รีวิว Galaxy Mega 2 (SM-G750F) ภาคต่อของมือถือจอยักษ์จากซัมซุง

by mk
29 August 2014 - 09:34

ปีที่แล้ว ซัมซุงออกมือถือจอยักษ์ Galaxy Mega ออกมาสองรุ่นคือ 5.8" และ 6.3" ซึ่งก็ประสบความสำเร็จดีพอสมควรในบ้านเรา ปีนี้ซัมซุงนำ Galaxy Mega กลับมาอีกครั้งในชื่อว่า Galaxy Mega 2 แต่มีขนาดหน้าจอเดียวคือ 6" (ขนาดกึ่งกลางระหว่างสองรุ่นแรก)

ซัมซุงยังไม่ประกาศข่าว Galaxy Mega 2 อย่างเป็นทางการ (เพิ่งมีข่าวหลุดเมื่อเร็วๆ นี้) แต่ตัวแทนของซัมซุงประเทศไทยก็ส่งเครื่องมาให้ผมทดสอบแล้ว โดยบอกว่าตั้งราคาขายในไทยที่ 14,500 บาทครับ คงจะเริ่มขายในไทยเร็วๆ นี้

สเปก

Galaxy Mega 2 (SM-G750F) วางตัวเป็นมือถือจอใหญ่เบิ้ม แต่สเปกระดับกลาง โดยรวมแล้วสเปกพัฒนาขึ้นจาก Mega รุ่นแรก

  • หน้าจอ 6" TFT 1280x720 (ดีกว่า Galaxy Mega 5.8" แต่เท่ากับ 6.3")
  • หน่วยประมวลผล Exynos 4415 ควอดคอร์ 1.5GHz, จีพียู Mali-400 MP
  • แรม 1.5GB, ความจุรุ่นที่ได้มาคือ 16GB (บางเว็บลงสเปกเป็น 8GB เข้าใจว่ามีสองรุ่น)
  • กล้อง 8MP/2.1MP
  • แบตเตอรี่ 2,800 mAh
  • Android 4.4.4 พร้อม TouchWiz รุ่นล่าสุด

หน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอก

เมื่อได้เครื่องมาตอนแรกสุดก็ตกใจ เพราะหน้าตามันเหมือน Note 3 มากชนิดว่ามองไกลๆ แยกไม่ออก ทั้งรูปทรงด้านหน้าที่ดูเหลี่ยมกว่า Galaxy S5 และฝาหลังที่ทำเลียนแบบหนังลักษณะเดียวกัน

พอลองมาวางเทียบกันแล้วพบว่า Mega 2 (ขวา) ใหญ่กว่า Note 3 (ซ้าย) นิดหน่อยครับ อันนี้คนชอบมือถือใหญ่ๆ คงใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ผมใช้ Note 3 เป็นเครื่องส่วนตัวอยู่ก่อน พอลองมาใช้ Mega 2 ก็พบว่าไม่รู้สึกแปลกแยกเกินไปนัก การใส่ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่รู้สึกแตกต่าง

ฝาหลังของ Note 3 กับ Mega 2 คล้ายกันมาก แต่เมื่อได้มาจับเทียบกันละเอียดๆ พบว่าฝาหลังของ Mega 2 แข็งกว่า Note 3 และให้ความรู้สึกเป็นพลาสติกมากกว่า แถมลำโพงของตัวเครื่องยังอยู่ด้านหลัง (Note 3 อยู่ขอบล่าง) จึงอาจมีปัญหาเรื่องเสียงเบาเวลาเล่นไฟล์มัลติมีเดียแล้ววางราบกับพื้นอยู่บ้าง

ซัมซุงยังมีลูกเล่นให้ฝาหลังของ Mega 2 เล็กน้อย โดยใส่เส้นที่ดูเหมือนตะเข็บหนังไว้ที่ขอบซ้าย-ขวา ลูกเล่นแบบนี้คล้ายกับฝาหลังของ Note 3 แต่ของ Note 3 มีตะเข็บทั้งสี่ด้าน และดูละเอียดกว่า Mega 2 พอตัว

แกะฝาหลังออกมาก็เป็นโครงสร้างตามมาตรฐานมือถือซัมซุงครับ มีช่องเสียบแบต ซิม และ microSD (สังเกตว่าลำโพงอยู่ใต้แบต)

ขอบข้างของตัวเครื่องเป็นพลาสติกชุบทำเป็นลายโลหะเหมือนกัน เพียงแต่ของ Note 3 ทำเป็นเส้นเหมือนสมุดโน้ต แต่ Mega 2 เป็นขอบเรียบๆ

ประเด็นเรื่องการวางพอร์ตไม่มีอะไรต่างไปจากมือถือซัมซุงทั่วไป คือ ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ฝั่งซ้าย ปุ่มเปิดหน้าจออยู่ฝั่งขวา ช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน และพอร์ต micro USB อยู่ด้านล่าง

อย่างไรก็ตาม Mega 2 ยังใช้พอร์ต micro USB แบบช่องเดียวมาตรฐานอยู่ ในขณะที่มือถือตัวท็อปของซัมซุงทั้ง Note 3 และ S5 หันไปใช้พอร์ต micro USB 3.0 ที่มีช่องเสียบสองขากันแล้ว

จากการใช้งานพบว่าหน้าจอค่อนข้างสว่าง เพียงแต่มันเป็นจอ TFT ทำให้สีอาจไม่สด และสีดำดูไม่ดำสนิทเท่ากับจอ Super AMOLED ของมือถือรุ่นท็อป ในภาพรวมแล้วพบว่าจอของ Mega 2 ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปครบถ้วน ความละเอียด 720p ก็ถือว่าละเอียดพอสำหรับมือถือระดับนี้

ซอฟต์แวร์

Galaxy Mega 2 ใช้แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ตัวเดียวกับ Galaxy S5 (ตามอย่างมือถือซัมซุงปี 2014) โดยอยู่บน Android 4.4.4 ตัวใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน และใช้ TouchWiz รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Vibrant UX ออกแบบใช้โทนสีเรียบๆ ไอคอนแนว flat (อ่านรายละเอียดใน รีวิว Galaxy S5 ประกอบ)

แอพมาตรฐานของ Galaxy Mega 2 ใกล้เคียงกับ S5 ครับ คือมีแอพติดมาด้วยไม่เยอะ ดาวน์โหลดเพิ่มกันเองจาก Samsung Apps

หน้าโฮมก็ใช้ภาพพื้นหลังแบบเดียวกับ S5 เลย การวางไอคอนเหมือนกันทั้งหมด นอกจากนี้มันยังใช้การเรียงปุ่มจริงแบบเดียวกับ S5 คือปุ่มซ้ายเปลี่ยนจากปุ่มเมนูเป็น Recent Apps ตามสมัยนิยม เมื่อกดครั้งแรก บนหน้าจอก็จะเตือนเราว่าปุ่มนี้เปลี่ยนแปลงแล้ว กรุณารับทราบด้วย

หน้าจอตั้งค่า (Settings) ใช้ระบบไอคอนแบบเดียวกับ Galaxy S5 (ที่ผมไม่ค่อยชอบเพราะมันยาวมาก) ข้อมูลของระบบก็ดูตามภาพด้านขวามือ

กล้อง

ผมทดสอบเฉพาะกล้องหลัง ก็พบว่าใช้งานได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังไม่ดีถึงระดับเดียวกับภาพจากกล้องมือถือตัวท็อปของซัมซุงครับ

เทียบภาพช็อตเดียวกัน ระหว่างกล้อง Mega 2 (ซ้าย) กับกล้อง Note 3 (ขวา) คลิกเพื่อดูภาพใหญ่ได้

ภาพอื่นๆ จากกล้องของ Mega 2 ในหลายสภาพแสง

ประสิทธิภาพ

ผมลองวัดประสิทธิภาพด้วย Antutu ออกมาได้ประมาณ 24,000 กว่าคะแนน (รันทดสอบสามครั้งก็ได้ราวๆ นี้) ระดับใกล้เคียงกับ Xiaomi MI 2 หรือ Lenovo K900

ส่วนแบตเตอรี่ต้องบอกว่าค่อนข้างอึดครับ (ไม่ได้ทดสอบจริงจัง) แบตให้มาขนาดค่อนข้างใหญ่ 2,800 mAh น่าจะตอบโจทย์เรื่องการใช้งานของคนทั่วไป (เช้าถึงเย็น ชาร์จตอนกลางคืน) อยู่แล้ว

Mega 2 มีโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด (Ultra Saving Mode) แบบเดียวกับ Galaxy S5 เพียงแต่ไม่สามารถปรับหน้าจอเป็นสีขาวดำได้เพราะเป็นจอ TFT แต่ส่วนอื่นๆ คือการจำกัดแอพหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำได้เหมือนกันทุกประการ จากข้อมูลที่เครื่องบอกคือแบตเหลือ 91% ใช้งานได้นาน 12 วันครับ

สรุป

Galaxy Mega 2 ยังคงแนวคิดเดิมคือเป็นมือถือ "จอใหญ่" ที่มีสเปกปานกลาง แต่พัฒนาขึ้นทั้งเรื่องดีไซน์ สเปก และซอฟต์แวร์ ให้อยู่บนแพลตฟอร์มของมือถือซัมซุงปี 2014

ถ้าให้ประเมิน Mega 2 ก็ต้องบอกว่ามันตอบโจทย์เรื่องมือถือจอใหญ่ สเปกโอเค กล้องโอเค แบตอยู่ได้นาน จุดเด่นของมันเหนือมือถือระดับกลางรุ่นอื่นในท้องตลาดคือเรื่องหน้าจอ ดังนั้นถ้า

  • จุดประสงค์ของการซื้อหามาใช้งานคือจอใหญ่เป็นหลัก Mega 2 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้
  • แต่ถ้าจอใหญ่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก มือถือระดับกลางๆ ในตลาดยังมีตัวเลือกอีกมากที่ต้องเอามาเทียบชั้นกันตรงๆ อีกทีหนึ่งครับ
Blognone Jobs Premium