สตีฟ บัลเมอร์ รับ "ผมเป็นสัญลักษณ์ของไมโครซอฟท์ยุคเก่า และถึงเวลาต้องไป"

by mk
17 November 2013 - 01:56

Wall Street Journal มีบทสัมภาษณ์เบื้องหลังการตัดสินใจลงจากตำแหน่งซีอีโอของสตีฟ บัลเมอร์ ที่เกิดจากความตั้งใจเปลี่ยนแปลงไมโครซอฟท์ของเขาเอง แต่การเปลี่ยนแปลงกลับเกิดขึ้นได้ช้ากว่าที่เขาคาด จนเขารู้สึกว่าปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวเขาเองด้วยและตัดสินใจออกจากตำแหน่งเพื่อเร่งให้การเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ที่บัลเมอร์เริ่มคิดถึงการยกเครื่องไมโครซอฟท์ครั้งใหญ่ (ต้นฉบับใช้คำว่า reboot) เขาปรึกษากับ Allan Mulally ซีอีโอของ Ford ในช่วงคริสต์มาสเป็นเวลา 4 ชั่วโมง โดยบัลเมอร์นำสินค้าของไมโครซอฟท์และคู่แข่งไปขอความเห็นจาก Mulally และ Mulally ก็เล่าให้บัลเมอร์ฟังว่าเขาพลิกฟื้นกิจการของ Ford ด้วยการทำงานเป็นทีมและการทำให้แบรนด์ของ Ford เรียบง่ายขึ้น

การคุยกับ Mulally ทำให้บัลเมอร์ตระหนักว่าโครงสร้างและวัฒนธรรมองค์กรของไมโครซอฟท์ที่เคยใช้งานได้มาตลอดนั้นไม่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน และเขาต้อง "คิดใหม่ทำใหม่" ทั้งหมด

ในเดือนมกราคม 2013 บัลเมอร์นำเสนอแผนการปรับปรุงบริษัทกับบอร์ดบริหาร บอร์ดอนุมัติแผนการนี้แต่ก็เร่งให้บัลเมอร์ดำเนินงานตามแผนให้เร็วกว่าเดิม (บอร์ดบอกว่าไม่มีเจตนาให้บัลเมอร์ออกจากตำแหน่งในช่วงนั้น)

บัลเมอร์ยอมรับว่าคิดเรื่องการปรับปรุงบริษัทมานาน แต่ยังไม่กล้าทำอะไรมากก่อนการวางขาย Windows 8 ในเดือนตุลาคม 2012 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัท ส่งผลให้เขาขยับตัวช้ากว่าที่บอร์ดและนักลงทุนต้องการ

บัลเมอร์เริ่มร่างแผนโครงสร้างองค์กรใหม่ในเดือนมีนาคม 2013 และเริ่มปรับวิธีการทำงานทันที แต่เดิมเขาใช้วิธีประชุมกับผู้บริหารแต่ละฝ่ายของไมโครซอฟท์เป็นรายคน และสั่งงานตามที่เขาต้องการ ซึ่งเขาก็เปลี่ยนเป็นการนัดผู้บริหารหลายๆ ฝ่ายมาประชุมร่วมกันเพื่อสร้างบรรยากาศของการทำงานร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของผู้บริหารก็ไม่เกิดขึ้นง่าย เพราะคุ้นเคยกับระบบการทำงานแบบเก่าที่บัลเมอร์ใช้มา 30 ปี ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Qi Lu ผู้บริหารฝ่ายออนไลน์ (คุม Bing) ส่งรายงานความยาว 56 หน้ามาให้บัลเมอร์ บัลเมอร์ส่งกลับและบอกให้สรุปมาเหลือ 3 หน้า ซึ่ง Qi Lu ก็แย้งกลับว่าบัลเมอร์ (ในอดีต) ชอบให้มีรายละเอียดและข้อมูลมากๆ ไม่ใช่เหรอ

เมื่อเจอกับอุปสรรคเหล่านี้ บัลเมอร์ก็เริ่มเข้าใจว่าเขาฝึกผู้บริหารของไมโครซอฟท์ให้ทำงานแบบแยกส่วน ดูเฉพาะงานของตัวเองและไม่เห็นภาพรวมของทั้งบริษัท ทำให้ทีมผู้บริหารไม่เข้าใจถึงความพยายามเปลี่ยนแปลงของเขาเท่าที่ควร

ในเดือนพฤษภาคม 2013 บัลเมอร์เริ่มคิดได้ว่าไมโครซอฟท์ต้องฉีกตัวจากรูปแบบเดิมๆ ที่ปฏิบัติมาโดยตลอด และตัวเขาเองก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นถือเป็นหนึ่งในแบบแผนแบบเดิมๆ ด้วยเหมือนกัน

หลังจากนั้นบัลเมอร์เริ่มร่างจดหมายประกาศการเกษียณอายุ ซึ่งเขาร่างขึ้นกว่า 40 ฉบับที่มีแนวทางการเล่าเรื่องต่างกันไป ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เขาเริ่มแจ้งบอร์ดบริหารว่าเขาคิดจะเกษียณแล้ว ซึ่งบอร์ดที่มาประชุมกันในเดือนมิถุนายนก็เห็นด้วยว่าต้องการ "คนที่มีแนวคิดใหม่ๆ เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัท"

บิล เกตส์ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดนั้นสนับสนุนการเกษียณอายุของบัลเมอร์ ถ้าหากมันช่วยการันตีว่าไมโครซอฟท์จะประสบความสำเร็จในอนาคต และเขาระบุว่าเข้าใจบัลเมอร์เป็นอย่างดีว่าการออกจากไมโครซอฟท์ที่ทำงานมาตลอดชีวิตนั้นเป็นเรื่องยากมาก

เดือนสิงหาคม ที่ประชุมบอร์ดรับแผนการเกษียณอายุของบัลเมอร์อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นบัลเมอร์ยังทำงานอยู่ตามปกติ ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ทั้งการซื้อกิจการมือถือของโนเกีย และการวางขายสินค้าใหม่ทั้ง Surface 2 และ Xbox One

บัลเมอร์ระบุว่าเขาจะไม่เป็นซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่อีก ส่วนอนาคตจะทำอะไรขอพักก่อน 6 เดือน และอาจไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหรือเป็นโค้ชทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนลูกชายแทน เขายังมีหุ้นของไมโครซอฟท์ก้อนใหญ่ที่ยังไม่คิดจะขายออกไป

เขาบอกกับผู้สื่อข่าวของ Wall Street Journal ว่าบางทีเขาอาจเป็นสัญลักษณ์ของไมโครซอฟท์ยุคเก่า และถึงเวลาที่เขาต้องไปสักที (Maybe I'm an emblem of an old era, and I have to move on)

ที่มา - Wall Street Journal

Blognone Jobs Premium