รีวิว Nokia Lumia 925 ตอนที่ 1: การออกแบบและ PureView

by advertorial
26 July 2013 - 00:38

Nokia Lumia 925 เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นของ Nokia ที่สร้างความฮือฮากันตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว เมื่อครั้งมีข่าวลือครั้งแรกตั้งแต่ช่วงต้นปีในโค้ดเนม “Catwalk” ด้วยการฉีกธรรมเนียม Nokia ในยุคนั้นที่มักใช้โพลีคาร์บอเนตเป็นวัสดุทำตัวเครื่อง เปลี่ยนเป็นอลูมิเนียมแทน และมาในลุคใหม่ที่เบาบางกว่าเดิม แก้ปัญหาของ Lumia 920 ที่มักถูกบ่นว่าเครื่องเป็นรอยง่าย และหนักมาก

ผ่านมาถึงช่วงกลางปี Nokia ก็เปิดตัวเจ้า Lumia 925 อย่างเป็นทางการ ด้วยสเปคที่ใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆ ในซีรีส์ Lumia 92x แต่ก็เพิ่มรายละเอียดเข้ามาเยอะที่สุดจากรุ่นย่อยอื่นๆ จะเรียกรุ่นนี้ว่าเป็นตัวท็อปสุดของซีรีส์ Lumia 92x ก็ว่าได้ และเจ้ารุ่นนี้ก็ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ (ดู Blognone ลองจับประกอบ)

ก่อนจะเข้าไปดูตัวเครื่องมาพูดถึงสเปคของ Lumia 925 เสียก่อนพอเป็นน้ำจิ้มได้ดังนี้

  • ซีพียู Qualcomm Snapdragon S4 รหัส MSM8960 ความถี่ 1.5GHz ดูอัลคอร์
  • หน้าจอ OLED ขนาด 4.5” ความละเอียด 1280x768 พิกเซล (PureMotion+) พร้อมเทคโนโลยี Clearblack และ Super-sensitive touch
  • รันระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 พร้อมอัพเดต Lumia Amber
  • หน่วยความจำภายใน 16GB และแรม 1GB
  • กล้องหลัง 8.7 เมกะพิกเซล พร้อมฟีเจอร์กันสั่น OIS แฟลชคู่ LED และกล้องหน้า 2 เมกะพิกเซล
  • ตัวเครื่องบางลงเหลือ 8.5 มม. และเบาลงเหลือเพียง 139 กรัม ในขณะที่แบตเตอรี่ยังจุเท่าเดิมที่ 2000 mAh

เกริ่นเกี่ยวกับเจ้า Lumia 925 มาพอสมควรแล้ว เรามาดูตัวเครื่องกันเลยครับ

ด้านหน้าของ Lumia 925 มาในทรงเดียวกับ Lumia 920 แต่เพิ่มเติมขอบทั้งสี่ด้านที่โค้งมน วัดขนาดแล้วตัวเครื่องสั้นกว่า และแคบกว่าเล็กน้อย หน้าจอของ Lumia 925 เปลี่ยนไปใช้ OLED จึงได้ความเข้มของสีที่เพิ่มขึ้นจาก Lumia 920 อย่างมาก สีดำที่ดำสนิท ความคมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ Lumia 920 ที่ใช้จอ LCD แม้ว่าหน้าจอจะเรียงพิกเซลแบบ RGBG (pentile) ก็ตาม

ด้านล่างตัวเครื่องเป็นจุดวางปุ่มมาตรฐานของ Windows Phone ที่ขอบฝั่งซ้ายมีไมโครโฟนสนทนาอยู่ จุดเปลี่ยนแปลงจากอัพเดต Lumia Amber คือปุ่มโฮม (Windows) สามารถกระพริบเพื่อแจ้งเตือนได้ด้วย

ด้านบนตัวเครื่องวางตำแหน่งกล้องหน้าไว้จุดเดียวกับ Lumia 920 แต่โยกโลโก้จากขวาสุดมาไว้ตรงกลางแทน ตำแหน่งเดิมของโลโก้ บริเวณใต้กล้องหน้าเยื้องมาทางขวา เป็นที่วางเซนเซอร์จับระยะ (proximity sensor) ในรูปนี้อาจจะมองไม่เห็น แต่ถ้าปิดหน้าจอจะเห็นเป็นจุดสีแดงจางๆ

พลิกมาดูขอบตัวเครื่อง Lumia 925 เปลี่ยนจากโพลีคาร์บอเนตเป็นอลูมิเนียมทั้งเฟรมเครื่อง และปุ่ม ส่วนการเรียงปุ่มนั้นเหมือนกับ Lumia 920 ทุกประการ ขอบขวาของเครื่องไล่จากซ้ายไปขวามีปุ่มปรับเสียง ปุ่มเปิดเครื่อง และปุ่มชัตเตอร์สองจังหวะ ส่วนขอบซ้ายโล่งๆ ไม่มีอะไรครับ

Lumia 925 โยกพอร์ตทั้งหมดของเครื่องทั้ง พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต micro USB รวมถึงถาดใส่ซิมมาไว้ขอบบนทั้งหมด ขอบล่างจึงโล่งเตียนเลยทีเดียว

พลิกมาดูด้านหลังเครื่อง Lumia 925 แม้ว่าจะยังใช้โพลีคาร์บอเนตเป็นฝาหลัง แต่ก็เป็นแบบผิวด้านทั้งหมด จากเดิมมีแค่สีดำ และสีเทาของ Lumia 920 เท่านั้นจะเป็นผิวด้าน ทำให้จับได้ถนัดมือมากขึ้น และด้วยความบางที่ลดลงจึงตัดฟังก์ชันชาร์จไร้สายออกไปจากตัวเครื่อง ให้ใช้งานผ่านเคสแยกแทน

ด้านบนของฝาหลังเป็นส่วนของกล้อง PureView ความละเอียด 8.7 เมกะพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS สำหรับถ่ายวิดีโอ โดยสเปคของกล้องตัวนี้ใช้ชิ้นเลนส์จำนวน 6 ชิ้น มากที่สุดในซีรีส์ Lumia 92x รูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.0 และมีแฟลชเป็น LED คู่

ด้านล่างของฝาหลังเป็นจุดวางลำโพง และจุดเชื่อมต่อสำหรับใส่เคสชาร์จไร้สาย

ความบางของ Lumia 925 จัดว่าบางสุดในซีรีส์ Lumia 92x อยู่ที่ 8.5 มม. แต่ในส่วนของกล้องด้านหลังยังคงนูนขึ้นมาพอสมควร ประมาณนี้

ในชุดของ Lumia 925 ที่ได้มารีวิวมีเคสสำหรับชาร์จไร้สายมาด้วย ตัวเคสเป็นพลาสติกแข็งผิวด้าน ตัดส่วนกล้อง และแฟลชมาให้เรียบร้อย พลิกไปดูด้านในจะเห็นจุดเชื่อมต่อกับจุดบนฝาหลัง และรอยเว้ารับกล้องที่นูนขึ้นของ Lumia 925 พอดีครับ

ลองจับมาใส่ตัวเครื่องแล้วได้หน้าตาแบบนี้ เท่าที่ลองวัดดูจะหนาขึ้นมาประมาณ 2 มม. แต่น้ำหนักไม่ต่างจากของเดิมจนรู้สึกได้ครับ

พูดถึงตัวเครื่องกันไปพอสมควรแล้วก็จะมาพูดถึงจุดเด่นอีกอย่างของ Lumia 925 อย่างกล้อง PureView ที่ขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายในที่มืด ซึ่งต้องบอกก่อนว่า PureView ที่ใช้บน Lumia 925 (และรุ่นก่อนหน้าอย่าง Lumia 920) นั้นต่างจาก PureView รุ่นแรกอย่าง PureView 808 ที่ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่ภาพถ่ายความละเอียดสูง มีสัญญาณรบกวนน้อย สามารถซูมได้โดยไม่เสียความคมชัด ข้อเสียคือขนาดของมอดูลกล้องที่ใหญ่มากจนกล้องนูนออกมาจากตัวเครื่อง และน้ำหนักมากกว่าปกติ

ส่วน Lumia 920 และ Lumia 925 ใช้เทคโนโลยี PureView อีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย แต่ยังได้ภาพสว่าง คมชัดในระดับที่เหนือกว่าคู่แข่งสมาร์ทโฟนอื่นๆ ด้วยชิ้นเลนส์จำนวน 5-6 ชิ้นที่ทำงานร่วมกับระบบกันสั่น (OIS) และขนาดมอดูลกล้องยังไม่ใหญ่มากเท่ากับ PureView 808 และใช้งานได้ทั้งกับการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ (ใครที่ยังงงๆ สามารถดูได้จากวิดีโอด้านล่างครับ)

ในตอนแรกของการรีวิว Lumia 925 เราจะเน้นไปที่การใช้งานกล้องโดยทั่วไปที่ติดมากับเครื่องกันเลย ในแง่ของฟีเจอร์ และอินเทอร์เฟซนั้นไม่ต่างอะไรกับ Lumia 920 (ที่ blognone เคยรีวิวไปแล้ว) ดังนั้นเราจะมาลงรายละเอียดกันที่คุณภาพภาพนิ่งในหลายๆ สภาพแสง และคุณภาพ OIS เมื่อใช้งานกับการถ่ายวิดีโอกันเลย (ทุกภาพสามารถกดเพื่อดูขนาดเต็มได้ครับ)

ภาพถ่ายกลางแจ้ง

คุณภาพภาพนิ่งยามถ่ายกลางแจ้งของ Lumia 925 จัดว่าดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ในบางสภาพแสงที่จ้าไป ภาพจะออกโอเวอร์ไปนิดหน่อย โดยเฉพาะเมื่อดูบนจอคอมพิวเตอร์ จะพบว่าสีภาพซีดลงจากบนจอมือถือ แต่ยังอยู่ในระดับที่สีสันกำลังเป็นธรรมชาติครับ (อาจเป็นเพราะหน้าจอของ Lumia 925 เป็น OLED ที่ปรับคอนทราสต์ และความอุ่นของภาพมาระดับหนึ่งด้วย)

ภาพถ่ายในอาคาร มีแสงพอสมควร

สำหรับภาพถ่ายในอาคาร ถ้ายังมีแสงพอสมควร (แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามา) คุณภาพของภาพจาก Lumia 925 ยังคงทำได้ดี แม้จะมีอาการวัดแสงโอเวอร์ติดมาเหมือนกับการถ่ายนอกสถานที่ แต่ก็น้อยลงแบบเห็นได้ชัด (ในภาพตัวอย่างนี่ผ้าขนหนูเป็นสีแดงจัด ส่วนขนนกก็เขียวสดเลยนะครับ)


ภาพถ่ายในที่แสงน้อย

ภาพถ่ายในที่แสงน้อยถือว่าเป็นจุดเด่นของ Lumia 925 เลยก็ว่าได้ ด้วยจุดขายที่ชูมาตั้งแต่แรกว่าสามารถถ่ายภาพได้สว่าง และยังคมชัดแม้แสงจะน้อยด้วยเทคโนโลยีกันสั่น OIS ของโนเกียเอง

ประเดิมกันที่ภาพแรกถ่ายในอาคาร มีแสงภายนอกเข้ามาเล็กน้อย ผลคือ Lumia 925 สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนมืดของภาพได้พอสมควร แต่กลับมีจุดตายตรงที่หากมีแหล่งกำเนิดแสงในภาพ (เช่นจอภาพในตัวอย่าง) จะทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดแสงฟุ้งโอเวอร์ เนื่องจากการเปิดชัตเตอร์นานกว่าปกติ

ภาพต่อมาลดแสงน้อยลงไปอีก และมีแหล่งกำเนิดแสงเพียงจุดเดียว และไม่สว่างมากนัก ภาพที่ได้จึงมีรายละเอียดเฉพาะในส่วนที่แสงไฟพอจะส่องไปถึงเท่านั้น โดยเฉพาะในภาพนี้เลือกจุดโฟกัสภาพไปที่แสงไฟอีก จึงทำให้ความเร็วชัตเตอร์ที่ได้ค่อนข้างไวพอสมควร ถ้าหากเลือกโฟกัสในจุดที่เป็นเงา จะทำให้ภาพสว่างขึ้น (แต่ตรงแสงไฟจะโอเวอร์) และความคมชัดที่ลดลง

ภาพต่อมา แหล่งกำเนิดแสงอยู่นอกภาพ และให้แสงสว่างน้อยกว่าภาพก่อนหน้าอย่างมาก จากการโฟกัสไปที่ตัววัตถุตรงๆ ภาพที่ได้เรียกว่าสว่างเกินคาด สำหรับในสถานการณ์ที่แทบไม่มีแสงอยู่เลย (เป็นไฟสลัวๆ) แลกกับความคมที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด (อย่างภาพนี้ความเร็วชัตเตอร์ตกไปที่ ¼ วินาทีแล้ว)

ปิดท้ายด้วยการหยิบเจ้า Lumia 925 ไปลองถ่ายในกล่องสำแดงพลัง PureView ที่ตั้งอยู่ตามช็อปโนเกีย (หน้าตาเป็นกล่องสีฟ้าๆ มีรูเล็กๆ สำหรับเล็งกล้องถ่าย) แน่นอนว่าในสถานการณ์นี้ไม่มีแสงจากภายนอกเข้ามาเอี่ยวแต่อย่างใด ต้องยอมรับว่าสมราคาจริงๆ ครับ

หมดทางฝั่งภาพนิ่ง ก็มาปิดตอนกันด้วยวิดีโอจาก Lumia 925 ที่ทดลองเดินถ่ายกันเลย ผลที่ได้ออกมาค่อนข้างน่าประทับใจ ระบบกันสั่น OIS ทำงานได้ดีพอที่วิดีโอจะออกมาลื่นไหล ต่างกับการถ่ายด้วยการใช้มือถือสมาร์ทโฟนเปล่าๆ ในแง่ของคุณภาพนั้น Lumia 925 ถือว่าได้เปรียบจาก Lumia 920 ในแง่ของโทนสีที่เป็นธรรมชาติ และสว่างกว่าเล็กน้อยด้วยชิ้นเลนส์ที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น และอัพเดต Lumia Amber

สรุป

Nokia Lumia 925 เป็นสมาร์ทโฟนรัน Windows Phone รุ่นเด่นสุดในตลาดของตอนนี้เลยก็ว่าได้ การปรับปรุงตัวเครื่องให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นจาก Lumia 920 รูปทรงที่ออกมาต้องบอกว่าสวย และดูหรูหราขึ้นมาก แม้จะน่าผิดหวังไปบ้างตรงสเปคที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย (ซึ่งตรงนี้อาจไม่ใช่ความผิดของ Nokia ด้วย)

ทางฝั่งกล้อง ส่วนฮาร์ดแวร์มีการปรับปรุงเข้ามาเล็กน้อยด้วยการเพิ่มชิ้นเลนส์เข้ามาอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งคงไม่มีความแตกต่างจาก Lumia 920 มากนัก ถ้าหากไม่ได้อัพเดต Lumia Amber ที่ช่วยทำให้การถ่ายวิดีโอบน Lumia 925 มีสีสันสวยงามขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนภาพนิ่งก็ต้องระวังการถ่ายในที่แสงจ้าหน่อย เวลาแสงน้อยก็ท่องไว้ “ถือให้นิ่งๆ” แล้วภาพจะออกมาสว่างกว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่นเป็นแน่ครับ

Blognone Jobs Premium