ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีเรามีข่าวของ LINE whoscall แอพช่วยเช็คเบอร์โทรศัพท์ว่าเบอร์ที่โทรมาหาเราเป็นใครมาจากไหน ขายประกันหรือเปล่า
แอพตัวนี้เดิมเป็นผลงานของบริษัท Gogolook จากไต้หวันที่ถูก LINE ซื้อกิจการเมื่อปลายปี 2013 และกลายร่างมาเป็นแอพ LINE whoscall นั่นเอง
ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณ Yuting Liu หนึ่งในทีมงานของ LINE whoscall ซึ่งเป็นคนไต้หวันที่เติบโตในประเทศไทย และตอนนี้ก็ดูแลกิจการของ LINE whoscall ในประเทศไทยด้วย
คุณ Yuting เล่าว่าปัจจุบัน LINE whoscall ยังถือเป็นทีมงานที่แยกการดำเนินงานจาก LINE บริษัทแม่เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ทีมงานส่วนใหญ่อยู่ที่ไต้หวัน แต่ตัวเขาเองอยากอยู่เมืองไทยเลยขออาสามาดูแลธุรกิจที่เมืองไทยเอง
เบื้องต้น ยุทธศาสตร์ในไทยของ LINE whoscall จะเน้นที่การขยายฐานผู้ใช้เป็นหลัก โดยพยายามให้คนใช้เยอะๆ จะได้มีฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นสแปมมากๆ (เพราะมีระบบ crowdsourcing เปิดให้ผู้ใช้ช่วยกันรายงานข้อมูลเบอร์ได้ด้วย) แต่ในระยะยาวก็จะมีโมเดลธุรกิจตามมา ซึ่งในไต้หวันก็เริ่มทำแล้ว
โมเดลธุรกิจของ LINE whoscall ในไต้หวันคือการช่วยยืนยันตัวตนของเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหาเราว่าเป็นตัวแทนขององค์กรนั้นๆ จริง เช่น พนักงานส่งของ หรือ ช่างต่างๆ ที่ต้องเดินทางมาหาลูกค้าที่บ้าน ก็จะช่วยให้อุ่นใจมากขึ้นว่าเป็นช่างตัวจริง
ในระยะยาวแล้ว ทีม LINE whoscall มองว่าคนเรายังไงก็ไม่เลิกใช้โทรศัพท์แบบดั้งเดิม ถึงแม้ว่าการสื่อสารระหว่างคนกับคน เราจะย้ายไปใช้ช่องทางอื่นๆ (เช่น VoIP หรือแอพแชทต่างๆ) กันเยอะแล้ว แต่ถ้าเราอยากสื่อสารกับบริษัทหรือห้างร้าน เราก็ยังต้องใช้โทรศัพท์แบบเดิมอยู่ดี ซึ่ง LINE whoscall หวังจะช่วยเสริมประสบการณ์ตรงนี้ให้กับทั้งสองฝ่าย และหาโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกัน เช่น การโทรศัพท์ไปจองที่นั่งในร้านอาหาร ลูกค้ามีความตั้งใจ (intent) ที่จะใช้บริการร้านอาหารร้านนี้ การโปรโมทสินค้าหรือบริการของร้านผ่านระบบของ LINE whoscall (เช่น ขายคูปองส่วนลด) ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าการขายคูปองส่วนลดผ่านช่องทางอื่นๆ
Ask Blognone ตอนนี้จึงอยากเชิญสมาชิก Blognone ทุกท่านมาถามคำถามคุณ Yuting ผ่านคอมเมนต์ได้เลย ทั้งในประเด็นเรื่องตัวแอพ LINE whoscall เอง หรือจะเป็นเรื่องธุรกิจไอที-สตาร์ตอัพในไต้หวันก็ได้เช่นกันครับ (ถามเป็นภาษาไทยได้เลยเพราะคุณ Yuting สื่อสารภาษาไทยได้ และมีทีมงานคนไทยช่วยตอบด้วย)