การใช้อุปกรณ์พกพาในสนามกีฬาหรืองานคอนเสิร์ตมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ได้ยินปัญหา "เน็ตไม่วิ่ง" "โทรไม่ติด" ในพื้นที่ที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากอยู่บ่อยครั้ง
การแข่งกีฬานัดสำคัญอย่างอเมริกันฟุตบอล NFL นัดชิงชนะเลิศ (ที่เรียกกันว่าซูเปอร์โบล์ว) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ที่สนาม MetLife Stadium ในนิวยอร์ก ก็พยายามรักษาคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (ทั้ง cellular และ Wi-Fi) โดยไม่ให้ผู้ชมในสนาม (ที่สามารถชมการแข่งขันด้วยตัวเองอยู่แล้ว) ดูวิดีโอการแข่งขันแบบสดๆ ผ่านเน็ต
นโยบายนี้เกิดจากปัญหาในการแข่ง NFL นัดชิงเมื่อปีที่แล้ว ที่อนุญาตให้ผู้ชมสามารถดูวิดีโอการแข่งขันผ่านเน็ตได้ (ผู้ชมบางคนอาจเปิดสตรีมวิดีโอควบคู่ไปด้วยเพื่อดูรีเพลย์หรือภาพในมุมอื่น) จนส่งผลต่อแบนด์วิธรวมรอบพื้นที่สนาม และสุดท้ายทีมงานระบบเครือข่ายต้องตัดสินใจบล็อคสตรีมระหว่างการแข่งขัน
ปีนี้ NFL วางแผนรับมือเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี โดยระบุว่าเครือข่าย cellular/Wi-Fi ในพื้นที่สนามสามารถรองรับการใช้งานของผู้ชมได้ประมาณ 25,000-30,000 คนพร้อมกัน (ความจุสนาม 82,500 ที่นั่ง) และจัดลำดับความสำคัญของการส่งข้อมูลขาอัพโหลดมากกว่าดาวน์โหลด เพื่อให้แฟนๆ ในสนามสามารถถ่ายภาพหรือโพสต์ข้อความได้สะดวกมากขึ้น
ในสนามมี Wi-Fi access point ทั้งหมด 900 จุด เปิดให้ผู้ชมทุกคนใช้งานได้ฟรี (เป็น 802.11ac โดย Cisco) ส่วนสายต่อเน็ตเข้าสนามเป็นของ Verizon แบนด์วิธรวม 4Gbps, เครือข่าย cellular ถูกวางระบบเสาอากาศร่วมกันโดยโอเปอเรเตอร์ใหญ่ของสหรัฐทั้ง 4 ราย
นอกจากนี้ ระบบการมอนิเตอร์คุณภาพสัญญาณยังถูกปรับปรุงใหม่ โดยซอยพื้นที่สนามให้ละเอียดมากขึ้นเพื่อให้ตรวจสอบได้ทันท่วงทีว่าสัญญาณในจุดไหนมีปัญหา และผู้จัดการแข่งขันยังถ่ายทอดสัญญาณเสียงพากย์จากสถานีโทรทัศน์อีก 4 ช่องเพื่อให้ผู้ชมรับฟังข้อมูลได้ระหว่างการแข่งขันด้วย
ตัวแทนของ NFL ยังให้ความเห็นว่าในอนาคตอาจนำเทคโนโลยีการกระจายข้อมูลแบบ multicast (ส่งสตรีมครั้งเดียวถึงผู้ใช้หลายๆ คน) มาใช้กับสตรีมวิดีโอเพื่อลดความคับคั่งของข้อมูล แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าสมาร์ทโฟนจะรองรับเทคโนโลยีลักษณะนี้
ที่มา - Ars Technica
ข่าวเก่าลักษณะเดียวกัน Cisco วางระบบ Wi-Fi และวิดีโอบนมือถือให้สนามฟุตบอล Manchester City