รีวิว Sony VAIO Duo 13 ผู้สืบทอดแล็ปท็อปแปลงร่างรุ่นที่ 2

by at1987
17 September 2013 - 15:35

เมื่อปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสซื้อและรีวิว VAIO Duo 11 แล็ปท็อปแปลงร่างจาก Sony ไปแล้ว มาปีนี้ ทาง Sony ได้ออก VAIO รุ่นใหม่ในตระกูล Duo ออกมา นั้นก็คือ VAIO Duo 13 นั้นเอง พอดีทาง Sony Thai ได้ให้ยืมเครื่องมาลองใช้งานดู ก็เลยได้มีโอกาสมาเขียนรีวิว VAIO ตระกูล Duo อีกครั้งครับ

รีวิวตัวนี้ ผมขอสรุปใจความจากรีวิวที่ยาว ๆ มากจากบล็อกตัวเองอีกที ใครอยากชมรูปเยอะ ๆ ก็ขอเชิญที่บล็อกได้ครับ

VAIO Duo 13 นั้นเป็น convertible laptop หรือแล็ปท็อปแปลงร่างได้รุ่นที่สองจาก Sony ซึ่งพอขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นที่สองแล้ว ก็มีการพัฒนาในหลาย ๆ จุดให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า สำหรับโมเดลที่นำมารีวิวนั้นจะเป็นรุ่น SVD13212SH ซึ่งตัวเครื่องยังคงผลิตในญี่ปุ่นเช่นเคย โดยมีสเปกดังนี้

  • CPU: Intel Core i5-4200U ความเร็ว 1.6 GHz
  • GPU: Intel HD Graphics 4400
  • SSD: 128 GB ความเร็ว 6 Gb/s จาก Samsung
  • RAM: DDR3 ขนาด 4 GB ความเร็ว 1600 MT/s
  • Wireless: รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11a/b/g/n ความเร็วสูงสุด 300 Mbps และ Bluetooth 4.0 + HS จาก Broadcom
  • NFC
  • Windows 8 64 bit Single Language
  • ปากกาสไตลัส

สเปกโดยรวมแล้ว แทบไม่แตกต่างจาก Duo 11 ของไทยเมื่อปีที่แล้วเลย เพียงแต่อัพเกรดซีพียูมาใช้ Intel Core i รุ่นที่ 4 เท่านั้น และมีการตัดชิป GPS ออกไป ซึ่งเข้าใจว่าชิป GPS ที่เอาออกไปนั้น เพื่อที่จะได้ใช้งาน GPS ที่อยู่บนการ์ดเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรุ่นที่มีมาให้แทน

กล่องใส่เครื่องเป็นกระดาษลังสีดำ มีคาดโลโก้ Sony VAIO และระบุชื่อรุ่นเท่านั้น ดูเรียบง่ายมาก

อุปกรณ์ในกล่องที่ให้มา มีที่ชาร์จพร้อมสายไฟ หัวแปลง HDMI - VGA และเราท์เตอร์ไร้สายแบบ N150 ที่ให้มาเพื่อทดแทนการที่ Duo 13 นั้นไม่มีพอร์ต LAN บนตัวเครื่องแล้ว

จุดเด่น ๆ ของ VAIO Duo 13 และ VAIO รุ่นปี 2013 อื่น ๆ คือ การที่ใช้หน้าจอ IPS ความละเอียดระดับ Full HD ขนาด 13.3" ที่ใช้เทคโนโลยี TRILUMINOS for Mobile ซึ่งจะทำให้หน้าจอสามารถแสดงสีได้มากขึ้น และใน Duo 13 นั้นยังใช้เทคโนโลยี OptiContrast Panel ในการประกบพาเนลจอ เซนเซอร์ และกระจกทนต่อรอยขีดข่วนเหมือนเดิม

ในส่วนการรองรับมัลติทัชนั้น Duo 13 รองรับที่ 5 จุด และรองรับการเขียนด้วยปากกาสไตลัสที่ให้มาด้วยกัน สำหรับกล้องหน้านั้น ยังคงใช้เซนเซอร์ Exmor R for PC ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม

ตัวถังของ Duo 13 ใช้การออกแบบแบบ 3D Carbon คือการนำแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์มาดัดและขึ้นรูปแบบ 2 ทิศทาง ด้านล่างจะมีรูให้อากาศไหลเข้าสองฝั่ง กล้องหลัง autofocus เซนเซอร์ Exmor RS for PC ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล NFC ลำโพงสเตอริโอ ปุ่มเพิ่ม - ลดเสียง และปุ่ม Assist สำหรับเรียกโปรแกรม VAIO Care ซึ่งปุ่มนี้จะถูกปรับปรุงให้กดได้ยากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันการเปิดเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ

คุณภาพของกล้องหลังนั้น ถึงแม้จะมีการปรับปรุงดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นกล้องเว็บแคมเหมือนเดิม ภาพที่ได้น็อยส์ยังเยอะเหมือนเดิม โดยรวมก็ยังไม่เหมาะเอาไปถ่ายรูปจริง ๆ จัง ๆ อยู่ดี เอาไปใช้ถ่ายเอกสารกับแอพ CamScanner ที่ให้มาด้วยกัน ก็ยังได้คุณภาพเอกสารที่ไม่ค่อยดีเท่าไร

เทียบความหนากับ Duo 11 หนากว่าอยู่ประมาณนึง

การแปลงร่างยังคงใช้กลไกแบบ Surf Slider เหมือนเดิม แต่ได้มีการลดขนาดกลไกลง และมีข้อควรระวังเวลาแปลงร่างว่า ต้องประคองเครื่องส่วนล่างให้ดี เพราะส่วนของหน้าจอน้ำหนักมากกว่า เวลาสไลด์ตัวเครื่องจะยกลอยขึ้นมา

คีย์บอร์ดยังคงเป็นแบบ 83 คีย์ พร้อมไฟส่องหลังเหมือนเดิม ช่วงกดยังสั้นเหมือนเดิม แต่ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ดีกว่ารุ่นที่แล้วมาก ไม่มีการพิมพ์ไม่ติด หรือพิมพ์เกินแล้ว

อุปกรณ์การชี้ได้เปลี่ยนจาก optical trackPad เป็นทัชแพดจาก Synaptics แทน ซึ่งความสามารถของทัชแพดนั้นเทียบเท่ากับทัชแพดขนาดใหญ่ รองรับท่าทางแบบ 3 นิ้วได้ แต่ใช้งานจริงค่อนข้างยาก เพราะขนาดมันเล็ก

ด้านหลังบริเวณจอ จะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนคู่ และช่องใส่ซิมซึ่งโดนปิดตายเอาไว้ จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ส่วนของจอนั้นหนากว่าเดิมมาก เพราะได้มีการออกแบบย้ายบอร์ดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนไร้สายมาไว้ที่จอแทน ทำให้มีพื้นที่ส่วนตัวเครื่องไว้ให้ใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ และส่วนของคีย์บอร์ดก็ได้มีการเว้นพื้นที่เว้าลงเพื่อรับในส่วนที่เกินมา ทำให้ความหนาของเครื่องไม่เพิ่มขึ้น

ส่วนด้านหลังของเครื่อง ก็เป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ทั้ง USB 3.0 แบบธรรมดา และแบบที่รองรับการชาร์จอุปกรณ์ตลอดเวลา HDMI แจ็คหูฟังพร้อมไมค์ ตัวอ่านการ์ด SDXC และ MemoryStick Duo

ในส่วนของแจ็คหูฟังนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ใส่แอมป์ S-Master มาให้เหมือนใน Duo 11 แต่แนวเสียงไม่แตกต่างกันมาก ที่แตกต่างคือการปรับระดับเสียงนั้นไม่ละเอียดเท่า และถ้าใช้หูฟังที่ไวต่อเสียงมาก ๆ จะได้ยินเสียงฮัมเบา ๆ ออกมา

รุ่นที่แล้วจะมีปัญหาอย่างนึง คือไม่มีที่เก็บปากกา ซึ่งแก้ไขโดยการใช้เคสที่ Sony ทำออกมา หรือใช้ Sheet Battery ซึ่งจะมีช่องใส่ปากกามาให้

ใน Duo 13 จะมีฐานวางปากกาแนวตั้งพับเก็บได้ และที่เหน็บปากกา ซึ่งตรงบริเวณที่เหน็บปากกาจะมีเซนเซอร์แม่เหล็ก เมื่อดึงปากกาออก จะสามารถสั่งให้เปิดโปรแกรมหรือแอพที่ต้องการได้

ส่วนของปากกาสไตลัส ยังเป็นปากกาแบบเดิม แต่เพิ่มขอบยางสำหรับใช้กับฐานวาง คลิปสำหรับเหน็บปากกา และแม่เหล็กบริเวณหัว สำหรับใช้งานกับเซนเซอร์ตรวจจับข้างบน

ส่วนประสิทธิภาพของตัวเครื่อง โดยรวมเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และส่วนของกราฟิกทำได้ดีกว่าเดิมอยู่ประมาณนึง แต่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะคืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่นอกเหนือจากความจุจะมากกว่ารุ่นที่แล้วประมาณ 50% แต่ด้วยอานิสงส์ของซีพียู Core i รุ่นที่ 4 ทำให้อายุแบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า Duo 11 ที่ต่อกับ Sheet Battery เสียอีก ผมใช้งานเครื่องแบบไม่เสียบที่ชาร์จประมาณ 4 ชม.กว่า ๆ แบตเหลือประมาณ 50%

นอกจากนี้ Duo 13 ยังรองรับ Connected Standby แล้ว ทำให้เวลาเรา sleep เครื่อง ตัวเครื่องยังจะแอบเชื่อมต่อกับเครือข่าย เพื่อทำการอัพเดทข้อมูลในแอพของเรา แต่จุดนี้เองทำให้ระยะการแสตนด์บายเครื่องนั้นเหลือเพียงประมาณ 3 วัน จากที่เมื่อก่อนสามารถทำได้นานกว่านั้น เพราะตัวเครื่องนั้นแถบจะปิดลงจริง ๆ

สำหรับเทคโนโลยีเด่น ๆ ของ Sony ที่เพิ่มเติมมาให้ใน VAIO ปีนี้ มี ClearAudio+ ที่ทำให้ลำโพงเสียงกลวง ๆ บาง ๆ นั้น เสียงดีขึ้นอย่างน่าตกใจ เสียงเบสและเสียงแหลมเพิ่มขึ้น มิติเสียงกว้างขึ้น และถ้าไม่พอใจเสียงที่ได้ เราสามารถรปรับตั้ง EQ และเอฟเฟกต์ประมวลผลต่าง ๆ เองได้

อีกตัวนึงก็คือ X-Reality for Mobile ที่จะวิเคราะห์ภาพในวิดีโอ แล้วทำการปรับสี ปรับความคม ลดน็อยส์รบกวน ให้วิดีโอออกมาดีขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้จริง ภาพสีสดขึ้น คมขึ้น แต่น็อยส์รบกวนยังจัดการไม่ดีเท่าไร และเมื่อเปืดใช้จะกินแบตเตอรี่เวลาเล่นวิดีโอมากขึ้น

สรุป VAIO Duo 13 นั้นยังคงเป็นแล็ปท็อปแปลงร่างที่เหนือกว่าคู่แข่งต่าง ๆ ในตลาด ทั้งด้านงานออกแบบ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ให้มากับตัวเครื่อง ซึ่งทุกอย่างนั้นก็ทำงานสอดคล้องกันจนเป็นหนึ่งเดียว

แต่สำหรับคนใช้งาน VAIO Duo 11 รุ่นก่อนหน้า จะรู้สึกว่า VAIO Duo 13 นั้นขาด wow factor ที่มีในรุ่นก่อนหน้าอยู่เหมือนกัน ซึ่งผมเข้าใจว่าตรงนี้เป็นเพราะ ตอนที่ Sony ทำ VAIO Duo ตัวแรกออกมา ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งใดบ้างที่ลูกค้าให้ความสำคัญ จึงต้องออกแบบจัดเต็มในทุก ๆ ส่วน พอทำตัวที่สองเริ่มจับทางถูก เลยเพิ่มจุดที่ลูกค้าชอบและลดในจุดที่ลูกค้าไม่ได้ให้ความสำคัญมากลง เครื่องเลยออกมาเป็นแบบนี้ แต่ผมว่าการปรับบางอย่างก็ดูสวนทางไปหน่อย เช่น จอที่รองรับมัลติทัชได้ 5 จุด ทั้ง ๆ ที่ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น

คนที่กำลังมองหาแล็ปท็อปแปลงร่าง Windows 8 สักเครื่อง VAIO Duo 13 นั้นตอบโจทย์การใช้งานทุกด้าน ถ้าคุณไม่เคยใช้แล็ปท็อปแปลงร่างแบบนี้มาก่อน มาลองเล่นตัวนี้ คุณติดใจแน่นอนครับ

ขอขอบคุณทาง Sony Thai ที่ให้ยืมเครื่องมาลองใช้งานด้วยครับ

ลิงก์เพิ่มเติม

รีวิว แล็ปท็อปแปลงร่างรุ่นสอง VAIO Duo 13 จาก Sony ภาคฮาร์ดแวร์
รีวิว แล็ปท็อปแปลงร่างรุ่นสอง VAIO Duo 13 จาก Sony ภาคซอฟต์แวร์และการใช้งานจริง

Blognone Jobs Premium