ดูเหมือนว่าปีนี้ทาง LG จะทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงของปีอย่าง G3 สามารถเรียกคำชื่นชมจากเสียงวิจารณ์ไปได้อีกครา หลังจากที่ปีที่แล้ว G2 ได้รับคำชื่นชมไปพอสมควร โดยในรีวิวนี้เป็นการสรุปจากรีวิวของเว็บข่าวต่างประเทศ กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจเปรียบเสมือนการพรีวิวคร่าวๆ เป็นตัวช่วยตัดสินใจว่าจะซื้อเรือธงตัวนี้จาก LG ดีหรือไม่นั่นเองครับ
รูปทรงตัวเครื่องคงไม่พ้นไปจาก G2 มากนัก จุดเด่น (และอาจเป็นจุดด้อย) ของตัวเครื่องของ G3 คงหนีไม่พ้นการใช้พลาสติกชุบโลหะ ทำให้ดีไซน์ที่ออกมาเหมือนพยายามหลอกว่าเป็นโลหะ ด้วยการสะท้อนแสงและประกายที่เหมือนอะลูมิเนียมไม่มีผิดเพี้ยน แต่สัมผัสและความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติก นอกจากนั้นจุดเด่นที่ทาง LG ชูมาพร้อมๆ กันด้วยคือ การกันรอยขีดข่วนและกันลายนิ้วมือ ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ โดยเฉพาะข้อหลัง ที่ต่อให้มือมันแค่ไหน ตำรวจก็คงไม่สามารถเก็บหลักฐานจากฝาหลังของ G3 นี้ไปได้
นอกจากนั้นการวางหน้าจอ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก สามารถใช้พื้นที่หน้าตัดด้านหน้าได้คุ้มค่า เพราะสามารถเพิ่มขนาดหน้าจอให้เป็น 5.5 นิ้ว โดยที่ขนาดของโทรศัพท์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าไม่มาก แต่ถึงกระนั้นก็อาจจะใหญ่ไปสำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นโทรศัพท์ขนาดใหญ่นัก
ถึงแม้ทาง LG จะเพิ่มความละเอียดหน้าจอเป็น 1440p QHD พร้อมความละเอียดพิกเซลถึง 538 ppi แต่เมื่อใช้งานจริงก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างจากหน้าจอ 1080p Full HD มากนัก ตรงกันข้าม กลับมีปัญหา fragmentation ทำให้บางแอพที่ไม่รองรับความละเอียดหน้าจอ ไม่สามารถใช้งานได้ รวมไปถึงไม่ปรากฎขึ้นมาให้โหลดบน Play Store ด้วยซ้ำ ต้องรอนักพัฒนาแก้ไขกันต่อไป
ขณะเดียวกันการแสดงผลสีค่อนข้างสด แต่ไม่แสบตาเกินไป และสามารถใช้งานขณะแสงแดดจ้าได้สบาย
จุดเด่นของ G3 เครื่องนี้คงไม่ใช่ตัวกล้องเพียงอย่างเดียว แต่คือเลเซอร์ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยในการโฟกัส โดยทาง LG เคลมว่าใช้เวลาโฟกัสเร็วกว่าเรากะพริบตา แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบว่าข้อดีตรงนี้กลับไม่ได้ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถ่ายภาพได้เร็วขึ้นเท่าใดนัก เพราะประสบการณ์การใช้งานกล้องรวมๆ คือนับตั้งแต่เวลาเปิดแอพ เวลาโฟกัสและเวลาประมวลผลภาพ ซึ่ง LG ทำออกมาได้ดี แต่ไม่ได้โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นมากนัก ข้อดีของเจ้าเลเซอร์นี้ดูเหมือนจะช่วยให้โฟกัสและเก็บรายละเอียดในที่ที่แสงน้อยมากกว่า
การถ่ายภาพ โดยภาพรวม G3 ทำออกมาถือว่าดีกว่าหลายๆ ตัว แต่ไม่ใช่ดีที่สุด (unequivocal champion) จุดเด่นอาจจะอยู่ที่การถ่ายในพื้นที่ที่แสงน้อย เพราะมี noise ต่ำและสีค่อนข้างสวย ในขณะที่กล้องหน้าไม่ได้มีความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ
นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์เด่นๆ ที่ช่วยในการถ่ายภาพอัตโนมัติด้วยการ
- gesture control กำมือหน้ากล้อง เพื่อสั่งถ่ายภาพ โดยเครื่องจะนับถอยหลังให้ 3 วินาที
- voice shutter option สั่งถ่ายภาพด้วยการส่งเสียง whiskey, smile, cheese, LG และ กิมจิ
ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่: The Verge, Android Central
มาคราวนี้ทาง LG ได้ปรับแต่งอินเตอร์เฟสของ G3 ตามเทรนด์แบบชาวบ้านเช่นกัน โดยอินเตอร์เฟสถูกปรับให้ดูเรียบง่ายและแบนราบมากขึ้น
ถึงแม้ตัวเลขจะอยู่ที่ 3000 มิลลิแอมป์ชั่วโมงเท่าเดิม แต่ทุกเจ้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แบตเตอรี่ของ G3 อึดมาก สามารถใช้งานได้เฉลี่ย 8-10 ชั่วโมง โดยทาง BGR ได้ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่ในสภาพเดียวกับการใช้งานจริง ปรากฎว่า G3 สามารถใช้งานได้นานที่สุดในกลุ่มเรือธงของปีนี้เลย
ถึงแม้จะเปิดตัวเรือธงตามหลังเจ้าอื่นอยู่ แต่ดูเหมือนทาง LG จะเตรียมตัวและทำการบ้านมาดีเช่นปีที่แล้ว และกระแสก็ดูท่าทางจะแรงกว่า G2 ด้วยซ้ำไป ดูได้จากยอดขายในบ้านเกิด ที่สามารถขายทะลุ 1 แสนเครื่อง ในเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ต้องรอดูว่าเมื่อ LG ประเทศไทยประกาศราคาขายแล้ว ยอดขายจะสามารถเบียดแซงสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นๆ ที่เปิดตัวและวางขายไปก่อนหน้าได้หรือไม่
ข้อดี
ข้อเสีย
ที่มา - The Verge, Engadget, Android Central, BGR