หลังจาก Nexus 7 รุ่นแรกออกมาเบิกทางให้ตลาดแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วเติบโตเมื่อปีที่แล้ว ช่วงกลางปีที่ผ่านมากูเกิลก็อัพเดต Nexus 7 อีกครั้งโดยให้ ASUS ผลิตให้เหมือนเดิม
Blognone เคยลงรีวิว Nexus 7 (2013) โดยคุณ koalaz ไปแล้ว แต่ล่าสุดทางเว็บไซต์ขายสินค้าไอทีออนไลน์ Melon Box (หนึ่งในทีมงานคือ อ.ศุภเดช แห่งรายการแบไต๋ไฮเทค) ส่งตัว Nexus 7 (2013) รุ่นที่ขายในไทย (32GB+4G LTE) มาให้ทดสอบกัน ก็เลยถือโอกาสรีวิวเทียบกับ Nexus 7 รุ่นแรกของปี 2012 ครับ
เนื่องจากรุ่นที่รีวิวนี้เป็น cellular เสียบซิมได้ด้วย ความถี่ที่รองรับก็ตามนี้ครับ
จุดเด่นของ Nexus 7 (2013) อยู่ที่สเปกที่จัดมาแรงระดับหนึ่งในส่วนของซีพียู-แรม และจัดมาแรงมากในส่วนของจอภาพที่ละเอียดมาก สีสวยคมชัด
นอกจากนี้ก็มีลูกเล่นอื่นๆ ของมือถือฝั่ง Nexus ที่กูเกิลพยายามผลักดัน ทั้ง NFC และระบบชาร์จไร้สาย
ถ้าลองเทียบกับ Nexus 7 (2012) จะพบว่าตัวของปี 2013 จะผอมกว่าแต่สูงกว่าเล็กน้อย ตัวบอดี้ของเครื่องใช้สีโทนดำทั้งหมด ต่างจากรุ่นของปี 2012 ที่มีกรอบสีเงินอยู่รอบๆ
กล้องหน้าของปี 2013 ย้ายออกมาอยู่ด้านขวา ส่วนของเดิมอยู่ตรงกลาง, ปุ่มควบคุมใช้เป็นปุ่มบนหน้าจอตามนโยบายของสาย Nexus
วางเทียบด้านหลัง สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน Nexus 7 ตัวใหม่คือกล้องหลังขนาด 5MP ซึ่งจากการใช้ Nexus 7 รุ่นเดิมมาพบว่าการไม่มีกล้องหลังเป็นปัญหาอย่างมาก (มากกว่ากล้องหน้าซะอีก)
ตอนนั้นนโยบายของกูเกิลคือพยายามลดต้นทุนของ Nexus 7 ลงเพื่อตีตลาดด้วยราคาถูกเพียง 199 ดอลลาร์ แต่ในปี 2013 ตลาดแท็บเล็ตราคาถูกเริ่มเติบโตแล้ว ในขณะเดียวกันราคาชิ้นส่วนก็ลดลง กูเกิลจึงเพิ่มฟีเจอร์อย่างกล้องหลังเข้ามา
ตัววัสดุที่ทำฝาหลังก็แตกต่างกันมาก ฝั่งของ Nexus 7 (2012) ทำเป็นวัสดุเหมือนหนังมีเจาะรู แต่ของปี 2013 เป็นพลาสติกด้าน จับแล้วไม่ลื่นมือ ทดลองจับแล้วพบว่าของปี 2013 จับแล้วติดมือมากกว่าปี 2012 ด้วยซ้ำ (ถ่ายรูปมาแล้วดูไม่สวยแต่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า)
รุ่นที่นำมารีวิวนี้เป็นรุ่น cellular ใส่ซิมได้ ช่องใส่ซิมจะอยู่ด้านหลังค่อนไปทางด้านล่าง เป็นถาดใส่ซิมแบบที่ต้องใช้เข็มหรือเหล็กจิ้ม (เป็น Micro-SIM ธรรมดา) เนื่องจากไม่มีซิม LTE เลยไม่ได้ทดสอบประเด็นนี้นะครับ
เทียบความหนาของตัวเครื่อง Nexus 7 ตัวใหม่บางกว่าพอสมควร และเบากว่ามาก (299 กรัม vs 340 กรัม)
จอภาพของ Nexus 7 (2013) นั้นปรับปรุงจากรุ่นเดิมเป็นอย่างมาก (1920x1200/323ppi vs 1280x800/216 ppi) จากภาพตัวอย่างจะเห็นว่ามันเรนเดอร์ฟอนต์ของ Blognone ชัดเจนกว่ากันมาก
ในแง่ความสว่างของจอภาพก็ดีขึ้นเช่นกัน ถ้าปรับความสว่างจนสุดทั้งสองเครื่อง Nexus 7 (2013) สว่างกว่าและให้สีสันที่สดใสกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
Nexus 7 (2013) ลื่นมากจนน่าตกใจ และสิ่งที่ดีขึ้นกว่ารุ่น 2012 มากๆ คือประสิทธิภาพของ I/O ทำให้เวลาอัพเดตแอพจาก Play Store แทบไม่กระทบกับการใช้งานอย่างอื่นเลย (ตัวเก่านี่อัพเดตทีแทบจะใช้งานอะไรไม่ได้เลย)
ลองวัดผลด้วย Antutu X รุ่นแก้โกง ออกมาได้ 20,122 คะแนน มากกว่า Nexus 10 (2012) เล็กน้อย และเป็นรอง Xperia Z อยู่นิดหน่อย ในขณะที่ Nexus 7 รุ่นแรกได้เพียง 13,512 คะแนน
ซอฟต์แวร์ได้รับการอัพเดตเป็น Android 4.4 KitKat เรียบร้อยแล้ว (Build KRT16S) ในแง่การใช้งานแทบไม่ต่างกับ Android 4.3 เพราะไม่ได้ Nexus Launcher แบบเดียวกับ Nexus 5
ส่วนประเด็นเรื่องซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่แถมมากับเครื่องก็แทบไม่มีเลยตามนโยบาย Pure Android ของกูเกิลอยู่แล้ว
คุณภาพของกล้องคงไม่ดีถึงขนาดสมาร์ทโฟนระดับ flagship แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอะไรมาก จุดด้อยคงเป็นว่าสีไม่ค่อยสดเท่าไร (แต่งภาพเอาได้) รายละเอียดก็โอเคในระดับหนึ่ง ถ้าเทียบกับ Nexus 7 รุ่นก่อนที่ไม่มีกล้องมาให้ด้วยเลยก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก
ดูภาพตัวอย่างได้จาก Google+
Nexus 7 (2013) ปรับปรุงจากรุ่นแรกในทุกๆ ด้าน (โดยเฉพาะหน้าจอและน้ำหนัก) เมื่อบวกกับการได้อัพเป็น Android 4.4 KitKat ตัวล่าสุดไม่นานหลังจากเปิดตัว ก็ทำให้มันกลายเป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วที่โดดเด่นมากที่สุดตัวหนึ่งในตลาด ณ ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ASUS เมืองไทยเอาเข้ามาขายเฉพาะรุ่นท็อป 32GB+LTE เพื่อไม่ให้กินตลาดกันเองกับพวก MeMo Pad หรือ Fonepad ทำให้คนที่อยากใช้แท็บเล็ตคุณภาพดีแถมเป็น Nexus ในราคาถูก (229 ดอลลาร์ยังไม่รวมภาษีและค่าส่ง) อาจจะต้องผิดหวังเล็กน้อย
แต่ถ้าคนที่คิดว่าตัวเองอยากใช้แท็บเล็ตแอนดรอยด์ขนาด 7 นิ้วตัวท็อป พกพาออกนอกบ้านโดยต่อเน็ตด้วย คงไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วครับ
สำหรับผู้สนใจ Nexus 7 (2013) รุ่น 32GB+LTE สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จากเว็บไซต์ Melon Box โดยใช้โค้ดส่วนลดจาก Blognone จะได้ลด 600 บาทจากราคาปกติ 13,500 บาท (สรุปว่าเหลือ 12,900 บาท) วิธีการคือเข้าไปที่หน้า Nexus 7 ของ Melon Box กดสั่งซื้อและใส่โค้ด BLOGNONE10 ตอนจ่ายเงิน