หลังโมโตโรล่าถูกซื้อเข้าเป็นบริษัทลูกของกูเกิลก็มีสินค้าออกมาหลังๆ สองตัว คือ Moto X ที่เน้นจุดขายผลิตในสหรัฐฯ เป็นรุ่นเรือธงปัจจุบัน กับ Moto G ที่เน้นราคาถูกเป็นหลัก โดยตัดสิ่งที่คนทั่วไปมักจะไม่ได้ใช้ออกแทบทั้งหมด
Moto G ใช้ชิป Snapdragon 400 ประสิทธิภาพคงไม่ได้สูงมากนัก แต่สำหรับผมที่ใช้งาน Motorola RAZR มาก่อน ผมพบว่า Moto G มีประสิทธิภาพที่ดีกว่ามาก แม้จะเป็นซีพียู Snapdragon 400 1.2GHz ไม่ใช่ตัวท็อป แต่หากใครใช้โทรศัพท์มาเกินสองปีแล้ว แม้จะเป็นรุ่นใหญ่สมัยก่อน Moto G ก็ยังเป็นทางเลือกอัพเกรดได้
รูปร่างภายนอกของ Moto G ล้อมากับ Moto X เป็นส่วนใหญ่ แม้วัสดุจะต่างกัน แต่รูปร่างเมื่อมองไกลๆ แล้วก็แทบไม่ต่างกันนัก การออกแบบมาในรูปร่างแบบเดียวกัน
หน้าจอ 720p นับว่ามีความละเอียดดีกับขนาดจอ 4.5 นิ้ว แม้จะไม่ละเอียดยิบในระดับมองไม่เห็นพิกเซลก็ตาม
ด้านหลังของ Moto G เป็นพลาสติกเนื้อสาก ในแง่การจับถือค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ลื่นหลุด แต่ในแง่ความสวยงามแล้วมันเก็บลายนิ้วมือได้ดีมาก ใช้ๆ แล้วเป็นรอยตลอดเวลา
ฝาหลังปิดได้แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ การเปิดฝาหลังมีไว้เปลี่ยนสี (ยังไม่มีขาย) และเปิดมาใส่ซิมการ์ดเท่านั้น
ลำโพงด้านหลังเสียงดังและชัดเจนพอสมควร ฟังเพลงเล่นได้สบายๆ แต่อาจจะต้องวางคว่ำเวลาเปิดเพลงฟัง
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง ลำโพง ปุ่มเปิดปิดและปรับเสียงอยู่ทางด้านขวาทั้งคู่ ด้านซ้ายไม่มีอะไร
ด้านล่างเองก็มีไมโครโฟนและช่อง micro USB และไมโครโฟน
ประเด็นสำคัญของ Moto G คือ ราคาเป็นสำคัญ ราคาของรุ่น 8GB คือ 179 ดอลลาร์ และ 16GB คือ 199 ดอลลาร์ พื้นที่ที่ใช้งานไม่ได้ประมาณ 4GB และไม่สามารถเพิ่มด้วย SD ได้ ดังนั้นถ้าใครใช้พื้นที่แค่ไหนต้องคิดไว้ตั้งแต่ทีแรก
ซอฟต์แวร์ของ Moto G แทบไม่มีการปรับแต่งอะไรมากนัก มีซอฟต์แวร์บางตัวเช่น Moto Migrate มาให้เพื่อช่วยย้ายข้อมูลจากเครื่องเดิม และมีระบบซัพพอร์ตของโมโตโรล่าเรียกว่า Motorola ID มาให้ใน Settings
Motorola ID เป็นระบบติดตามเครื่องหายแบบเดียวกับ Android Devices Manager ผมลองลงทะเบียนเครื่องจากเมืองไทยแล้วพบว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จ ตรงนี้เป็นอีกความพยายามที่ "ไม่ควรเสียเวลาทำ" ของโมโตโรล่า เพราะบริการของแอนดรอยด์เองก็ทำได้ดี ความพยายามทำซ้ำซ้อนแถมทำได้ไม่ดีเท่ากับว่าเสียเวลา
แม้ไม่ราคาจะถูกแต่กล้องของ Moto G นั้นนับว่าพอใช้ได้เมื่อแสงดีพอ ในสภาพแสงแย่สักหน่อยกล้องก็เริ่มแตกอย่างเห็นได้ชัด
ลองดูภาพได้จาก G+ ของผมครับ
ผมไม่ได้ benchmark จริงจังนัก แต่จากการใช้งาน ประสิทธิภาพรวมของ Moto G นับว่าใช้งานได้ดี เปิด Ingress แล้วแทบไม่ต้องรอทั้งการโหลดและการใช้งานเว็บก็ใช้งานได้ดี แม้จะไม่มีฟีเจอร์หวือหวา แต่สิ่งที่ให้มาก็เพียงพอการใช้งานทั่วไปเป็นอย่างดี
บทสรุปของ Moto G เท่าที่ผมเคยลองใช้งานสมาร์ตโฟนมา ผมมองว่า Moto G มีฟีเจอร์ครบถ้วนตามแบบของแอนดรอยด์ ขณะที่ความเนี๊ยบและความลื่นน่าจะอยู่ระดับ iPhone 4 แล้ว ถ้าใครสามารถซื้อหามาใช้งานได้ในราคาต่ำกว่า 9,000 บาทก็นับว่าคุ้มค่า
โจทย์ของโมโตโรล่าในตอนนี้คือด้วยราคาเท่านี้และความเป็นบริษัทขนาดใหญ่ โมโตโรล่าจะทำโทรศัพท์สุดคุ้มกำไรบางเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน และด้วยกำไรเช่นนี้ โมโตโรล่าจะสามารถหาช่องทางจำหน่ายมันไปทั่วโลกได้หรือไม่