หลังจากไมโครซอฟท์ยอม "ถอยสุดซอย" นำ Start Menu กลับมาในวินโดวส์รุ่นหน้า ตัวแทนของบริษัทก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของการนำปุ่ม Start ออกจาก Windows 8 ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากตั้งแต่แรก
Chaitanya Sareen ตำแหน่ง Principal Program Manager Lead on Windows ซึ่งควบคุมการพัฒนา Windows มาตั้งแต่ 7 ให้สัมภาษณ์กับ CNET ว่าไมโครซอฟท์มีกระบวนการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดอยู่เสมอ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Windows 7 ไม่สามารถสมบูรณ์ขนาดนี้ได้เลยถ้าไม่มี Vista นำทางมาก่อน
ส่วนกรณีของ Windows 8 เป็นการเดินทางของไมโครซอฟท์สู่แนวทางที่ฉีกออกไปจากเดิม โดยไมโครซอฟท์มองเดสก์ท็อปว่าเป็นแอพตัวหนึ่ง ส่วนการตัดสินใจนำปุ่ม Start ออกไปก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก และผ่านการถกเถียงอย่างหนักภายในบริษัทเอง
Sareen บอกว่าไม่อยากให้ผู้ใช้วินโดวส์เข้าใจว่า มีผู้บริหารสักคนเดินมาสั่งให้เอาปุ่ม Start ออกไปแล้วจบ แต่ในทีมถกเถียงกันหนักหน่วงและยาวนานมาก แต่สุดท้ายทีมงานตัดสินใจเอาปุ่ม Start ออกเพื่อบีบให้ผู้ใช้ต้องเรียนรู้วิธีการทำงานแบบใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับของผู้ใช้กลับออกมาในทางลบ ซึ่ง Sareen ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผู้ใช้สูญเสียสิ่งที่คุ้นเคยไปจากการอัพเกรด และสุดท้ายไมโครซอฟท์ก็ตัดสินใจนำปุ่ม Start กลับมาใน Windows 8.1 (รวมถึง Start Menu ในวินโดวส์รุ่นหน้า)
Sareen ไม่อยากให้มองการนำปุ่ม Start กลับมาว่าเป็นการเดินถอยหลังของไมโครซอฟท์ แต่อยากให้มองว่าผลิตภัณฑ์เองต้องปรับตัวตลอดเวลา แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด และไมโครซอฟท์มีกระบวนการออกวินโดวส์ที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ โดย Windows 8.1 Update ออกหลัง Windows 8.1 เพียง 6 เดือนเท่านั้น, Windows 8.1 ออกหลัง Windows 8 หนึ่งปี ในขณะที่ Windows 8 ทิ้งช่วงห่างจาก Windows 7 ถึงสามปี
เขายังเผยสถิติว่าตอนที่ Windows 8 ออกขาย ไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่งตลาดพีซีจอสัมผัสเพียง 4% แต่ตัวเลขเพิ่มเป็น 41% เมื่อ Windows 8.1 เปิดตัว
ที่มา - CNET