เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วม workshop ของทางไมโครซอฟท์ ประเทศไทย โดยเป็นการแนะนำ Surface 2 ที่เพิ่งเปิดจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ในโอกาสนี้จึงมีโอกาสลองจับเครื่องและเอามาเทียบกับ Surface RT รุ่นแรกที่ผมใช้งานเป็นประจำด้วยครับ
คำเตือน: รูปภาพเยอะมาก
เริ่มที่กล่องก่อน คือถ้าไม่มีเลขสองมาประดับหน้ากล่อง ก็คงบอกได้ยากว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคือ Surface 2 ครับ เพราะหน้าตาเหมือนกันแทบจะทุกประการ แถมด้านในกล่องก็จัดเหมือนกันอีก (ดูรีวิว Surface อันเก่าประกอบได้ครับ)
สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อหยิบเครื่องขึ้นมา คือฝาหลังที่เดิมเป็นเหล็กพ่นสีน้ำตาลออกดำเอาไว้ บัดนี้กลายเป็นสีโลหะเงินสวยครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมยอมรับว่าสวยถึงสวยมาก อารมณ์ถือ Macbook Air ครับ (อยากจะทิ้ง Surface RT ตัวเก่าทันที) แต่เอาเข้าจริงพอจับ กลับไม่รู้สึกถึงความแตกต่างนัก คือถ้าจะบอกว่าสวยกว่าใช่แน่ แต่ถ้าถามว่าสัมผัสต่างจากเดิมหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ต่างครับ
ด้านหน้ายังคงรูปแบบและหน้าตาเหมือนตัวเก่าเต็มสูบ
ด้านข้างขวามือของเครื่อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คือมีช่องต่อที่ชารจ์ พอร์ต USB 3.0 ช่อง Micro HDMI และลำโพงครับ แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือลำโพงใหญ่ขึ้น แก้ปัญหาเสียงเบาของรุ่นแรกไปได้เยอะ
ด้านล่างเครื่อง ยังคงเป็นช่องเชื่อมต่อแป้นพิมพ์เหมือนเดิม
ด้านข้างซ้ายมือของเครื่อง ก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ คือลำโพง ที่เสียบหูฟัง ปุ่มปรับเสียง และร่องสำหรับดันขาตั้งเครื่อง เพียงแต่ก็อย่างเดิมคือ ลำโพงใหญ่ขึ้น
มาถึงด้านบนของเครื่องที่คราวนี้มีจุดต่างสำคัญ คือมีเพียงเฉพาะปุ่มเปิด/ปิด เครื่อง เท่านั้น ผิดจากรุ่นที่ผ่านมาซึ่งมีไมโครโฟนสองตัวอยู่ด้วย ไมโครโฟนทั้งสองตัวจริงๆ ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่อันหนึ่งถูกย้ายไปอยู่ที่กล้องหน้า อีกอันถูกย้ายไปกล้องด้านหลังครับ
หน้าตาเครื่องเมื่อรวมร่างกับแป้นพิมพ์
ส่วนแป้นพิมพ์ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมมากครับ ในภาพผมได้เป็น Type Cover สีม่วงเข้ม ซึ่งจุดที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อยสำหรับ Type Cover คือ touch pad ที่กดไปไม่ได้เหมือนเดิม (รุ่นเดิม touch pad จะคล้ายๆ กับของ Macbook) กลายเป็นเหมือน Touch Cover รุ่นเก่า (สีฟ้าด้านหลัง) ที่ใช้งานอยู่ แต่ว่าตัวแป้น Type Cover รุ่นใหม่ก็มีข้อดีตรงที่เป็นแป้นแบบเรืองแสง ทำงานในที่มืดได้ดีมาก (ในงานค่อนข้างมืดพอสมควร เลยพอเห็นได้ชัดเจน)
ข้อดีอย่างหนึ่งที่ชอบมาก ก็คือ Type Cover รุ่นสอง สามารถย้อนกลับไปทำงานกับ Surface RT รุ่นแรกได้ด้วย ซึ่งทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ (ว่าอาจจะซื้อ)
ลองใช้ในที่มืดเกือบสนิท
ไม่พลาดที่จะต้องเอาท่ายากขึ้นมาใช้
ขาตั้งปรับได้สองจังหวะ แบบดั้งเดิม และแบบใหม่ที่กางได้องศามากขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นข้อดี แต่ผมพบว่าแบบใหม่ที่กางได้มากขึ้น กลับเจอข้อเสียสำคัญมากๆ ประการหนึ่ง คือมัน 'อ่อนลง' กว่าเดิม โยกขึ้นมากกว่าเดิม จนน่ากังวลใจว่า แม้จะดีขึ้น แต่การที่ต้องแลกมาด้วยความอ่อนลงของขาตั้งนั้น 'คุ้ม' หรือไม่?
ที่บอกว่าน่ากังวล เพราะระหว่างที่จับเครื่อง ผมเผลอกดเครื่องจากด้านบนแรงไปหน่อย (ชินกับ Surface RT) ผลก็คือ ขาตั้งที่ปรับไว้เป็นแบบองศาดั้งเดิม ดีดไปเป็นองศาที่เพิ่มขึ้นทันที และเมื่อตรวจสอบด้วยสายตาก็พบว่า บานพับ (hinge) ตรงกลางที่เคยมี ได้หายไปแล้ว และอาจจะอธิบายว่าทำไมในรุ่นนี้ ขาตั้งจึงไม่ทนทานมากเท่ารุ่นก่อนหน้า
เนื่องจากผมเอา Surface RT รุ่นแรกมาด้วย เลยจับประชันกันสักเล็กน้อย
เท่าที่ได้ลองใช้ ต้องบอกว่าสิ่งที่เห็นชัดๆ นอกจากภายนอกแล้ว ก็คือความเร็วที่มีมากขึ้น (เล่นเกมได้ลื่นขึ้น) และหน้าจอที่ชัดขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ (จาก 720 HD ไปเป็น 1080 Full HD) แต่คำถามก็คือว่า เมื่อเข้าไปในสถานการณ์จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความแตกต่างหรือไม่? คำตอบก็คือคงไม่แตกต่างกันมาก
ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ อาจจะดีขึ้นกว่าเดิม (เช่น รองรับ Miracast หรือใช้ USB 3.0) แต่ถามว่ามีนัยสำคัญสำหรับคนที่ใช้ Surface RT อยู่แล้วหรือไม่? ก็ต้องตอบตามตรงว่าไม่ นั่นก็เพราะส่วนหนึ่ง Surface RT ค่อนข้างทำงานได้ดีอยู่แล้วและมีองค์ประกอบพื้นฐานค่อนข้างครบ อาจจะเรียกว่า ลูกเล่นที่มีใน Surface 2 คือสิ่งที่ดีขึ้น แต่ถ้าขาดไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
ถ้าจะให้ตอบแบบสรุปคือ คนที่มี Surface RT รุ่นดั้งเดิมอยู่แล้ว ถ้าไม่สนใจประเด็นเรื่องความสวยงาม อาจจะยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอัพเกรดไปเป็นรุ่นใหม่แต่อย่างใด (ยกเว้นแต่ว่าอยากจะถือของใหม่ หรือไม่ก็รอช่วงนาทีทอง) แต่ถ้ายังไม่มี Surface ก็ต้องบอกว่าเป็นตัวที่น่าสนใจครับ ทว่า ความจริงข้อหนึ่งที่จะต้องไม่ลืมก็คือ Surface 2 นั้นแตกต่างจาก Surface Pro/Pro 2 ในประเด็นของระบบปฏิบัติการอย่างชัดเจน ดังนั้นต้องถามตัวท่านเองก่อนว่า อยากจะซื้อไปใช้งานในแบบไหนครับ
ในงานมีคนสอบถามถึงแผนการของไมโครซอฟท์ที่จะนำตัว Surface 2 LTE เข้ามาจำหน่ายหรือไม่ในเมืองไทย ซึ่งคำตอบก็คือว่าตัว LTE ยังเป็นตัวที่จำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังไม่มีแผนที่จะจำหน่ายนอกประเทศ ส่วนผมเองมีโอกาสสอบถามเรื่องปัญหา Touch cover ปริ (เพราะส่วนตัวก็เจอเหมือนกัน) และได้คำตอบว่าในรุ่นนี้ได้แก้ไขปัญหาไปแล้ว ซึ่งก็น่าจะสร้างความสบายใจได้ระดับหนึ่งสำหรับคนที่ซื้อครับ ส่วน Surface Pro 2 นั้น มาแน่นอนและเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ทราบกำหนดการที่ชัดเจนครับ
ปิดท้ายด้วยราคาและรายละเอียดครับ