กที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันซึ่งก็เป็นอัลตร้าบุ๊กเหมือนกันได้ประมาณนี้ครับ

ตัวเครื่องเบาแบบรู้สึกได้ เวลาใช้งานคีย์บอร์ดถ้าพิมพ์แรง หรือวางมือหนักหน่อย ตัวเครื่องจะยวบๆ บริเวณที่พักมือ (อันมาจากการที่เครื่องยกตัวขึ้นนั่นเอง)

คีย์บอร์ดของ VAIO Pro 13 นั้นเตี้ยกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปพอสมควร แม้คีย์บอร์ดจะวางเลย์เอาท์มาไม่ประหลาด แต่ในการพิมพ์ครั้งแรกๆ ก็ไม่ค่อยชินครับ ยิ่งใครไม่เคยจับอัลตร้าบุ๊กมาก่อนคงต้องปรับตัวกันพอสมควร

หน้าจอ TRILUMINOS สีสดมาก และคมชัดทั้งที่เป็นจอด้าน การแสดงผลจะคล้ายๆ กับที่เจอในจอมือถือมากกว่าโน้ตบุ๊กในตลาดครับ

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ คุณภาพเสียง ระยะเวลาการใช้งาน และกล้อง Exmor R ที่มากับเครื่องนี่ไม่ได้ลองเลย อันนี้คงต้องหาอ่านกันตามรีวิวแบบเต็มรูปแบบกันเองครับ

Blognone Jobs Premium