จากการสำรวจล่าสุดของ Alloy Media and Market พบว่าเด็กใหม่ที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาในปีนี้มีอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ มากกว่ารุ่นที่เรียนจบมหาวิทยาลัยในปีนี้มาก
จากการสำรวจ อุปกรณ์ไฮเทคต่อไปนี้ถือว่าเป็นสิ่ง "ธรรมดามาก" เช่น โทรศัพท์มือถือ, กล้องถ่ายรูปดิจิตอล, แล็ปท็อปและไอพอต (หรือเครื่องเล่น MP3 อื่น ๆ)
สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมที่เห็นได้ชัดคือกว่า 93% มีโทรศัพท์มือถือใช้ในขณะที่รุ่นที่สี่ปีที่แล้วมีเพียง 78% นอกจากนี้แล้วนักเรียนส่วนใหญ่ประมาณ 64% มีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเอง มากกว่าสี่ปีที่แล้วเป็นเท่าตัว
มากกว่าครึ่งหนึ่งของนักเรียน (58%) มีเครื่องเล่นดนตรีพกพาจากสี่ปีที่แล้วที่มีเพียงแค่ 17% และสุดท้ายนั่นก็คือ 63% ของนักเรียนมีแล็ปท็อปเป็นของตัวเอง เทียบกับ 42% เมื่อปี 2005 โดยคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในตอนนี้ถือว่าเป็นสินค้า "รุ่นเก๋า" ไปแล้ว
ประมาณ 1 ใน 3 ของนักเรียนมหาวิทยาลัยนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านเครื่อข่ายไร้สายได้เมื่อต้องการ (ไม่ว่าจะเป็นการใช้ WLAN หรือโทรศัพท์มือถือ) โดยปัจจุบันการมีเครือข่ายไร้สายในมหาวิทยาลัยถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นที่สุดเลยทีเดียว
ที่น่าชื่นใจสำหรับผู้ใหญ่และพ่อแม่ผู้ปกครองก็คือกว่า 1 ใน 3 ของนักศึกษาใหม่เหล่านี้มี "ความเชื่อ" ในการอนุรักษ์ธรรมชาติโดยการตัดสินใจที่จะใช้สินค้าหรือแบรนด์ที่สร้างประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม
ที่มา - CNET News
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ก็มาจากเงินของพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ดี ที่จริงผมว่านี่เป็นเทรนด์ทั่วโลกเลยก็ว่าได้เพราะเมืองไทยตอนนี้ก็ไม่ค่อยต่างกัน ต่างกันก็แค่ตัวจุดชนวนไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยแต่อยู่ที่ร้านกาแฟซะมากกว่า :P