ความเคลื่อนไหวของตลาดมือถือประเภทสมาร์ทโฟนกลุ่มตลาดล่างในปีนี้ ถือว่ามีความดุเดือดอย่างมาก Blognone เองเพิ่งจะมีรีวิว ASUS Zenfone 4 ไปได้ไม่นาน ซึ่ง Zenfone 4 ค่อนข้างสะท้อนลักษณะของการเป็นมือถือในกลุ่มตลาดล่างที่มีความคุ้มค่าด้วยประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีตัวหนึ่ง และวันนี้ก็จะเป็นรีวิว Lumia 630 (เต็มๆ ก็คือ Nokia Lumia 630) ซึ่งออกมาสู้ในตลาดล่างอย่างชัดเจน (ในการเปิดตัวที่งาน BUILD 2014 Stephen Elop พูดชัดเจนว่าเป็นตัวต่อ (carry-on) ของ Lumia 520)
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สเปคอ่านเอาจากที่นี่ และอ่านลองจับได้ที่นี่ครับ (อนึ่ง รุ่นที่ได้มาทดสอบเป็นรุ่นซิมเดียว)
คำเตือน: ภาพเยอะมาก
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือกล่องมีทิศทางที่เปลี่ยนไปเป็นแบนราบยิ่งขึ้น (ดูรีวิว Nokia X) และเน้นความเรียบง่ายกว่าเดิม ผมเองไม่รู้ว่าแนวทางแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ เพราะกล่องแบบเดิมก็มีความเรียบง่ายในระดับหนึ่งแล้ว
ข้อดีอยู่อย่างก็คือ ด้านข้างกล่องเจาะรูบอกสีเครื่องให้มาเสร็จสรรพ ไม่ต้องเดากันนานว่าเครื่องนี้ สีอะไร
แกะกล่องแล้วก็เห็นภาพตามหน้าตานี้เลยครับ
ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ คราวนี้ทาง Microsoft เลือกที่จะตัดตัวเลือกหูฟังแถมมาให้ครับ งานนี้ต้องแสดงความเสียใจล่วงหน้าสำหรับคนที่หวังหูฟังฟรี
อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วในตอนลองจับว่า ฝาหลังของ Lumia 630 ค่อนข้างอ่อน เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (Lumia 620) และการออกแบบเน้นทิศทางไปเหมือนกับ Nokia X ทำให้ผมยังยืนยันที่จะย้ำคำเดิมว่า Lumia 630 ทำให้รู้สึกว่า รุ่นนี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะออกแบบมากเท่ากับรุ่นอื่นๆ เพราะการย้อนกลับไปจับ Lumia 620 หรือ 520 เอง ให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามากๆ แต่ก็เช่นเคย เรื่องนี้เป็นความรู้สึกของแต่ละคนมากกว่า
เนื่องจากเคยมีการลองจับตัวเครื่องไปแล้ว จึงขออนุญาตข้ามในส่วนสาระที่ไม่สำคัญทั้งหลายนะครับ แต่ข้อมูลอันหนึ่งที่น่าสนใจจากการใช้แอพ My Phone เพื่อตรวจสอบข้อมูล ก็ได้ความว่า Lumia 630 ไม่มี Proximity sensor, ไม่มี Brightness sensor และรองรับการสัมผัสเพียง 4 จุดพร้อมกันเท่านั้น
ขนาดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น (ซ้ายไปขวา: Lumia 630, Moto G, Zenfone 4, Nokia X)
เนื่องจากซอฟต์แวร์ภายในมันคือ Windows Phone 8.1 ซึ่งถือเป็น Lumia ตัวแรกของตลาดที่ได้แบบเป็นทางการ (ไม่นับที่ได้ผ่าน Developer Preview) Blognone เองเคยมีมินิรีวิวของ Windows Phone 8.1 อยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงขออนุญาตข้ามไปในส่วนนี้นะครับ
ด้วยความที่ Windows Phone 8.1 (จากนี้จะขอเรียกย่อๆ ว่า WP 8.1 นะครับ) ทำคุณสมบัติออกมาทัดเทียมกับคนอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในการใช้งานจริงจึงสามารถตอบสนองการทำงานได้ดีและไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างไรในการใช้ในชีวิตประจำวัน
เรื่องของพื้นที่หน่วยความจำอาจจะเป็นปัญหาสักเล็กน้อย เพราะถึงแม้จะให้มาที่ 8 GB แต่เมื่อพอลงแอพ เริ่มถ่ายรูปบ้าง ผลที่เกิดขึ้นคือหน่วยความจำชักจะไม่พอ ซึ่งทางออกคือการใส่ Micro SD เพิ่มเข้าไปให้กับระบบ เพื่อที่จะทำงานได้ดีขึ้นครับ
สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่องของการโทร เพราะ Lumia 630 ไม่มี Proximity Sensor มาให้ในตัวตามข่าว สิ่งที่ผมสังเกตคือ หากผมโทรศัพท์ปกติโดยไม่ได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของหัวแนบเข้ากับหน้าจอ ผลที่ได้คือหน้าจอจะไม่ดับเลย แต่หากผมเลือกที่จะแนบโทรศัพท์ชิดกับหัวโดยมีส่วนใดส่วนหนึ่งไปแตะที่หน้าจอ ผลที่ได้คือหน้าจอจะดับเองโดยอัตโนมัติ (น่าจะใช้ capacitive field) ดังนั้นการไม่มี Proximity sensor จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับการโทร เพียงแต่ต้องยกขึ้นมาแนบชิดๆ เท่านั้น ซึ่งอาจสร้างความรำคาญเล็กน้อยสำหรับคนที่มีแก้มใหญ่หรือเยอะแบบผม
ส่วนแบตเตอรี่ผมไม่ได้ทดสอบอย่างจริงจัง แต่เท่าที่ใช้ก็ถือว่าผ่านอยู่ อาจจะอยู่ไม่ได้ทั้งวันก็ตาม แต่ในสภาพการใช้งานที่ไม่ได้หนักมาก ถือว่าแบตลดค่อนข้างช้า การจัดการพลังงานถือว่าทำได้โอเคระดับหนึ่ง
โดยภาพรวมถือว่าตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้ดีครับ ถือว่าสอบผ่าน
สิ่งที่อาจจะค่อนข้างเกินคาดสำหรับ Lumia 630 คือเรื่องของ "กล้อง" ที่ถือว่าให้ภาพค่อนข้างดีพอสมควรทั้งในที่มืด ที่สว่าง และกลางแจ้ง แม้ว่าจะไม่คมชัดเท่ากับระดับบน แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนือคาดมาก และแน่นอนว่าดีกว่า Lumia 620 รุ่นก่อนหน้าอยู่มากเลยทีเดียว
Lumia 630 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 720p ได้ 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งอาจจะดูด้อยไปบ้างเมื่อเทียบกับ Zenfone 4 ที่รองรับ Full HD ในการถ่ายวิดีโอครับ ผมเองไม่มีโอกาสลองถ่ายวิดีโอบนทั้งสองเครื่องเลยไม่รู้ว่าจะดีแค่ไหนนะครับ
ในแง่ของแอพกล้อง Nokia Camera ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องเลย สามารถทำงานปรับแต่งค่าได้หลากหลายมาก ซึ่งถือว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายพอสมควร เพราะฉะนั้นแล้วแม้กระทั่งในรุ่นเล็กอย่าง Lumia 630 เอง ก็สามารถปรับการตั้งค่าการถ่ายรูปได้อย่างสะดวกเลยทีเดียว
ภาพถ่ายในอาคารโดยรวมถือว่าค่อนข้างใช้ได้ ให้ภาพที่สมจริงกับบรรยากาศ
สิ่งหนึ่งที่ผมตกใจมากคือภาพถ่ายที่เป็นในลักษณะของ Spotlight ซึ่ง Lumia 630 ให้ภาพและสีสันที่สมจริง สวยงามอย่างมาก ดังเช่นภาพด้านล่างนี้
ส่วนภาพภายนอกนั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะของแสงเป็นหลัก ถ้ามีแสงเพียงพอและค่อนข้างจัด ภาพที่ได้จะออกมาชัดเจนพอสมควร อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มมืดในช่วงหัวค่ำ ภาพที่ได้เริ่มมีเบลอบ้างเป็นระยะ แต่ยังคงให้คุณภาพที่ดี
(ภาพถ่ายช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็น)
เมื่อตกถึงช่วงมืดสนิท ภาพถ่ายในตอนช่วงมืดสนิทนั้นแม้จะมี noise พอสมควร แต่ภาพด้านล่างที่ถ่ายในสวนเบญจสิริในช่วงใกล้ปิดสวน ซึ่งถือว่าค่อนข้างมืด กลับให้ภาพที่ดีจนผมทึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะให้ภาพที่สวยในตอนกลางวัน และภาพที่ดีพอสมควรในตอนกลางคืน แต่พอเริ่มเป็นแสงในตอนกลางคืน กลับยังมีอาการฟุ้งให้เห็นอยู่ และภาพก็ขาดความคมชัด
โดยภาพรวมต้องถือว่ากล้องที่มาพร้อมกับ Lumia 630 ดีเกินราคาค่าตัวอยู่พอสมควร และน่าจะตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ดี
โดยส่วนตัวแล้วต้องถือว่า Lumia 630 ทำออกมาค่อนข้างได้ดี สมกับราคา หน้าจอให้สีสันที่ดี กล้องซึ่งดีพอสมควร ทั้งหมดทั้งมวล ถือว่าสอบผ่านใช้ได้ดีทีเดียว
ปัญหาสำคัญของ Lumia 630 กลับไปตกอยู่ที่ WP 8.1 ซึ่งถึงแม้ว่าจะทำออกมาได้ตามทันระบบปฏิบัติการจากค่ายอื่นๆ แล้ว และตัวแอพหลักๆ ก็มากันแล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่ขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง (เช่น พอผมกด Wi-Fi ค้างไว้ น่าจะหมายถึงการเปิดปิดไปในตัว ไม่ใช่ต้องไปที่การตั้งค่าเพื่อเปิดใช้) ซึ่งผมเชื่อว่าในระยะยาว ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ นี้ ก็จะหมดไป ถ้า Microsoft ยังพัฒนา ตัว WP 8.1 ต่อไปเรื่อยๆ
อีกจุดหนึ่งที่เป็นปัญหาที่ผมคิดไม่ตกคือ ด้วยราคา 4,990 บาท ตัวของ Lumia 630 จะยืนอยู่ในตลาดได้อย่างไร? แม้อาจจะขายด้วยประสิทธิภาพและกล้องที่ดีกว่า แต่ในเมื่อที่เงินเป็นตัวตัดสิน สิ่งที่เกิดขึ้นคือมือถืออย่าง Zenfone 4 อาจจะตอบโจทย์ในแง่ของราคาได้ดีกว่า ถ้าเลือกจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อ Lumia 630 อาจจะต้องลังเลใจพอสมควร เพราะในตลาดเองก็มีของที่ประสิทธิภาพใกล้เคียงกันอยู่ไม่ใช่น้อย และในราคาที่ถูกกว่าพอตัว
ข้อดี
ข้อด้อย
ป.ล. ภาพทั้งหมดดูได้ที่นี่