เว็บไซต์ Fast Company มีสกู๊ปเบื้องหลังว่ากูเกิล เปลี่ยนตัวเองจากบริษัทที่สนใจเฉพาะประสิทธิภาพและอัลกอริทึม มาสู่บริษัทที่สนใจเรื่องการออกแบบที่สวยงาม มีผลิตภัณฑ์ที่เน้นดีไซน์อย่าง Google Glass หรือ Chromebook Pixel ได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อปี 2011 หลังจาก Larry Page ขึ้นมาเป็นซีอีโอได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เขาเป็นคนเรียกหัวหน้าดีไซเนอร์จากทั้งบริษัทมานั่งประชุมกัน โดยชี้ปัญหาว่ากูเกิลมีแนวทางการออกแบบที่แตกต่างกันมากในผลิตภัณฑ์แต่ละตัว เพราะแต่ละทีมใช้ดีไซเนอร์ของตัวเองทั้งหมด ผลคือประสบการณ์ของผู้ใช้จะรู้สึกว่าเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ไม่ได้มาจากบริษัทเดียวกัน
Page กำหนดเป้าหมายใหญ่ๆ ให้ทีมออกแบบของกูเกิล 2 ข้อคือ สวยงาม (beauty) และกลมกลืน (cohesiveness) โดยรวมเป็นเป้าหมายหลักชื่อ "One Beautiful Google"
ขั้นตอนหลังจากนั้นคือ ทีมดีไซเนอร์ทั่วบริษัทมานั่งประชุมกันเพื่อกำหนดกรอบการดีไซน์ของกูเกิล โดยที่ Page ไม่ได้เจาะจงละเอียดว่าควรเป็นอย่างไรบ้าง (บอกแค่ว่า "ขอเจ๋งๆ นะ") แต่ Page กลับกำหนดช่วงเวลาการทำงานของทีมดีไซเนอร์ว่าต้องเร็วๆ ซึ่งเป็นการบีบให้ดีไซเนอร์ของบริษัทต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้เสร็จตามกำหนด
โครงการกำหนดกรอบการดีไซน์ของกูเกิลใช้โค้ดเนมภายในว่า Project Kenedy โดยมีที่มาจากเป้าหมายที่ดูยากเย็นเหลือเกินสำหรับบริษัทที่ไม่เคยสนใจเรื่องการออกแบบอย่างกูเกิล มีความยากระดับใกล้เคียงกับแผนส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์ของประธานาธิบดีเคเนดี้ในอดีต ส่วนทีมดีไซเนอร์ชุดนี้ได้ชื่อว่า UXA (User Experience Alliance)
จุดที่น่าสนใจคือกูเกิลไม่ได้แต่งตั้งหัวหน้าทีมดีไซเนอร์ที่มีอำนาจสุงสุดเพียงคนเดียวแบบ Jonathan Ive ของแอปเปิล แต่เน้นการประสานงานกันเองระหว่างทีมผลิตภัณฑ์ต่างๆ แทน
โครงการแรกที่ผ่านมือทีม UXA ได้แก่ Google Now ช่วงต้นปี 2012 ซึ่งเปลี่ยนกระบวนการทำงานของกูเกิลไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมกูเกิลกำหนดแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยทีมวิศวกร แล้วค่อยดึงดีไซเนอร์เข้ามาร่วมงานในช่วงหลังๆ ก็เปลี่ยนเป็นการดึงดีไซเนอร์เข้ามาช่วยออกแบบตั้งแต่แรก (Google Now ใช้ดีไซเนอร์ 8 คนทำงานเต็มเวลา)
ความสำเร็จของ Google Now ส่งผลต่อกูเกิลทั้งในแง่กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีส่วนร่วมของหลายๆ ฝ่าย และแนวทางการออกแบบที่กลายมาเป็น Card UI ในภายหลัง ซึ่งจากนั้นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้ง Gmail, Google Maps, Chrome ก็เริ่มถูกปรับปรุงด้านการออกแบบขนานใหญ่
Fast Company ยังสัมภาษณ์หัวหน้าทีมดีไซเนอร์คนสำคัญๆ ของกูเกิล ที่น่าสนใจมีดังนี้
ผู้เขียนบทความของ Fast Company ให้ความเห็นว่าแอพ Google Maps ตัวใหม่บน iOS สวยงามกว่า Apple Maps เสียอีก และถ้ากูเกิลสามารถผสมผสานวิธีคิดเชิงข้อมูล การประมวลผลบนกลุ่มเมฆ เข้ากับการออกแบบอินเทอร์เฟซที่สวยงามและเข้าใจง่ายได้สำเร็จแล้ว มันจะกลายเป็นฝันร้ายของทิม คุก เลยทีเดียว
ที่มา - Fast Company Design