Hollywood HD นี่แหละบริการดูหนังออนไลน์ที่ว่ากันว่าเป็น Netflix ของเมืองไทย

by mk
21 March 2014 - 15:34

ปัจจุบันมีบริการดูหนังออนไลน์เกิดขึ้นมากมายในบ้านเรา ทั้งแบบถูกต้องและละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมองหาบริการดูหนังออนไลน์ในบ้านเราที่มีลักษณะเดียวกับ Netflix คือ 1) ถูกลิขสิทธิ์ 2) หนังเยอะ 3) คุณภาพความคมชัดสูง คงบอกได้ว่าไม่มีเลย

Hollywood HD เป็นบริการของคนไทยที่น่าจะใกล้เคียงกับนิยามข้างต้นมากที่สุด บริการนี้พัฒนาขึ้นโดยทีมงาน Fly Digital Media ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้จักชื่อมาก่อน (แต่ถ้าบอกว่าเป็นทีมเดียวกับบริษัทเพลินจิตมีเดีย ที่ทำระบบให้ AIS Mobile British Premier League ก็น่าจะคุ้นๆ แล้วใช่ไหมครับ)

ในเมื่อมีบริการแบบที่หลายคนอยากได้มานาน เกิดขึ้นในเมืองไทย ผมเลยถือโอกาสไปสัมภาษณ์คุณกษิดิศ กลศาสตร์เสนี กรรมการผู้จัดการของ Fly ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรจึงมาสร้างบริการแบบนี้ครับ

อยากให้แนะนำบริการแบบสั้นๆ ว่าทำอะไรได้บ้าง

คุณกษิดิศ: Hollywood HD เป็นบริการดูหนังออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง ลักษณะเดียวกับ Netflix โดยคิดราคาแบบเหมารายเดือน-รายปี ไม่จำกัดจำนวนภาพยนตร์ และสามารถดูได้บนอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเบราว์เซอร์, iOS และ Android

หนังที่เปิดให้ชมเป็นหนังฮอลลีวู้ดจากสตูดิโอใหญ่ระดับโลก ซึ่งเรามีครบทั้ง 6 รายคือ Universal, Warner Bros, 20th Century Fox, Sony Pictures, Disney, Paramount ปัจจุบันมีหนังให้ชมประมาณ 300 กว่าเรื่อง แต่ที่อยู่ในคลังและจะทยอยเปิดให้ชมมีทั้งหมดราว 1,000 กว่าเรื่อง

อัตราค่าบริการคิดแบบขั้นต่ำ 30 วัน ราคา 299 บาท แต่ช่วงนี้โปรโมชั่น ก็เปิดตัวที่ 149 บาท ถ้าซื้อเป็นแบบครึ่งปีหรือรายปีก็มีส่วนลดเพิ่มอีก

ทำไมถึงมาทำบริษัทลักษณะนี้

คุณกษิดิศ: ผมทำงานบริษัทไอทีข้ามชาติมานาน เคยอยู่กับซิสโก้ ไมโครซอฟท์ และอีกหลายบริษัท เรียกได้ว่าอยู่ในวงการไอทีมาตลอด แต่สุดท้ายบริษัทไอทีข้ามชาติในเมืองไทยก็เป็นแค่สำนักงานขาย มีนโยบายกำหนดมาแล้วจากต่างประเทศ บางอย่างไม่เวิร์คกับเมืองไทย แต่เราก็ทำอะไรมากไม่ได้

ทำบริษัทแบบนี้ ส่วนตัวถือว่ารายได้ดี แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศเต็มที่นัก เลยออกมาเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองน่าจะถนัดและอยู่กับมันได้ตลอดทั้งชีวิต โดยส่วนตัวอยากทำอะไรใหญ่ๆ และเผอิญมีพาร์ทเนอร์เป็นอดีตพนักงานไมโครซอฟท์ ที่ไปเปิดบริษัท PPTV บริการวิดีโอออนไลน์แบบพรีเมียมของประเทศจีน ซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก เราเลยอยากทำแบบเดียวกันบ้าง

บริษัทเริ่มช่วงต้นปี 2013 เริ่มจากไม่มีอะไรเลย ก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเราได้พาร์ทเนอร์เป็นหุ้นส่วนของ Energy Earth บริษัทพลังงานถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยมาร่วมลงทุนด้วย ทำให้มีกำลังพอสมควรและมีทิศทางธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น

งานแรกของบริษัทเกิดขึ้นช่วงเดือนมีนาคม 2013 โดย AIS ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาจาก CTH เพื่อฉายบนอุปกรณ์พกพา โชคดีอีกที่ PPTV เป็นคนทำสตรีมมิ่งรายการฟุตบอลออนไลน์ในประเทศจีนมาตั้งนานแล้ว เราเลยมี know-how ด้านนี้ จึงเข้าไปเสนอ AIS ว่าสนใจทำโครงการนี้ ซึ่ง AIS เองก็มองหาทีมเทคนิคมาทำระบบให้อยู่แล้ว ก็เลยฟอร์มทีมเพื่อมาทำแอพตัวนี้กัน

แอพตัวนี้ดังเพราะวันแรกล่ม คนด่ากันเยอะเลย (หัวเราะ) อันนี้ถือเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเราที่สอนให้รู้ว่า ความผิดพลาดทางเทคนิคเพียงจุดเดียวอาจทำให้ทั้งธุรกิจล่มได้เลย หลังจากนั้นเราเลยเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่ทำตัวเป็น broker ดึงคนนั้นคนนี้เข้ามา มีพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยในด้านต่างๆ กลายเป็นว่าสิ่งไหนที่เป็นแกนหลักสำคัญของธุรกิจ เราต้องเป็นอิสระ มีระบบของตัวเอง ทำแพลตฟอร์มเองที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร

หลังจากนั้นเราพยายามทำแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อ Fly ที่รวมทั้งหนัง เพลง ละคร แต่พบว่ายังไม่พร้อมสำหรับประเทศไทยเพราะพึ่งพารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก และตลาดโฆษณาออนไลน์ของบ้านเรายังเล็กมาก เลยพับโครงการนี้ไปก่อน แล้วกลับมาดูโมเดลของบริษัทในดวงใจของเรา ซึ่งมีแค่ 2 บริษัทคือ YouTube และ Netflix ถ้าเดินตามรอย YouTube ไม่ได้ก็ต้องไปทาง Netflix

จุดเด่นของ Netflix คือมีหนังดังๆ ให้เลือกดูเยอะมาก แบบนี้เราไปคุยกับเจ้าของหนังอย่างไร

คุณกษิดิศ: ตอนแรกเราพยายามติดต่อผ่านตัวแทนขายหนังแต่พบว่าไม่ค่อยเวิร์ค เพราะขั้นตอนเยอะ สุดท้ายเราเลยตัดสินใจบินไปคุยกับสตูฮอลลีวู้ดเองเลย การเจรจาเพื่อซื้อลิขสิทธิ์หนังเป็นเรื่องยุ่งยากมาก โชคดีว่าเราเคยผ่านงานทำ British Premier League มาก่อน เลยถือว่าโพรไฟล์ดี ช่วยให้ค่ายหนังไว้วางใจเรามากขึ้นมาก

พอมาทำเองถึงได้รู้ว่า การดีลเพื่อซื้อคอนเทนต์เป็นเรื่องยากมากนะครับ มันต้องมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวแน่นอน แต่ไม่ใช่ว่ามีแค่เงินแล้วทำได้ เพราะเราต้องทำให้เจ้าของหนังเชื่อให้ได้ว่าบริการของเราจะมีคุณภาพสูงในระดับที่เขาต้องการ ต้องมีความปลอดภัยและระบบจัดการสิทธิ์ (DRM) ที่เข้มแข็งจริงๆ เพราะเขากลัวเรื่องไฟล์หนังหลุดมาก ต้องผ่านการ audit ระบบอย่างเข้มงวดด้วย

เท่าที่เปิดบริการมา มีคนพยายามเข้ามาแฮ็กเพื่อดูดไฟล์หนังเยอะแค่ไหน

คุณกษิดิศ:(หัวเราะ) เริ่มเปิดบริการจริงประมาณวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าโดนลองของทุกวันครับ

การดูหนังต้องใช้เน็ตเร็วแค่ไหน

คุณกษิดิศ:เราพยายามปรับระบบให้ทำงานได้ดีที่สุด โดยใช้แบนด์วิธีต่ำที่สุด ตอนนี้สามารถดูได้ลื่นบน 3G แล้ว เรากล้าพูดว่าคุณภาพของวิดีโอสตรีมมิ่งเราไม่แพ้ใครในเมืองไทย แต่ในระดับโลกคงต้องพัฒนาอีกสักหน่อยจึงจะไปเทียบชั้น Netflix ได้

เทคโนโลยีบนแพลตฟอร์มวิดีโอของเราพยายามใช้ของใหม่ๆ ทันสมัย เช่น Cassandra, NoSQL ซึ่งบางอย่างเราก็ใช้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกับที่ Netflix ใช้แล้วเปิดซอร์สออกมา แถมบางกรณีเราก็แก้บั๊กแล้วส่งโค้ดกลับไปยังต้นน้ำด้วย

ความละเอียดของภาพยนตร์บน Hollywood HD อยู่ที่ระดับไหน มีแบบ 1080p หรือเปล่า

คุณกษิดิศ: ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ Netflix ก็ยังไม่มีบริการระดับ 1080p เลยนะครับ ตอนนี้เราให้บริการที่ความละเอียดสูงสุด 720p เท่ากับ Netflix

แต่เรื่องวิดีโอนี่จริงๆ ต้องบอกว่าขึ้นกับการปรับแต่งคุณภาพด้วย เราเคยทำ blind test กันภายใน ปรากฏว่าอันที่ทุกคนมองว่ามีคุณภาพสูงกว่ากลับมีความละเอียดที่ 480p เท่านั้นเอง มันขึ้นกับบิทเรต ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเราก็ต้องการก้าวไปสู่ 1080p ถ้าตลาดพร้อมจะจ่าย ในระยะไกลกว่านั้นเราก็เตรียมดูเรื่อง 2K, 4K ไว้แล้วเช่นกัน พวก HEVC ก็ลองดูกันบ้างแล้ว

ภาพยนตร์ที่ให้บริการ ที่เด่นๆ มีอะไรบ้าง

คุณกษิดิศ: คนไทยชอบหนังฮีโร่ เราก็พยายามรวมหนังฮีโร่มาไว้เกือบหมด อย่างของค่าย Marvel ก็มีเกือบครบทุกตัวยกเว้น The Avengers ที่ยังใหม่หน่อย ค่ายหนังยังไม่เอามาลงบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ส่วนค่าย DC ก็มีแบทแมน The Dark Knight

นอกจากนี้คนไทยยังชอบหนังฟอร์มยักษ์ เราก็มีครับทั้ง Harry Potter หรือ Lord of the Ring ซึ่งก็จะค่อยๆ ปล่อยหนังเข้ามาเรื่อยๆ ให้ดูมีอัพเดตตลอดเวลา เราภูมิใจมากที่ได้สิทธิ Harry Potter มาลงสตรีมมิ่งเป็นรายแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะ Warner ไม่เคยให้ประเทศไหนเลย

อีกกลุ่มคือหนังออสการ์ พวก The Sound of Music หรือ E.T. ตอนนี้ยังเน้นเฉพาะหนังที่เคยเข้าโรงในประเทศไทยเพราะคนไทยรู้จัก แต่อนาคตก็อยากจะทำพวกหนังอินดี้หรือหนังรางวัลด้วย ฝั่งหนังเอเชียเราก็ไปคุยมาเกือบครบแล้ว พวก Shaw Brothers เราก็ไปคุยมาแล้ว

หนังทุกเรื่องมีซับไตเติลภาษาไทยครบทั้งหมดนะครับ ส่วนหนังไทยเองยังไม่เน้นเพราะมีบริการดูหนังออนไลน์ของไทยหลายแห่งก็มีหนังไทยให้บริการอยู่แล้ว

ที่บอกว่า The Avengers ยังใหม่เกินไปที่จะฉายผ่านสตรีมมิ่ง อยากให้ขยายความหน่อยครับว่าเป็นเพราะอะไร

คุณกษิดิศ: อย่างแรกเลยต้องเข้าใจธรรมเนียมของวงการหนังฮอลลีวู้ดก่อนครับ รายได้ของหนังหนึ่งเรื่องนี่ 70% จะมาจากการฉายในโรง ส่วน 30% ที่เหลือมาจากช่องทางอื่นๆ ดังนั้นค่ายหนังจะต้องเน้นการฉายในโรงมากเป็นอันดับหนึ่ง หนังจะเริ่มฉายจากในโรงเป็นที่แรก

จากนั้นหนังเรื่องนั้นจะไปฉายที่ไหนต่อ ศัพท์ในวงการจะเรียก window ซึ่งหลังจากฉายโรงแล้วจะขึ้นไปฉายบนเครื่องบิน เพราะเขามองว่าบนเครื่องบินคนดูมีเกรด แถมขโมยหนังได้ยาก นี่เป็นเหตุว่าทำไมบนเครื่องบินมักมีหนังใหม่ๆ เสมอ

window ถัดมาน่าสนใจมาก เดาอย่างไรก็ไม่มีทางถูก เพราะเขาจะไปฉายในโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา ใครป่วยนี่ดูหนังกันเพลินเลย จากนั้นหนังค่อยมาลงแผ่นหรือโฮมวิดีโอ ตามด้วยบริการ video on demand (VOD) และปิดท้ายด้วยกลุ่ม Pay TV หรือพวกเคเบิลทีวี

ดังนั้นหนังของเราจะใหม่กว่าช่องพวก HBO ด้วยเหตุผลนี้ครับ เป็นนโยบายที่ค่ายหนังกำหนดมา

หนังที่เรามีอาจดูเก่าหน่อยเมื่อเทียบกับหนังโรง แต่คำว่าเก่าในที่นี้ก็คือหนังปี 2010-2011 ซึ่งคอหนังจริงๆ อาจมองว่าเก่า แต่คนทั่วไปก็ยังไม่เคยดูหรืออยากดูซ้ำอีกรอบ

อุปกรณ์ที่รองรับมีเบราว์เซอร์, iOS, Android แล้วมีแผนจะทำอย่างอื่นอีกไหม

คุณกษิดิศ: แพลตฟอร์มที่เราเน้นเป็นอันดับแรกคือเบราว์เซอร์เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ (เน้น Chrome บนพีซีและ Safari บนแมค, ใช้งาน Flash เพราะค่ายหนังบังคับให้ต้องมี DRM) แต่อนาคตจะทำแอพเดสก์ท็อปเพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้น

ฝั่งของทีวีเอง ตอนนี้เรามีแอพบน Apple TV และอนาคตจะทำให้รองรับ Chromecast ด้วย ตอนนี้กำลังทดสอบตัว Chromecast SDK กันอยู่ ส่วนแอพบนสมาร์ททีวีคงไม่ทำเพราะใช้ยากและต้องใช้เทคโนโลยีเฉพาะค่ายเยอะ คิดว่าต่อเซ็ตท็อปบ็อกซ์เอาน่าจะดีกว่า

ส่วน Windows Phone นี่ก็อยากทำเพราะผมเป็นศิษย์เก่าไมโครซอฟท์ (หัวเราะ) แต่ยังหาคนทำไม่ได้ ถ้าใครอยากทำก็ติดต่อเข้ามาได้เลยครับ

การจ่ายเงินค่าสมาชิกยุ่งยากแค่ไหน

คุณกษิดิศ: เราเตรียมไว้ทุกช่องทางเพื่อให้ลูกค้าสะดวก จะจ่ายบัตรเครดิตก็ได้ โอนเงินที่ตู้ ATM ก็ได้ แต่เท่าที่เปิดมา ช่องทางที่คนนิยมมากเกินคาดคือ Counter Service เดินไปจ่ายที่ 7-Eleven ได้เลย

สถิติอีกอันที่น่าสนใจคือคนซื้อสมาชิกรายปีมากกว่ารายเดือน อาจเป็นเพราะเราตั้งราคาให้เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นความตั้งใจของเราอยู่แล้ว

เป้าหมายในระยะยาวของ Hollywood HD และบริษัท Fly คืออะไร

คุณกษิดิศ: ในแง่ธุรกิจ เราอยากเป็นบริษัทแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ระดับโลก เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เหตุเพราะเรามีผู้ถือหุ้นจาก Energy Earth ที่ประสบความสำเร็จในการพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยเวลาเพียง 4 ปี เราเลยมีเป้าหมายทางการเงินแบบเดียวกัน

ในแง่ของเทคโนโลยี เราอยากขยายแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเราไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จในเมืองไทย พวกค่ายหนังก็จะมากดดันให้เราขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ เอง

ในแง่ผลกระทบต่อวงการสื่อ-ไอทีในไทย เราอยากพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าการทำงานหนัก ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและการเจรจาซื้อคอนเทนต์ จนกลายมาเป็นบริการถูกกฎหมายที่มีคุณภาพและราคาถูกนั้นสามารถเป็นจริงได้

เราหวังว่าถ้า Hollywood HD ประสบความสำเร็จ มันจะกลายเป็นต้นแบบที่ช่วยยกระดับวงการคอนเทนต์บ้านเราให้เห็นคุณค่าของเนื้อหาที่ถูกลิขสิทธิ์มากขึ้น เกิดการจ้างงาน เกิดการพัฒนาวงการมากขึ้น เพราะการทำบริการดูหนังแบบละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ส่งผลต่อวงการเลย แค่ทำให้เจ้าของไม่กี่คนเท่านั้นที่รวยเพิ่มขึ้น

ถ้าอยากลองทดสอบรับชมดูก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินจะทำได้หรือเปล่า

คุณกษิดิศ: เราคิดว่าราคา 149 บาทต่อเดือนนี่ไม่แพงเลย แต่บริการลักษณะนี้ลูกค้าย่อมอยากทดสอบดูก่อนว่าเป็นอย่างไร กระตุกหรือไม่ คุณภาพของภาพคมชัดแค่ไหน เราจึงมีบริการให้ทดลองดูกันฟรีๆ ก่อน try before you buy เพื่อให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของบริการ เราเองก็จะได้ทดสอบระบบเองด้วย

ทดสอบการใช้งานจริง

หลังสัมภาษณ์แล้ว ผมก็ได้มีโอกาสทดสอบแอพ Hollywood HD ทั้งบนเบราว์เซอร์ (เว็บไซต์ Hollywood HD), iOS (ลองบน iPad) และ Android (ลองบน Note 3) พบว่า

  • ภาพคมชัดมากสมราคาคุย และไม่ค่อยกระตุกนัก (ใช้เน็ต 3BB) แต่รอบัฟเฟอร์ตอนแรกนานนิดหน่อย
  • มีซับไตเติลภาษาไทย และสามารถเลือกปรับบิทเรตเองได้จากตัวแอพเลย
  • การหาหนังที่ต้องการอาจจะยากไปหน่อย ถ้าเลือกจากหนังแนะนำในแต่ละหมวดนี่ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะดูว่าหนังทั้งหมดมีเรื่องอะไรบ้าง ยังค่อนข้างยาก

สรุปแล้วถือว่าเป็นบริการที่น่าประทับใจ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานของระบบไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ที่เหลือคงเป็นเรื่องของคอนเทนต์ว่า Hollywood HD จะเพิ่มหนังดังๆ เจ๋งๆ เข้ามาเป็นจุดดึงดูดได้สม่ำเสมอแค่ไหนครับ

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้จาก Facebook Hollywood Movie HD และตอนนี้ทีมงานได้ไปตั้งบูธในงาน Commart 2014 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถึงวันที่ 23 มีนาคมนี้ ใครอยากไปดูของจริงก็แวะไปชมกันได้ที่งาน

Blognone Jobs Premium