เว็บไซต์ SlashGear มีโอกาสได้คุยกับตัวแทนของ LG ถึงแนวทางการออกแบบ LG G3 ที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้ ประเด็นที่น่าสนใจมีดังนี้ครับ เริ่มจากฮาร์ดแวร์ภายนอก
- LG หาแรงบันดาลใจมาจากสินค้าประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไอที เช่น เครื่องชงกาแฟ Nespresso, พัดลม Dyson หรือ ระบบการขับขี่อัตโนมัติของ Mercedes Benz รุ่นสูงๆ
- LG มองว่าหน้าจอขนาด 5.5" คือขนาดที่เหมาะสม (sweet spot) ของมือถือในปีนี้
- บริษัทเลือกใช้จอความละเอียดสูงถึง 538 ppi เพราะต้องการเทียบมันกับความละเอียดของนิตยสารจริงๆ ที่ละเอียดประมาณ 440 ppi (ถ้าเป็นหนังสือภาพจะละเอียด 540 ppi)
- รูปทรงของเครื่องที่เรียกว่า floating arc ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการถือบนฝ่ามือ ซึ่ง LG มีต้นแบบมากกว่า 100 ตัวที่รูปทรงแตกต่างกันไปเพื่อทดสอบกับลูกค้าในหลายๆ ประเทศว่า ทรงแบบไหนเหมาะที่สุด
- เรื่องวัสดุภายนอก บริษัทไม่ใช้โลหะด้วยเหตุผลเรื่องน้ำหนักและการชาร์จไฟไร้สาย จึงใช้วัสดุอื่นทำเลียนแบบโลหะที่ทนทานต่อรอยขูดขีดแทน
-
ระบบเสียงมีทั้งลำโพงกำลังขับ 1 วัตต์, Boost AMP, Adaptive Sound Maximizer เพื่อให้เสียงดังและมีคุณภาพสูง
กล้อง
-
ฟีเจอร์เด่นอย่างการใช้เลเซอร์เพื่อโฟกัส เป็นเทคโนโลยีที่นำมาจากหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นใช้เลเซอร์สแกนวัตถุรอบตัว LG เห็นว่านำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับกล้องได้ แต่ปรับให้เลเซอร์ที่ยิงออกมาเป็นใบพัดที่กว้างออกแทน บริษัทบอกว่าเลเซอร์นี้จะช่วยได้เยอะเวลาถ่ายในสภาพแสงน้อย และสามารถล็อคโฟกัสได้ในเวลาเพียง 276ms (ไม่ใช่เวลาทั้งหมดที่ใช้ถ่ายภาพ)
- มีฟีเจอร์ใช้แสงจากจอภาพช่วยส่องเวลาถ่ายด้วยกล้องหน้า แทนการใส่แฟลชมาเต็มตัวแบบ HTC One M8, มีฟีเจอร์ดักจับความเคลื่อนไหวของมือเพื่อให้ถ่ายภาพ selfie ได้ง่ายๆ แทนการตั้งเวลาถ่ายภาพ
ซอฟต์แวร์
- UI ปรับปรุงใหม่ให้เรียบง่าย กราฟิกดูแบน ฟอนต์คมชัดขึ้น และใช้ไอคอนแบบกลมที่ดูสม่ำเสมอทั่วทุกที่
- ฟีเจอร์การแจ้งเตือน Smart Notice พยายามทำตัวคล้าย Google Now คือแสดงข้อมูลที่ผู้ใช้อาจคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าต้องการข้อมูลนี้ เช่น เตือนให้โทรกลับเวลาพลาดสาย เตือนให้เพิ่มรายชื่อคนโทรเข้ามาบ่อยๆ ลงสมุดที่อยู่ แจ้งเตือนวันเกิด เตือนให้พกร่มถ้าฝนตก โดยใช้ข้อมูลบริบทหลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพิกัด เวลา เหตุการณ์
- คีย์บอร์ดแบบใหม่จะพยายามซ่อนตัวเองจากการแสดงผลให้มากที่สุด และใช้เทคนิคคล้ายคีย์บอร์ดของ Windows Phone คือจะแสดงปุ่มบนจอขนาดเท่าเดิมตลอด แต่จะขยายพื้นที่ของปุ่มที่ใช้บ่อยๆ ที่โปรแกรมมองเห็นให้กว้างขึ้น เพื่อลดโอกาสพิมพ์ผิดลง
- ฟีเจอร์เคาะหน้าจอเพื่อปลุก (Knock On) และเคาะหน้าจอตามจุดต่างๆ เพื่อปลดล็อค (Knock Code) ยังมีมาให้ใน G3 เช่นเดียวกับมือถือ LG รุ่นหลังๆ
สำหรับคนที่นึกภาพฟีเจอร์บางอย่างไม่ออก แนะนำให้ดูวิดีโฆษณาอีกรอบนะครับ
ที่มา - SlashGear