รีวิว Nokia X2: Too much, Too little, Too late

by nrad6949
17 July 2014 - 06:50

หลังจากที่แผนกอุปกรณ์ของไมโครซอฟท์ (ในเวลานั้นคือโนเกีย) เปิดตัว Nokia X/XL ไปเมื่อช่วงต้นปีและเรียกความสนใจได้มากพอสมควรจากสื่อมวลชน ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ไมโครซอฟท์ก็เปิดตัวภาคต่อของ Nokia X/XL ซึ่งเรียกว่า Nokia X2 (พร้อมๆ กับการยืนยันว่า Nokia X ชุดแรกจะไม่ได้รับอัพเกรดซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 2.0) โดยมาพร้อมกับการปรับปรุงในหลายจุดที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Nokia X ในรุ่นแรก

มาบัดนี้ Nokia X2 ก็เริ่มวางจำหน่ายในหลายประเทศแล้ว ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยเองด้วยที่จะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ Blognone เองได้เครื่องมารีวิวเหมือนคราวก่อนๆ เช่นเดิม สเปคหาอ่านจากข่าวเก่าได้ ถ้าพร้อมก็เข้าสู่รีวิวเลยครับ

คำเตือน ภาพเยอะมาก

แกะกล่องและภายนอกของเครื่อง

เช่นเคย กล่องของ Nokia X2 ออกแบบเหมือนกับกล่องของ Lumia 630/930 ทุกประการ ดังนั้นเวลาไปซื้อถ้ามองผ่านๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ อาจจะงงเล็กน้อยได้ครับ ควรต้องสังเกตดีๆ

แกะกล่องออกมาก็เหมือนกันมาก มีตัวเครื่อง หูฟัง ที่ชาร์จ และแบตเตอรี่ ให้มาในกล่องเรียบร้อย

หน้าตาของ Nokia X2 ยังคงลักษณะการออกแบบสานต่อจาก Nokia X/XL ทุกประการ เพียงแต่หยิบยืมการออกแบบของตระกูล Asha มาด้วย สำหรับฝาหลังที่มันเงาและโปร่งใสเป็นสีระดับหนึ่ง ถือว่าสวยเอาเรื่อง ส่วนสัมผัสดีมาก (ให้นึกถึงสัมผัสของ iPhone 5c เข้าไว้ครับ) นอกจากนั้นเรื่องของปุ่มเองก็เพิ่มปุ่ม Home มาให้ด้วย

ปุ่มด้านข้างต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม ในรุ่นนี้สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือการย้ายพอร์ต Micro USB ขึ้นมาอยู่ด้านบน จากเดิมที่เอาไว้ด้านล่างในรุ่นก่อน (รีวิวรุ่นก่อนหน้า)

ตัวเครื่องเมื่อแกะฝาหลังออกมา ซึ่งสำหรับสิ่งที่ชอบมากในรุ่นนี้คือฝาหลังที่แน่นและแข็งมาก (แข็งกว่า Lumia 630 อีก!) แต่อย่างไรก็ตาม ฝาหลังกลับมีจุดอ่อน (และจุดตายสำคัญ) คือช่องว่างระหว่างตัวกล้องกับแฟลชที่เล็กและบางมากๆ จนน่าเป็นห่วงว่าจะแตกง่าย (ซึ่งทันทีที่แกะออกมาเพื่อใส่กลับ ก็ได้รอยร้าวข้างในทันที แปลว่าเปราะบางมาก) และในงวดนี้ ช่องสำหรับ SIM 1 จะเป็นขนาดแบบ Micro SIM แต่ SIM 2 จะเป็นช่องขนาดแบบ Mini SIM (ซึ่งดีมาก เพราะใช่ว่าทุกคนจะมี Micro SIM)

สำหรับขนาดของตัวเครื่อง Nokia X2 ใหญ่กว่า X อยู่เล็กน้อย ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

หมดเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เราไปต่อกันที่เรื่องของซอฟต์แวร์เลยครับ

ซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ภายในของ Nokia X2 ก็คือ Nokia X Platform รุ่น 2.0 ซึ่งอิงอยู่บนฐานของ Android AOSP รุ่น Jelly Bean 4.3 แล้วเอามาปรับแต่ง UI และสไตล์ในการใช้งานให้คล้ายกับ Windows Phone ซึ่งในรุ่นนี้ผมต้องยอมรับว่าประสบการณ์ในการใช้งาน ค่อนไปทาง Windows Phone มาก และถือว่า “เข้าที่” แล้วสำหรับ Nokia X Platform เมื่อเทียบกับรุ่นแรก (ที่รู้สึกว่าเหมือนกับยังทำไม่เสร็จ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “half-baked”)

ส่วนที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในส่วนแรก คือรายชื่อแอพที่เหมือนกับ Windows Phone ไม่ใช่ลักษณะเดิมที่ติดตั้งแล้วไปกองรวมกันอยู่ในหน้าแรก เวลาจะใช้งานก็สามารถกดตัวอักษรแล้วไปยังหมวดอักษรของแต่ละแอพได้ (ทำไมตอนแรกไม่ทำ!)

นอกจากในส่วนการเรียงชื่อแอพแล้ว เมื่อกดปุ่ม Back ค้างไว้แล้ว จะสามารถปิดแอพที่กำลังรันอยู่ได้ ไม่ใช่ในลักษณะที่ไปไล่ปิดเฉพาะประวัติการใช้งานบน Fastlane รวมถึงเปลี่ยน Notification Center ให้เป็นแบบใหม่ที่มีลักษณะคล้าย Android มากยิ่งขึ้น คือเรียกการตั้งค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น (เช่นเคย ทำไมเพิ่งจะคิดมาทำ!)

นอกนั้นในส่วนซอฟต์แวร์ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมากมายทั้งในการลงแอพจาก Android ซึ่งสามารถลงได้จากทั้ง Store ของ Nokia X หรือ Store จากพันธมิตรอื่น ซึ่งในงวดนี้ประสบการณ์ก็เรียบร้อยขึ้น คือสามารถสั่งลงแอพได้ทั้งแบบเดิม (เปิด Store จากพันธมิตร) หรือสั่งลงแอพของ Store พันธมิตร ผ่าน Store หลักได้เลย

การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

ภาพรวม

โดยภาพรวมผมพบว่าประสบการณ์ของ Nokia X2 เมื่อเทียบกับ Nokia X แล้ว เหมือนอยู่กันคนละโลก เพราะซอฟต์แวร์ของ X2 นั้นพร้อมากกว่า อีกทั้งตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดีกว่า รวมถึงประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมาก ซอฟต์แวร์ลื่นไหล และตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ในแง่ของหน่วยความจำก็ยังคงน้อยเหมือนเดิม แม้จะใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ผมไม่ได้ทดสอบจริงจังเท่าใดนัก ดังนั้นก็คงตอบอะไรไม่ได้มากในจุดนี้ เพียงแต่ว่ารู้สึกได้ว่าแบตลดค่อนข้างช้า (ใช้งานไม่หนักนะครับ)

เรื่องอื่นๆ ก็เช่น เสียงของลำโพงที่ดังแต่ไร้มิติ (แบนเรียบๆ) และการ "สั่น" ของเครื่อง ไมว่าจะกดปุ่มของเครื่องหรือการโทรเข้า ถือว่าสั่นได้เบาๆ แบบนุ่มนวลมาก จนแทบไม่รู้สึกว่าเครื่องกำลังสั่นอยู่ (ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่นะครับ เพราะผมพลาดสายเรียกเข้าถึงสองสาย เพราะการสั่นที่เบานี่แหละครับ)

Glance Screen

สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการใช้งานจริง เพราะในส่วนซอฟต์แวร์มันไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไหร่ (AOSP ที่ดัดแปลง คงไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงมากนัก) คือเรื่องของ Glance Screen ที่ปรับปรุงมาได้เนียนกว่าเดิมมาก เรียกว่าแม้กระทั่งบน Windows Phone ก็คงสู้บน Nokia X2 ไม่ได้เลย ลองดูวิดีโอด้านล่างประกอบนะครับ

กล่าวคือ เมื่อสั่งล็อกหน้าจอ Glance Screen ตอนแรกก็จะเป็นหน้าจอแสดงเวลาตามปกติ พื้นหลังสีดำ จากนั้นก็จะค่อยๆ ลดแสงลง เหลือแต่แสดงเฉพาะเนื้อหาที่อยู่ในส่วนของหน่วยความจำหน้าจอ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่สำหรับ Nokia X2 กลับทำได้เนียนและต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบมาก ดีกว่า Windows Phone หรือ Nokia X/XL เดิมค่อนข้างมาก

กล้อง

ในรุ่นที่แล้ว (Nokia X) กล้องถือว่าทำได้สมราคา เพียงแต่ว่าด้วยราคาที่เท่าๆ กัน หรือแม้กระทั่งถูกกว่า (อย่าง Zenfone 4) กล้องกลับทำงานได้ดีกว่า (มี Auto focus มาให้ เป็นต้น) ดังนั้นในรอบนี้ ไมโครซอฟท์จึงเอา Nokia X2 ไปปรับปรุงเรื่องกล้อง ด้วยกล้องที่มี Auto focus และมีแฟลชให้ในตัว

เช่นเคย ซอฟต์แวร์กล้องก็ยังปรับแต่งได้ความสามารถที่เกินตัว มีหลายโหมดให้เลือก อย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพที่ออกมากลับ “มืด” และ “อมฟ้า” มากกว่าความเป็นจริง (ตอนถ่ายแสงจ้ามาก ก็ยังมืด) เมื่อพอเริ่มมืด ภาพที่ถ่ายออกมาก็มี noise รบกวนค่อนข้างมาก และไม่ชัดเจน เทียบแล้วกล้อง Zenfone 4 ยังให้ภาพที่ดีกว่านี้มาก

บทสรุป

ในภาพรวม ผมค่อนข้างประทับใจ Nokia X2 สำหรับมิติของการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ถามว่าตัวมันดึงดูดพอสำหรับคนที่คิดอยากจะได้หรือไม่ สำหรับคนทั่วไปมันอาจจะมีเสน่ห์อยู่บ้าง แต่ผมกลับคิดว่ามันจะไม่ได้ดึงดูดมากนัก อย่างน้อยที่สุดสำหรับผมที่มี Nokia X อยู่แล้ว การเปลี่ยนเป็น Nokia X2 อาจจะไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้น

สำหรับฝั่งซอฟต์แวร์ Nokia X2 ค่อนข้างเข้าที่แล้วเมื่อเทียบกับรุ่นแรก ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน แต่ถามว่าเรียกความตรึงตราตรึงใจหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ และผมกลับรู้สึกว่าเฉยๆ เสียด้วย เพราะในที่สุดแล้วผมก็จะต้องบอกว่า โดยเนื้อแท้ของ Nokia X Platform มันก็คือ Android AOSP ที่เอามาปรับแก้ไขเท่านั้น และใช้บริการของกูเกิลก็ไม่ได้ด้วย

สิ่งที่อาจจะผิดหวังที่สุดสำหรับรุ่นนี้คือเรื่องของกล้อง เพราะคู่แข่งทำได้ดีกว่ามาก (และในราคาที่ถูกกว่า) แต่ก็ต้องชมว่าในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น Glance Screen นั้น Nokia X2 ทำงานได้ดีกว่ามาก และทำให้ผู้ใช้อย่างผมรู้สึกประทับใจ

ด้วยราคาที่ 4,690 บาท (อ้างอิง) และใกล้จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ หากว่ากำลังเล็ง Nokia X/XL อยู่แล้ว ผมแนะนำให้รอตัวนี้วางจำหน่ายครับ เพราะซอฟต์แวร์ ความเสถียร และการใช้งาน ถือว่าค่อนข้างดีมาก อาจจะเรียกว่าเข้าที่แล้วสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ายังไม่มีแผน ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องซื้อ เพราะเอาเข้าจริงจุดแข็งอย่างเดียวของ Nokia X2 คือการที่อิงฐานระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แข็งแกร่งของ Android เท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากจะซื้อไว้ใช้ ผมอาจจะแนะนำ Lumia 630 (ซึ่งราคาก็ใกล้เคียงกัน) หรือไม่ก็ Zenfone 4 ที่มีราคาถูกกว่าไปเลย แต่ทำงานได้พอๆ กัน

ส่วนคนที่มี Nokia X อยู่แล้ว ผมเองไม่กล้าฟันธงลงไปตรงๆ ว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ แต่ถ้ามีโอกาสเปลี่ยน และยังอยากให้โอกาสกับ Nokia X Platform ผมเองก็คิดว่า X2 จะเป็นตัวเลือกที่ดีครับ

อย่างไรก็ตาม อนาคตเรื่องของซอฟต์แวร์ก็ไม่แน่นอนเสมอไป ตัวอย่างก็ปรากฏชัดในกรณีของ Nokia X/XL ที่ไม่ได้รับการอัพเกรดไป Nokia X Platform 2.0 ทั้งที่เครื่องมีอายุเพียง 3-4 เดือน นับจากวันที่ขายจริงเท่านั้น ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง อัพเดต ไมโครซอฟท์ได้ออกนโยบายเกี่ยวกับ Nokia X ว่าจะไม่ทำต่อเป็นที่แน่นอนแล้ว ซึ่งหมายความว่าอนาคตของ Nokia X2 ในด้านซอฟต์แวร์จึงไม่มีอย่างแน่นอน แม้จะอยู่ในระยะดูแล 18 เดือน (Maintenance mode) ก็ตาม (อ้างอิง: 1, 2)

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเวลาของ Nokia X2 ที่ออกมาได้ถือว่าค่อนข้างช้า จนน่ากังวลว่าในตลาดมือถือราคาถูก ยังมีที่ยืนเพียงพอสำหรับ Nokia X2 หรือเปล่า? กล่าวให้ถึงที่สุด การมาของ Nokia X2 เป็นการมาที่ “Too much, too little, too late” ไปหรือไม่นั่นเอง

ข้อดี

  • ระบบนิเวศแวดล้อม (ecosystem) ของระบบแข็งแกร่งกว่า Windows Phone อย่างมาก
  • ตัวเครื่องและวัสดุออกแบบมาได้ดี คุณภาพงานประกอบแน่นและเรียบร้อย
  • ซอฟต์แวร์ที่เข้าที่แล้ว
  • Glance screen ที่ดีมาก

ข้อด้อย

  • กล้องที่ยังทำงานได้ไม่ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมค่าย และคู่แข่งต่างค่าย รวมถึงเมื่อเทียบในมิติด้านราคาด้วยเช่นกัน (คู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า ทำงานได้ดีกว่า)
  • ไม่มีความแน่นอนในเรื่องของอนาคตในการได้รับอัพเดต/อัพเกรด เมื่อพิจารณาจากประวัติเดิม ไม่ได้รับการอัพเดตซอฟต์แวร์ต่อแน่นอนหลังจาก 18 เดือน ด้วยนโยบายของไมโครซอฟท์ (อ้างอิง)
  • เสียงของลำโพงหลักที่ดัง แต่แบนไร้มิติ
  • ระบบสั่นของเครื่องสั่นไม่แรง ค่อนข้างเบาถึงเบามาก

ป.ล. ภาพทั้งหมดดูได้จากที่นี่ครับ

Blognone Jobs Premium