ในช่วงที่ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แบรนด์ที่เพลี่ยงพล้ำจากตลาดไปก็ยากที่จะกลับมาในตลาดได้ และ LG ก็เป็นอีกเจ้าหนึ่งที่สามารถกลับมายืนในตลาดได้อีกครั้งหลังจากประสบความสำเร็จในตลาดโลกด้วย Optimus G รุ่นแรก จนหลายคนจับตามองว่า LG จะยังคงโมเมนตัมของความสำเร็จต่อเนื่องมายังรุ่นต่อไปได้หรือไม่
ก่อนเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้ไม่นาน LG ได้ปรับทัพของสมาร์ทโฟนตัวท็อปซีรีส์ Optimus G ให้กลายเป็น G เฉยๆ และเปิดตัว LG G2 สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวใหม่ที่เปลี่ยนไปจากรุ่นแรกอย่างมากทั้งวัสดุ การออกแบบ และการใช้งาน ในขณะเดียวกันก็มีจุดเด่นเพิ่มขึ้นมาหลายอย่าง
สเปคของ LG G2 แม้จะเปิดตัวมาค่อนข้างเร็วสำหรับการชิงตลาดไฮเอนด์ปลายปี แต่ก็ทำมาได้ไม่แพ้รุ่นที่เปิดตัวทีหลัง หลักๆ คือใช้หน้าจอขนาด 5.2" 1080p, ซีพียูควอดคอร์ Snapdragon 800 และกล้องหลังความละเอียด 13 เมกะพิกเซลที่มีระบบกันสั่นในตัว (OIS)
ตัวเครื่องของ G2 นั้นต่างจาก Optimus G อย่างมากจนถ้าไม่บอกว่าเป็นรุ่นต่อแล้วคงไม่เชื่อกัน สลัดความเหลี่ยมกลายเป็นความโค้งมนทั้งเครื่อง วัสดุเปลี่ยนจากกระจกกลับมาเป็นพลาสติก จุดเด่นจากด้านหน้าคือจอภาพ True HD-IPS ขนาด 5.2" ที่แสดงสีสันได้จัดจ้านราวกับว่าเป็น OLED เทียบกับคู่แข่งที่ใช้หน้าจอ IPS LCD เหมือนกันแล้วน่าจะเหนือกว่าทุกเจ้าก็ว่าได้
ของที่มาพร้อมกับกล่องมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างอแดปเตอร์ชาร์จ หูฟัง in-ear สาย micro USB และที่เสียบซิมที่เป็นรูป G ตามซีรีส์
ด้านหน้าของ G2 นั้นโล่งมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ไร้ปุ่มจริงแล้ว และขอบตัวเครื่องก็บางมากอย่างสังเกตได้ พื้นที่ด้านหน้าแทบจะเป็นหน้าจอแสดงผลทั้งหมด
บริเวณขอบตัวเครื่องของด้านหน้า ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ากระจกนั้นจะโค้งรับกับขอบ เวลาจับแล้วจะรู้สึกเนียนไปกับหน้าจอครับ
ตัวเครื่อง G2 เรียกได้ว่าทำมาเรียบง่ายมากอันเนื่องมาจากการโยกปุ่มทั้งหมดไปไว้ด้านหลัง ด้านข้างเครื่องจึงมีเพียงถาดใส่ micro SIM เท่านั้น
ด้านบนของเครื่องก็แทบไม่มีอะไรเช่นกัน ที่เห็นจุดสองจุดนั้น ฝั่งซ้ายเป็นไมโครโฟน ส่วนฝั่งขวาเป็น IR Blaster สำหรับใช้งานรีโมตครับ
ด้านล่างตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของพอร์ตที่ต้องเสียบทั้งหมด ลำโพงของ G2 นั้นเป็นแบบสเตอริโอ เป็นไมค์หนึ่งช่อง ลำโพงโมโนหนึ่งช่อง ผมลองใช้เป็นนาฬิกาปลุกอยู่หลายวัน เสียงดังในระดับที่ตื่นแน่ๆ คุณภาพเสียงจัดว่าไม่ดีไม่ร้ายครับ
ด้านหลังของ G2 เป็นแหล่งรวมปุ่มแบบกดทั้งหมด โดยปุ่มปรับเสียง และปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่ใต้กล้อง เหตุผลการย้ายปุ่มมาไว้ด้านหลังของ G2 ผมเดาว่าน่าจะมาจากความต้องการให้ขอบระหว่างหน้าจอนั้นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงต้องยกวงจรปุ่มมาไว้ด้านหลังด้วย
ฝาหลังเปลี่ยนจากกระจกเป็นพลาสติก ในแง่ของความหรูหราคงลดลงไปบ้าง แต่ทำให้เครื่องเบาลงพอสมควร เท่าที่ลองใช้พบว่าไม่เป็นรอยง่ายๆ ครับ
การใช้งานจริงเมื่อต้องกดปุ่มจากด้านหลัง แรกๆ ไม่มีใครชินแน่นอน จนถึงวันที่ผมคืนเครื่องไปก็ยังไม่ชิน (ฮา) ถึงแม้ว่าตัวปุ่มจะวางอยู่ในตำแหน่งที่นิ้วไปเจอะกันพอดีก็ตาม โชคดีที่ยังมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ปุ่มปรับเสียงสามารถใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้ด้วย แถมยังใช้งานได้ดีกว่าที่คิดไว้ ทั้งการถ่ายด้วยกล้องหน้า และกล้องหลัง
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการใช้งาน แต่เอาปุ่มไปไว้ด้านหลังแบบนี้กดเก็บภาพหน้าจอยากมาก!
การถือใช้งาน G2 นั้นทำมาได้ดีมาก ตัวเครื่องทำมามนๆ จับกระชับมือดี ขอบที่บางลงทำให้ตัวเครื่องด้านข้างเล็กลง แม้จะใช้หน้าจอค่อนข้างใหญ่ แต่ก็มือเดียวเล่นได้คล่องในทุกฟีเจอร์ครับ :D
ซอฟต์แวร์
ตัวระบบปฏิบัติการที่ G2 ใช้ตอนที่รีวิวเป็น Android 4.2 รุ่นปรับหน้าตาในแบบของ LG ซึ่งเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก (อีกแล้ว) ที่ชอบในแง่ของความสวยงามคงเป็นการเปลี่ยนสีของแถบ notification และแถบปุ่มด้านล่างให้กลายเป็นแบบโปร่งใสครับ
เมื่อเลื่อนแถบ notification ลงมาจะเห็นกับความยุ่งเหยิงของส่วนติดต่อผู้ใช้ใหม่อันนี้ คือมีทั้งแถบ toggle บนสุด, แถบรองลงมาเป็นส่วนของแอพเล็ก (QSlide) รองลงมาอีกเป็นแถบสำหรับปรับแสง ปรับเสียง และจบที่ปุ่มเข้าหน้าตั้งค่า ที่ดันไปหน้าตาเหมือนปุ่มเข้าหน้าปรับเสียง แล้วดันอยู่ใกล้กันอีก คนใช้รอม stock มาก่อนคงกดผิดกันจนเบื่อ
ฟีเจอร์ที่ LG อยากให้เด่นในครั้งคือ QSlide แอพขนาดย่อม ที่สามารถเปิดลอยไปลอยมาในหน้าไหนก็ได้ สามารถปรับให้โปร่งใสได้ และขยายเป็นแอพขนาดใหญ่ได้เช่นกัน
เป็นฟีเจอร์ที่ผมไม่ค่อยใช้ได้มากนัก เพราะถูกจำกัดด้วยขนาดหน้าจอที่ยังไม่ใหญ่พอ แอพที่พอใช้งานได้จริงๆ คงเป็นโทรศัพท์ ซึ่งเอาเข้าจริงกดจากหน้าแรกเลยก็ยังได้ โดยรวมแล้วแอพใน QSlide ค่อนข้างไปซ้ำซ้อนกับแอพหลักๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายอยู่แล้วครับ
ลูกเล่นของ G2 ที่ชอบมากกลับเป็นฟีเจอร์เล็กๆ อย่างการแตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ-ปิดหน้าจอ ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดของการย้ายปุ่มด้านหลังไปได้มากๆ รวมถึงการเปิดให้ปรับแต่งปุ่มด้านล่างหน้าจอได้ระดับหนึ่ง แม้ไม่อิสระ แต่ก็ยังดีกว่าปรับอะไรไม่ได้เลยครับ โดยเฉพาะคนที่ถนัดซ้ายน่าจะได้ใช้แน่ๆ
การใช้งานอื่นๆ ของฝั่งซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของรีโมต ที่ทำออกมาใช้งานง่ายดีครับ ตั้งค่าก็ง่าย ระยะทำการประมาณ 2-4 เมตรกำลังดี
เท่าที่ลองพบว่าใช้กับทีวี, เครื่องปรับอากาศได้สมบูรณ์ดี ที่เหลือไม่ได้ลองครับ
หน้าตาของรีโมตมีสองแบบอย่างนี้เลย สามารถเรียกคีย์บอร์ดขึ้นมาได้ด้วย :D
เรื่องการใช้งานรวมๆ และความเสถียรของซอฟต์แวร์ LG งวดนี้ทำมาค่อนข้างดีทีเดียว ผมเจอเครื่องรีบูตเองอยู่บ้าง แต่ไม่ได้บ่อยจนรู้สึกว่ามีปัญหา (น่าจะ 1-2 ครั้งตลอดครึ่งเดือน) ยังมีแอพหลายๆ ตัวที่หน้าตาไม่ค่อยเข้ากับระบบเท่าไร รวมถึง QSlide ที่ยังไม่ได้จูงใจให้ใช้จริงครับ
คุณภาพกล้อง
G2 มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 13 เมกะพิกเซลพร้อมกันสั่นในตัว ใช้งานโดยรวมแล้วดีเลย มีบางจังหวะชัตเตอร์ช้าไปบ้าง เรื่องการโฟกัสแม้จะมีจุดโฟกัสอัตโนมัติมาให้ 9 จุด แต่พอใช้จริงก็ยังมีโฟกัสวืดพอสมควรในที่แสงน้อย แต่ถ้าแสงพอจะโฟกัสไวมากครับ
คุณภาพของภาพถ่าย G2 ไล่แสงออกมาได้เนียนดี บางโทนจะยังไม่สดเท่าที่ควร อย่างภาพโทนร้อนทั้งหลาย ถ่ายสีเขียวออกมาแปลกๆ ครับ ลองดูภาพกันเองเลย ภาพทั้งหมดถ่ายในที่แสงน้อย กดดูขนาดเต็มได้ครับ
การใช้งาน และแบตเตอรี่
G2 จัดเป็นเครื่องที่สเปคถึง และใช้งานจริงได้ดีมากเครื่องหนึ่งในตลาดตอนนี้ครับ ถือง่ายและไม่หนักมากนัก พูดถึงข้อดีมาเยอะแล้ว มาดูข้อเสียเด่นๆ ที่เจอก็คือมีอาการ GPS เพี้ยนในบางแอพ (ผมเจอใน Ingress) แต่บางแอพกลับใช้งานได้ปกติ เช่น Google Maps
เรื่องสองคือความร้อน G2 ร้อนเร็วมากแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานหนักก็ตาม ผมลองเปิดเกม Plants vs. Zombies 2 ประมาณสิบนาทีก็ร้อนมากๆ แล้ว
แอพกล้องของ G2 ทำออกมาไม่ค่อยดีนัก การปรับแต่งที่จำเป็นยังต้องเข้าไปในเมนูลึกๆ อยู่ ระบบโฟกัสที่เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า โชคดีที่สามารถถ่ายได้ง่ายด้วยปุ่มด้านหลังมาเรียกคะแนนกลับมาได้
แบตเตอรี่ ... ตามตัวเลขแล้ว G2 ใช้แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh แต่พอใช้จริงแล้วพบว่ามันใช้งานได้ทนมาก ใช้งานแบบเปิดปิดๆ 3G วันละสองสามชั่วโมง สามารถใช้งานได้ทะลุสองวันสบายๆ ครับ ถ้าอย่างใช้งานหนักก็ยังทะลุวันอยู่ดี อันนี้น่าประทับใจมาก เป็นจุดขายแฝงของ G2 เลย
เทียบกับ Nexus 5
พอดีมาเขียนในช่วงที่ Nexus 5 เริ่มขายแล้ว ต้องมีคนถามแน่ๆ มันต่างกันแค่ไหน ซื้อรุ่นไหนดี ดูตามเนื้อผ้าแล้ว G2 จอใหญ่กว่า กล้องละเอียดกว่า ความจุมากกว่า แบตเตอรี่จุมากกว่า และแพงกว่าอยู่ 3,000 บาท ข้อดีข้อเสียเทียบกันเป็นข้อๆ ไปเลย
สรุป
LG G2 เป็นสมาร์ทโฟนที่ทำมาดีมากครับ คุณภาพกล้องดีขึ้นมาก แต่ก็ยังอยู่ในขั้นถ่ายเล่น ถ่ายแชร์ ยังเอาไปปรับเยอะๆ ไม่ได้ วัสดุตัวเครื่องดูราคาถูกไปเสียหน่อย และเรื่องความร้อนที่ต้องไปลองจับเองว่ารับได้รึเปล่าครับ
ข้อดี
ข้อเสีย