รีวิว Surface 2 แบบใช้งานทั้งเป็นแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก

by mk
11 May 2014 - 01:58

Surface เป็นอุปกรณ์ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ว่า "พีซี" ยุคหน้าควรเป็นอย่างไร (จอสัมผัสพร้อมอินเทอร์เฟซที่เหมาะกับนิ้ว, เป็นอุปกรณ์แบบ hybrid ใช้ได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต, บริษัทเดียวทำทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์)

แต่ Surface รุ่นแรกกลับยังไม่ประสบความสำเร็จมากนักในแง่ยอดขาย ซึ่งเหตุผลมีทั้งข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์บางประการ, ข้อจำกัดของ Windows 8 ทั้งตัวระบบปฏิบัติการและแอพ และการแข่งขันที่ร้อนแรงในตลาด

เวลาผ่านไป Surface พัฒนาขึ้นทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์ (ออกรุ่นสอง) และซอฟต์แวร์ (Windows 8.1 Update และแอพจำนวนมากขึ้น) ดังนั้นเรามาดูกันครับว่า ณ วันนี้ Surface 2 พัฒนาไปแค่ไหน และสามารถใช้แทน "พีซี" แบบเดิมๆ ได้หรือยัง

การทดสอบ

สัปดาห์ที่แล้ว ผมมีธุระต้องไปต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน เลยตัดสินใจทดสอบด้วยการนำ Surface 2 เพียงตัวเดียวไปใช้แทนโน้ตบุ๊ก (ปกติใช้ ThinkPad) และแท็บเล็ต (มีทั้ง iPad/Nexus 7) เพื่อดูว่า Surface 2 สามารถทดแทนอุปกรณ์ทั้งสองประเภทได้มากน้อยแค่ไหน

งานที่ผมทำบนอุปกรณ์เหล่านี้ก็คงเป็นงานทั่วๆ ไป เช่น อีเมล อ่านข่าว โซเชียล ท่องเว็บ ส่วนที่ต่างไปจากคนอื่นหน่อยคือการเขียนข่าวบน Blognone ซึ่งจะต้องใช้เว็บเบราว์เซอร์และการพิมพ์ค่อนข้างเยอะ

ฮาร์ดแวร์

รูปลักษณ์ภายนอกของ Surface 2 ไม่ต่างไปจาก Surface RT รุ่นแรกมากนัก (อ่านรายละเอียดได้จาก รีวิวโดยคุณ nrad6949 และ รีวิวโดยคุณ Diew)

ขาตั้ง

จุดแตกต่างที่สำคัญคือ "ขาตั้ง" ของ Surface 2 ที่สามารถปรับได้ 2 ระดับ (รุ่นแรกปรับได้ระดับเดียว) ช่วยให้มันยืดหยุ่นต่อการใช้งานรูปแบบต่างๆ มากขึ้น

การใช้งานโดยวางไว้บนโต๊ะนั้นไม่ใช่ปัญหาของ Surface เพราะทำได้ดีมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการใช้ขาตั้งแบบกรณี Surface จะด้อยกว่าโน้ตบุ๊ก (ที่ใช้บานพับในการยกจอ) ตรงที่ต้องใช้พื้นที่ในการวางเยอะกว่า ดังนั้นถ้าไปเจอพื้นโต๊ะแคบๆ (เช่น บนเครื่องบิน) ก็จะวางได้ลำบากขึ้นเพราะต้องหาพื้นที่มากขึ้นในการรองขาตั้งด้วย

ส่วนการวางไว้บนตักที่เป็นจุดอ่อนของ Surface รุ่นแรกมานาน ขาตั้งสองระดับสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง โดยท่าที่เหมาะสมคือกางขาแบบสุด (เป็นระดับการกางแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา) ทำให้ตาเราพอดีกับหน้าจอมากกว่าระดับขาตั้งแบบเก่า

อย่างไรก็ตาม ขาตั้งของ Surface ก็ยังมีปัญหาอยู่ดีถ้าวางในท่าอื่นๆ เช่น นั่งขัดสมาธิ (วางได้ยากหน่อย) หรือนั่งชันเข่า (วางไม่ได้เลยเพราะติดขาตั้ง)

ดังนั้นในภาพรวมแล้วผมคิดว่ารูปแบบของอุปกรณ์ hybrid/2-in-1 ที่เหมาะสม น่าจะเป็นโน้ตบุ๊กถอดจอได้แบบ ASUS T100 หรือ Acer Switch 10 มากกว่า

คีย์บอร์ด

Surface ถูกออกแบบมาให้ทำงานกับคีย์บอร์ดอย่างแนบแน่น ดังนั้นแม้ว่ามันจะขายแยกกัน แต่เวลาซื้อยังไงก็ควรซื้อคีย์บอร์ดอยู่ดีครับ

ไมโครซอฟท์ประเทศไทยให้คีย์บอร์ดมาทดสอบทั้ง Touch Cover 2 และ Type Cover 2 ซึ่งก็แน่นอนว่า Type Cover พิมพ์ง่ายกว่ามาก ใครที่ตัดสินใจซื้อ ยังไงก็แนะนำ Type Cover มากกว่าถ้าเป็นไปได้

จุดเด่นของ Touch Cover คือขนาดที่บางกว่า แต่ในการพกพาจริงผมพบว่าแทบไม่มีผล เพราะ Type Cover ก็บางมากอยู่แล้ว ยอมใช้คีย์บอร์ดหนาขึ้นอีกหน่อยแต่พิมพ์ง่ายกว่ามากจะดีกว่า (Touch Cover ยังสามารถทำท่า gesture โดยรูดบนคีย์บอร์ดได้มากกว่านิดหน่อย แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอยู่ดี)

การพกพาและแบตเตอรี่

อุปกรณ์ที่ผมต้อง "แบก" ในการทดสอบ Surface 2 มีดังนี้

รวมแล้วก็ประมาณ 1 กิโลนิดๆ พอดี ถือว่าใกล้เคียงกับการแบก MacBook Air 11 นิ้ว (ไม่รวมอแดปเตอร์) แต่กำไรกว่าตรงที่ใช้งานได้เป็นทั้งแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก ส่วนจะเวิร์คหรือไม่นั้นต้องรอดูการใช้งานจริงซึ่งจะกล่าวต่อไปครับ (จากการใช้งานจริงแล้วพบว่าไม่ต้องมีเมาส์เลย)

เรื่องแบตเตอรี่ ตามสเปกของไมโครซอฟท์บอกว่าเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง (การทดสอบของ Engadget อยู่ได้ถึง 14:22 ชั่วโมง ชนะคู่แข่งทั้งหมด) ในการใช้งานจริงเราคงไม่ได้ดูวิดีโอต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าอึดมาก อยู่ได้ทั้งวันกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่วางบนโต๊ะแล้วเปิดทิ้งไว้

ประเด็นที่ผมว่าเป็นปัญหานิดหน่อยคือสายชาร์จ VaporMag ที่ใช้แม่เหล็กดูดติดกับตัวแท็บเล็ต มันเล็งให้ตรงช่องได้ค่อนข้างลำบากพอสมควร ต้องอยู่ในที่มีแสงสว่างเพียงพอแล้วตั้งใจเล็งแบบจริงจังถึงจะใส่ได้ (ประเภทมืดๆ ก่อนนอนแล้วคลำๆ เอานี่ใส่ลำบาก) ซึ่งถือเป็นความน่ารำคาญเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก

ซอฟต์แวร์

อ่านรีวิวเก่า: รีวิว Windows 8 ฉบับการใช้งานบนแท็บเล็ต ตอนที่ 1, ตอนที่ 2

Surface ถือเป็นอุปกรณ์ยุคใหม่ของไมโครซอฟท์ที่ให้ประสบการณ์ personalize เต็มรูปแบบ แค่เปิดเครื่อง ต่อเน็ต แล้วใส่ Microsoft Account รอสักพัก เราก็จะได้ "ข้อมูลทุกอย่าง" ของเราถูกดึงมาจากกลุ่มเมฆของไมโครซอฟท์ทันที ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย

คุณสมบัติแบบนี้ Android หรือแม้แต่ Windows Phone เองก็ทำได้มาสักพักแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ แต่พอคิดว่ามันคือ "พีซี" มาทำแบบนี้ได้ก็น่าตื่นเต้นพอสมควร

ส่วนของระบบปฏิบัติการ เนื้อในของมันคือ Windows 8.1 Update ที่ไม่ต่างจากอุปกรณ์อื่นๆ แต่พอเรามาใช้กับอุปกรณ์จอสัมผัสที่ออกแบบมาเพื่อกันและกันโดยตรง ผลออกมาดีกว่าการใช้บนโน้ตบุ๊กแบบดั้งเดิมมาก ผมพบว่าตัวเองใช้อินเทอร์เฟซแบบ Metro แทบจะตลอดเวลา จะเปิดเดสก์ท็อปขึ้นมาก็ต่อเมื่อเจอ "ข้อจำกัด" ที่ Metro ทำไม่ได้เท่านั้น

ประเด็นเรื่องแอพแบบ Metro ก็พัฒนาขึ้นตามกาลเวลา มีแอพใหม่ๆ มากขึ้น และแอพหลายตัวที่ไม่มีเวอร์ชัน Metro ในช่วงแรกๆ ก็เริ่มออกมาให้ใช้กันบ้างแล้ว

จากการลองทำงานแต่ละด้าน ก็ได้ผลออกมาดังนี้ครับ

การท่องเว็บ เนื่องจากเนื้อในเป็น Windows RT ผมก็ถูกบังคับให้ใช้แต่ IE11 เท่านั้น ผลคือมันทำงานได้ดีกว่าที่คิด (แค่ซิงก์กับข้อมูลของเราใน Chrome/Firefox ที่มีอยู่แล้วไม่ได้)

แต่สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์ท่องเว็บบน Surface เหนือกว่าแท็บเล็ตตัวอื่นๆ มากคือมันสามารถแบ่งจอแล้วเปิดเบราว์เซอร์สองอัน (แต่ละจอมีหลายแท็บ) ได้ ทำให้ง่ายต่อพฤติกรรมการใช้งานของผมที่เปิดจอหนึ่งมาอ่านข่าวและอีกจอเป็นหน้าเขียนข่าวของ Blognone

ดังนั้นสรุปว่าถ้าต้องใช้เบราว์เซอร์เยอะๆ เพื่ออ่านเทียบกันสองจอ หรืออีกจอหนึ่งเอาไว้เขียนงาน ต้องถือว่า Surface เวิร์คมากๆ ครับ iPad/Android ชิดซ้ายเลย (แม้ Android บางตัวเช่นแท็บเล็ตซัมซุงจะสามารถแบ่งจอได้เหมือนกัน แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้นแบบ Surface)

อีเมล แอพอีเมลของไมโครซอฟท์ทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง เช็คเมลได้ ตอบเมลได้ แต่ประสบการณ์การใช้งานยังไม่ค่อยลื่นไหลเท่าการใช้แอพ Gmail บน Android โดยตรง

ปฏิทิน ผมใช้ Google Calendar ที่ยังเชื่อมต่อกับแอพ Calendar ไม่ได้ด้วยปัญหาการเมือง ข้อนี้จึงต้องตัดไป

การจดโน้ต ปกติผมใช้ Evernote ซึ่งทำแอพ Metro ออกมาได้ดี แต่ถ้าใครใช้ OneNote ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันนัก

Maps แผนที่มาตรฐานของ Windows 8 แสดงรายละเอียดถนนได้ดี แต่พอต้องค้นหาสถานที่ด้วยชื่อ ยังไงก็ต้องกลับไปใช้ Google Maps บน Android ครับ

Office นี่เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของ Surface RT/2 เพราะราคานี้ได้ Office ผนวกมาด้วย ไม่มีถูกกว่านี้อีกแล้ว การเปิดไฟล์จากอีเมลระหว่างเดินทางไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

Twitter แอพ Twitter Metro ทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก (เทียบกับเวอร์ชัน Windows Phone) มักมีปัญหาเรื่องการซิงก์ข้อความอยู่บ่อยครั้ง

Facebook ผมพบว่า Facebook Metro ทำงานได้ดีมากจนแทบใช้แทนหน้าเว็บแบบปกติได้เลย (กลับกันกับ Facebook Windows Phone ที่ห่วยมาก)

Dropbox Dropbox ใจดีออกแอพเวอร์ชัน Metro ให้ไมโครซอฟท์ (ไม่มีบน Windows Phone) สามารถเข้าถึงไฟล์ได้ตามปกติ แต่ข้อจำกัดคือไม่สามารถเลือกเซฟไฟล์แบบออฟไลน์ได้เหมือนแอพเวอร์ชัน iOS/Android

ทางออกแบบอ้อมๆ คงต้องหนีไปใช้ OneDrive แทน ส่วน Google Drive นั้นไม่ต้องคิดถึง เพราะไม่มีให้ใช้

Kindle แอพ Kindle มีเวอร์ชัน Metro มาตั้งแต่แรกๆ แต่ข้อจำกัดก็คล้าย Dropbox คือฟีเจอร์น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น กรณีของ Kindle อ่านหนังสือได้แต่ไม่สามารถทำไฮไลท์ข้อความในหนังสือได้

ผมพบว่าตัวเองจะเปิดโหมดเดสก์ท็อปขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีโต๊ะนั่งดีๆ มี Wi-Fi ใช้ และใช้งานมันในสถานะ "พีซี" ที่สั่งงานผ่านคีย์บอร์ดและทัชแพดเหมือนพีซีทั่วไป (ซึ่งก็ทำงานได้ดีเพราะมันก็คือ Windows 8.1) ใช้งาน IE Desktop, Office และ File Manager เป็นหลัก

ส่วนยามปกติทั่วไป เช่น นั่งรถ นั่งบนโซฟา จะอยู่ในโหมด Metro แทบจะตลอดเวลา โดยพับคีย์บอร์ดไปด้านหลังหรือถอดคีย์บอร์ดทิ้งไว้แล้วแต่กรณี

สรุป

ในแง่ฮาร์ดแวร์ถือว่า Surface 2 ทำออกมาได้ดี น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับขนาด งานประกอบดี แบตอึด จอสวย มีพอร์ต USB ขนาดเต็ม ทำงานร่วมกับคีย์บอร์ดได้ดี จะมีข้อติเล็กน้อยก็ที่เรื่องขาตั้งเท่านั้น (ซึ่งถ้าเลือกมาแนวทางขาตั้งก็คงหนีข้อจำกัดนี้ไม่พ้น)

แต่ข้อจำกัดในการใช้งานของ Surface/Windows 8 ยังเป็นเรื่องแอพน้อย-แอพความสามารถต่ำเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น (แม้สถานการณ์จะดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้ว) ซึ่งตามปกติแล้วปัญหานี้สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ 2 วิธีคือ

  • ใช้งานแอพเวอร์ชันเว็บแทน
  • ใช้งานแอพเวอร์ชัน Win32 แทน

ปัญหาคือ Surface 2 ดันเป็น ARM/Windows RT ทำให้ตัวเลือกที่สองต้องถูกตัดทิ้งไป (เช่น ผมไม่สามารถดาวน์โหลด Dropbox หรือ Google Drive เวอร์ชันวินโดวส์ปกติมาลงได้) ทำให้ตัวเลือกจำกัดอยู่แค่การใช้งานผ่านเว็บเท่านั้น ซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยคล่องตัวนักเพราะต้องต่อเน็ตอยู่ตลอดเวลา

ทางออกที่ดีกว่าสำหรับคนที่อยากได้แท็บเล็ต (ที่ทำตัวเป็นโน้ตบุ๊กวินโดวส์ได้ด้วย) น่าจะเป็นการเลือกใช้แท็บเล็ตสาย x86 เช่น Surface Pro 2 (ที่ไม่ขายในบ้านเราสักที) หรืออุปกรณ์แบบ hybrid ของผู้ผลิตโน้ตบุ๊กค่ายอื่นๆ ที่เป็น x86 ทุกค่ายอยู่แล้ว

ส่วนคนที่อยากได้แท็บเล็ต (แท็บเล็ตอย่างเดียว ไม่ต้องทำตัวเป็นโน้ตบุ๊ก) ด้วยเงินเท่ากันแล้ว ซื้อ iPad หรือแท็บเล็ต Android คุ้มค่ากว่ามากครับในแง่ app ecosystem

Blognone Jobs Premium