กูเกิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2013 มีรายได้รวม 14.89 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23%
ซีอีโอ Larry Page กล่าวว่านี่เป็นอีกไตรมาสที่แข็งแกร่งของกูเกิลทั้งตัวเลขรายรับและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกมา ซึ่งตอนนี้กูเกิลกำลังปิดเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม เรียบง่าย และเข้าถึงผู้ใช้งานบนทุกอุปกรณ์
รายได้จากส่วนโฆษณาที่เป็นหัวใจหลักของกูเกิลยังเติบโตได้ดี โดยมีรายได้ส่วนโฆษณาบนหน้าเว็บกูเกิลเองเพิ่มขึ้น 22% ส่วนราคาต่อคลิกยังลดลง 8% ขณะที่ส่วนธุรกิจโมโตโรล่า มีรายได้ลดลง 33.7% อยู่ที่ 1.18 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 8% ของรายได้รวมกูเกิล และยังขาดทุนจากการดำเนินงานอีก 248 ล้านดอลลาร์
เนื้อหาจากช่วงแถลงผลประกอบการต่อนักวิเคราะห์ มีส่วนสำคัญดังนี้
* Larry Page บอกว่าเขาจะไม่มาเข้าร่วมการแถลงผลประกอบการทุกไตรมาสจากนี้ เพื่อขอไปโฟกัสในงานที่ถนัดและสำคัญมากกว่า โดยซีเอฟโอ Patrick Pichette และซีบีโอ Nikesh Arora จะทำหน้าที่นี้เป็นหลัก
* Page บอกว่าที่ผ่านมาคนพูดถึงโลกในยุคหลายหน้าจอ แล้ววันนี้ก็มาถึงจริง ทั้งโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ในบ้าน, นาฬิกาข้อมูล หรือบน Google Glass
* ตัวเลขเปิดใช้งาน Android ตอนนี้อยู่ที่วันละ 1.5 ล้านเครื่อง
* การเข้าชม YouTube ตอนนี้ 40% มาจากบนมือถือ
* โฆษณากูเกิลส่งผลต่อการโทรศัพท์ไปยังหมายเลขธุรกิจที่ปรากฏมากกว่า 40 ล้านครั้งต่อเดือน
* ความท้าทายของโลกหลายหน้าจอคือการทำแคมเปญโฆษณาที่เหมาะสมตามอุปกรณ์ แต่ตอนนี้ระบบยังให้เลือกแค่แบบเดียว
* ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปยุทธศาสตร์ของโมโตโรล่าในตอนนี้
* Google Play มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 85% คิดเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์
* KitKat เวอร์ชัน Android ขายได้แล้วกว่า 150,000 แท่ง
ราคาหุ้นกูเกิลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% หลังจบช่วงแถลง โดยราคาทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 961.49 ดอลลาร์ต่อหุ้น