ช่วงปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของวงการ startup ในบ้านเราอย่างแท้จริง ในปี 2013 มีหลายทีมส่งผลิตภัณฑ์ และบริการเข้าไปแข่งขันในโครงการ startup ต่างๆ ที่จัดโดยโอเปอเรเตอร์หลายสิบทีมด้วยกัน และเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีงานแข่งขันนำเสนอ (pitching) ในประเทศไทยอย่าง Echelon Satellite Thailand 2014 ทำให้เราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ทีมพัฒนาแอพ Sticgo ที่ผ่านเวทีแข่งขัน startup มาหลายเวทีแล้ว
Sticgo เป็นแอพสำหรับแต่งภาพด้วยสติ๊กเกอร์ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สติ๊กเกอร์ในแอพ Sticgo นั้นไม่ได้ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างที่หลายคนคาดไว้ แต่จะให้ผู้ใช้เลือกสติ๊กเกอร์จากสถานที่รอบตัวแทน ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสถานที่นั้นๆ เช่นไปพาหุรัด จะเห็นตัวการ์ตูนขายผ้า อยู่บนบีทีเอสจะมีรูปโหนรถ เป็นต้น
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ไปให้ทีมของ Sticgo พูดถึงแอพของตัวเองกันเลยครับ
ช่วยแนะนำตัวเอง แล้วเล่าถึงความเป็นมาของ Sticgo ให้หน่อยครับว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้มาทำแอพตัวนี้
ผมตั้ม พิริยะ ตันตราธิวุฒิครับ จบเศรษฐศาสตร์มาจาก Harvard University แล้วก็ไปต่อ MBA ที่ London Business School และเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ Kellogg School of Management
หลังจากจบมาก็วนเวียนอยู่ในงานสายธุรกิจมาตลอด แต่ด้วยความที่ชอบดีไซน์แบบมาตลอด เลยอยากทำธุรกิจที่มันเกี่ยวข้องกับงานวาด แล้วก็ออกมาเป็น Sticgo นี่ล่ะครับ (ไปค้นเจอมาทีหลังว่าคุณตั้มใช้นามปากกาว่า Slackholics และเป็นคนเขียนหนังสือนักวางแผนกวนตลาดด้วย)
ตัว Sticgo ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจทำให้เป็นธุรกิจจริงจัง กะทำมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ให้มีสติ๊กเกอร์น่ารักใช้แต่งภาพกัน แต่หลังจากไปร่วมโครงการของ True Incube แล้วผ่านเข้ารอบสุดท้าย ได้รับเงินทุน เลยมาเอาจริงเอาจังจนกลายเป็น startup ไปแล้วครับ
Sticgo ใช้ทำอะไรได้บ้างครับ
ฟีเจอร์หลักๆ ของ Sticgo คือเป็นแอพแต่งภาพด้วยสติ๊กเกอร์ครับ ความต่างจากแอพสติ๊กเกอร์ตัวอื่นคือเรามีสติ๊กเกอร์ให้เลือกตามสถานที่ ณ ขณะนั้น ตัวสติ๊กเกอร์มีอายุการใช้งาน ด้วยความที่เราตั้งใจจะให้มันผูกกับอีเวนท์ได้ คนใช้แอพจะได้รู้สึกอินไปกับงาน แบรนด์ก็ได้ฟีดแบคจากลูกค้าไปพร้อมกัน
ผลงานของ Sticgo ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้มีผู้ใช้เยอะแค่ไหนแล้วครับ
ตอนนี้ Sticgo เดินหน้าคุยกับแบรนด์ไปหลายเจ้าแล้วครับ ที่เคยทดลองใช้ไปก็มีกับ Urban Studio ในเครือเซ็นทรัลซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี แล้วก็กำลังคุยอยู่กับเดอะมอลล์อีกเจ้าครับ
ส่วนตัวเลขผู้ใช้ตอนนี้ ต่อวันอยู่ที่หลักพันครับ แต่ยอดดาวน์โหลดทะลุ 50,000 ครั้งไปเรียบร้อยแล้ว เพราะช่วงที่เปิดตัวแรกๆ ได้เพื่อนนักวาดด้วยกันช่วยโปรโมตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค แล้วยังได้ขึ้นฟีเจอร์ใน App Store ในหมวด Best New App, Featured App และยังเคยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหมวดแอพภาพและวิดีโอด้วยคัรบ
จุดแข็งของ Sticgo คืออะไร
จุดแข็งของเราตอนนี้คือตัวการ์ตูนในแอพที่ได้เพื่อนๆ มีชื่อเสียงในวงการมาช่วยวาดให้ทั้ง ทีปกร (วาดน้องเหมียว Popcat) น้องฟ้า (วาดกระต่ายซูชิกุ้ง Ebisu) และตัวผมเอง (วาดนกถั่ว) รวมกันแล้วคนติดตามศิลปินในกลุ่มของเราก็ปาเข้าไปมากกว่า 800,000 คนแล้ว ตรงนี้ช่วยให้ Sticgo เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนตามงานวาดได้เร็วมาก
อีกเรื่องคือด้วยความที่ผมจบมาจากสายธุรกิจ และทำงานเรื่องแบรนด์มาหลายปี เวลาไปติดต่อกับบรรดาแบรนด์ต่างๆ เขาจะสนใจตรงนี้เพราะจะได้ผมไปเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ไปด้วยครับ
ความที่ Sticgo เป็นแอพ ทำให้มีกำแพงว่าผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดก่อน แล้วจะทำให้คนไม่ใช้หรือเปล่าครับ
เรื่องนี้ผมคำนึงไว้เหมือนกันครับ ก็เลยทำให้แอพเบาที่สุดเท่าที่ทำได้ (เช็คขนาดบน App Store อยู่ที่ 12.6MB) เวลาเปิดแอพมาก็จะไม่ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์มาทันที แต่จะดาวน์โหลดต่อเมื่อจะใช้งาน
ส่วนเรื่องดึงคนให้เข้ามาใช้ แผนที่กำลังคุยกับเดอะมอลล์อยู่คือเขาจะบันเดิล Sticgo ไปตามอีเวนท์ต่างๆ ของเขา ใครที่ใช้แอพนี้ในงานก็จะได้ส่วนลดด้วย ตรงนี้น่าจะดึงดูดให้คนเข้ามาใช้ได้ครับ
มีแผนจะพัฒนาอะไรเพิ่มเข้ามาในอนาคตหรือเปล่าครับ
ที่คิดไว้ตอนนี้คือเราจะบุกต่างประเทศ จะไปทำสติ๊กเกอร์ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยชอบไป ที่เล็งไว้ตอนนี้คือไต้หวัน และก็ตลาดต่างจังหวัดนอกเหนือจากกทม. ด้วย
แล้วก็เราจะขยาย Sticgo ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ศิลปินสามารถมาลงผลงานได้ โดยเราจะให้เครดิตเขาแบบเต็มๆ ด้วย และตอนนี้ก็มีแผนจะขยายแพลตฟอร์มจาก iOS ไปลงบนแอนดรอยด์ครับ
มีอะไรจะฝากถึงผู้อ่านใน Blognone ไหมครับ
นักพัฒนาคนไหนที่ทำแอพแอนดรอยด์ได้ และสนใจมาร่วมทีมกับ Sticgo ลองติดต่อมาได้ครับ