กระบวนการเข้ารหัสแบบสตรีมอย่าง RC4 ที่รับรู้กันว่าถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดย Ron Rivest หรือตัว R ใน RSA ตั้งแต่ปี 1987 ถูกอ้างว่ามีสิทธิบัตรที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ในสิทธิบัตรหมายเลข US 5412730 A สิทธิบัตรนี้ถือครองโดยบริษัท TQP Development โดยตอนนี้มีบริษัทถูก TQP ยื่นฟ้องแล้ว 140 บริษัท แต่ Newegg ผู้ค้าปลีกไอทีรายใหญ่ไม่ยอมจ่ายค่าสิทธิบัตร และนำคดีนี้ขึ้นศาล
RC4 เป็นกระบวนการเข้ารหัสพื้นฐานที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีประสิทธิภาพที่ดี เว็บจำนวนมากใช้ RC4 เป็นกระบวนการเข้ารหัสลำดับแรกเพราะต้องการประหยัดทรัพยากร
คดีนี้มาถึงขั้นตอนของการขึ้นศาลพิจารณาคดี พยานฝั่ง Newegg ได้แก่ Ron Rivest, Ray Ozzie อดีตหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีไมโครซอฟท์, Alan Eldridge วิศวกรที่ทำงานในโครงการ Lotus Notes
ตัว Ron Rivest นั้นส่งคำพยานเป็นวิดีโอเทป ระบุว่าเขาประดิษฐ์ RC4 มาตั้งแต่ปี 1987 สองปีก่อนสิทธิบัตรในคดีนี้จะถูกยื่น ส่วน Ray Ozzie เป็นพยานว่าเขานำเสนอ Lotus Notes ให้บิลล์ เกตต์ดูตั้งแต่ปี 1988, และ Alan Eldridge อธิบายว่าเขาใส่ RC4 ไว้ในซอฟต์แวร์อย่างไรบ้าง
ส่วน Whitfield Diffie หรือ Diffie ใน Diffie-Hellman ขึ้นแท่นพยานให้การว่าเขาเองเป็นผู้คิดระบบการแลกกุญแจสาธารณะที่อยู่ในสิทธิบัตรด้วยเช่นกัน โดยงาน "New Directions in Cryptography" นำเสนอตั้งแต่ปี 1976 โดยเขาระบุว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เพราะเป็นผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง
พยานฝ่ายโจทก์ซักค้านด้วยการซักประเด็นว่า Diffie ไม่ได้จบปริญญาโทหรือปริญญาเอกจากการเรียน แม้เขาจะได้ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์หลายใบ และยังซักประเด็นว่าเขาไม่ได้ประดิษฐ์การแลกกุญแจสาธารณะจริง เพราะมีงานของ James Ellis ทำมาก่อนตั้งแต่ปี 1969
Diffie ตอบว่าเขาเองได้พบกับ Ellis และพูดคุยกันเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป โดย Diffie ได้อ่านรายงานของ Ellis ที่เขียนในปี 1969 และ 1970 แต่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันระบุถึงอะไร และไม่แน่ใจว่าจะมีใครสามารถประดิษฐ์อะไรจากรายงานนั้นได้ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมปี 1976 Malcolm Williamson คู่หูของ Ellis จึงเขียนรายงานภายในขึ้นอีกฉบับแสดงถึงกระบวนการ Diffie-Hellman แต่รายงานฉบับนั้นก็เป็นความลับเช่นเดียวกับสองฉบับก่อนหน้าของ Ellis และมันตีพิมพ์สองเดือนหลังจาก Diffie นำเสนอผลงาน
คดีนี้ยังมีการสอบพยานไปจนสัปดาห์หน้า ก่อนจะมีการตัดสินภายในวันเดียวกัน
ที่มา - ArsTechnica