ในประเทศออสเตรเลียมีธุรกิจ Flirtey โชว์แนวคิดใหม่เรื่องบริการส่งสินค้าแก่ผู้ซื้อ โดยแหวกแนวทางเดิมๆ ไม่ต้องพึ่งระบบไปรษณีย์ หรือตู้ล็อกเกอร์ฝากของใดๆ เพราะสิ่งที่พวกเขาจะใช้ก็คือโดรน หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า UAVs : Unmanned Aerial Vehicles ซึ่งหมายถึงอากาศยานไร้คนขับนั่นเอง
Flirtey เป็นโครงการสตาร์ทอัพที่ต่อยอดจากผลงานการพัฒนาโดรนของนักศึกษาวิศวกรรมของมหาวิทยาลัย University of Sydney โดยงานนี้กำลังจะกลายเป็นธุรกิจจริงจังด้วยฝีมือของ Ahmed Haider และ Matthew Sweeny สองผู้ร่วมก่อตั้ง Flirtey ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ และร่วมกับ The Warren Centre for Advanced Engineering ซึ่งเป็นสถาบันทางวิศวกรรมที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อร่างคำแนะนำเรื่องการใช้งานโดรนในเชิงพาณิชย์ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านการบินและข้อบังคับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตัว Flirtey นั้นเป็นโดรนซึ่งแน่นอนว่าสามารถเคลื่อนที่สู่จุดหมายได้โดยอัตโนมัติ มีระบบขับเคลื่อนสร้างแรงยก 6 ใบพัด และมีอุปกรณ์ GPS เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งได้ผ่านทางแอพ Flirtey ในสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานควบคู่กัน นอกจากนี้ตัว Flirtey ยังได้รับการติดตั้งระบบหลบเลี่ยงการชนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการบินชนสิ่งปลูกสร้าง, ต้นไม้ หรือนก ทั้งยังมีระบบการลงจอดอัตโนมัติ เพื่อลงจอดอย่างนิ่มนวลในกรณีที่อยู่ในจุดอับสัญญาณ หรือมีปัญหาทางเทคนิคบางประการ ทั้งนี้ตัว Flirtey ไม่มีการติดตั้งกล้องใดๆ เพื่อมิให้เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น
ด้าน Haider หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Flirtey เองนั้นเป็นซีอีโอของ Zookal ผู้ให้บริการขายและให้เช่าตำราเรียนสำหรับนักศึกษาในออสเตรเลีย และด้วยเหตุนี้แผนการใช้งานขั้นแรกของ Flirtey จึงเป็นบริการส่งสินค้าของ Zookal ซึ่งก็คือตำราเรียนให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ โดยทีมงานตั้งเป้าว่า Flirtey จะเริ่มให้บริการจริงได้ภายในปีหน้า และจะขยายบริการออกไปยังสหรัฐอเมริกาในปีถัดไป
ในแง่ประโยชน์ทางด้านการขนส่ง Haider เสริมว่าการส่งสินค้าด้วย Flirtey อาจช่วยให้เขาส่งของถึงมือลูกค้าได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีแทนวิธีการเดิมๆ ที่ต้องพึ่งพาระบบไปรษณีย์ซึ่งกินเวลานานเป็นวัน นอกจากนี้เขายังระบุว่าการใช้ Flirtey จะช่วยให้เขาประหยัดค่าส่งสินค้าได้จาก 8.60 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เหลือเพียง 80 เซนต์เท่านั้น ซึ่งทำให้เขาพร้อมจะให้บริการส่งตำราด้วย Flirtey โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ที่มา - TechCrunch