ปีที่แล้ว ซัมซุงออกมือถือจอยักษ์ Galaxy Mega ออกมาสองรุ่นคือ 5.8" และ 6.3" ซึ่งก็ประสบความสำเร็จดีพอสมควรในบ้านเรา ปีนี้ซัมซุงนำ Galaxy Mega กลับมาอีกครั้งในชื่อว่า Galaxy Mega 2 แต่มีขนาดหน้าจอเดียวคือ 6" (ขนาดกึ่งกลางระหว่างสองรุ่นแรก)
ซัมซุงยังไม่ประกาศข่าว Galaxy Mega 2 อย่างเป็นทางการ (เพิ่งมีข่าวหลุดเมื่อเร็วๆ นี้) แต่ตัวแทนของซัมซุงประเทศไทยก็ส่งเครื่องมาให้ผมทดสอบแล้ว โดยบอกว่าตั้งราคาขายในไทยที่ 14,500 บาทครับ คงจะเริ่มขายในไทยเร็วๆ นี้
Galaxy Mega 2 (SM-G750F) วางตัวเป็นมือถือจอใหญ่เบิ้ม แต่สเปกระดับกลาง โดยรวมแล้วสเปกพัฒนาขึ้นจาก Mega รุ่นแรก
เมื่อได้เครื่องมาตอนแรกสุดก็ตกใจ เพราะหน้าตามันเหมือน Note 3 มากชนิดว่ามองไกลๆ แยกไม่ออก ทั้งรูปทรงด้านหน้าที่ดูเหลี่ยมกว่า Galaxy S5 และฝาหลังที่ทำเลียนแบบหนังลักษณะเดียวกัน
พอลองมาวางเทียบกันแล้วพบว่า Mega 2 (ขวา) ใหญ่กว่า Note 3 (ซ้าย) นิดหน่อยครับ อันนี้คนชอบมือถือใหญ่ๆ คงใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ผมใช้ Note 3 เป็นเครื่องส่วนตัวอยู่ก่อน พอลองมาใช้ Mega 2 ก็พบว่าไม่รู้สึกแปลกแยกเกินไปนัก การใส่ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่รู้สึกแตกต่าง
ฝาหลังของ Note 3 กับ Mega 2 คล้ายกันมาก แต่เมื่อได้มาจับเทียบกันละเอียดๆ พบว่าฝาหลังของ Mega 2 แข็งกว่า Note 3 และให้ความรู้สึกเป็นพลาสติกมากกว่า แถมลำโพงของตัวเครื่องยังอยู่ด้านหลัง (Note 3 อยู่ขอบล่าง) จึงอาจมีปัญหาเรื่องเสียงเบาเวลาเล่นไฟล์มัลติมีเดียแล้ววางราบกับพื้นอยู่บ้าง
ซัมซุงยังมีลูกเล่นให้ฝาหลังของ Mega 2 เล็กน้อย โดยใส่เส้นที่ดูเหมือนตะเข็บหนังไว้ที่ขอบซ้าย-ขวา ลูกเล่นแบบนี้คล้ายกับฝาหลังของ Note 3 แต่ของ Note 3 มีตะเข็บทั้งสี่ด้าน และดูละเอียดกว่า Mega 2 พอตัว
แกะฝาหลังออกมาก็เป็นโครงสร้างตามมาตรฐานมือถือซัมซุงครับ มีช่องเสียบแบต ซิม และ microSD (สังเกตว่าลำโพงอยู่ใต้แบต)
ขอบข้างของตัวเครื่องเป็นพลาสติกชุบทำเป็นลายโลหะเหมือนกัน เพียงแต่ของ Note 3 ทำเป็นเส้นเหมือนสมุดโน้ต แต่ Mega 2 เป็นขอบเรียบๆ
ประเด็นเรื่องการวางพอร์ตไม่มีอะไรต่างไปจากมือถือซัมซุงทั่วไป คือ ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ฝั่งซ้าย ปุ่มเปิดหน้าจออยู่ฝั่งขวา ช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน และพอร์ต micro USB อยู่ด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม Mega 2 ยังใช้พอร์ต micro USB แบบช่องเดียวมาตรฐานอยู่ ในขณะที่มือถือตัวท็อปของซัมซุงทั้ง Note 3 และ S5 หันไปใช้พอร์ต micro USB 3.0 ที่มีช่องเสียบสองขากันแล้ว
จากการใช้งานพบว่าหน้าจอค่อนข้างสว่าง เพียงแต่มันเป็นจอ TFT ทำให้สีอาจไม่สด และสีดำดูไม่ดำสนิทเท่ากับจอ Super AMOLED ของมือถือรุ่นท็อป ในภาพรวมแล้วพบว่าจอของ Mega 2 ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปครบถ้วน ความละเอียด 720p ก็ถือว่าละเอียดพอสำหรับมือถือระดับนี้
Galaxy Mega 2 ใช้แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ตัวเดียวกับ Galaxy S5 (ตามอย่างมือถือซัมซุงปี 2014) โดยอยู่บน Android 4.4.4 ตัวใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน และใช้ TouchWiz รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Vibrant UX ออกแบบใช้โทนสีเรียบๆ ไอคอนแนว flat (อ่านรายละเอียดใน รีวิว Galaxy S5 ประกอบ)
แอพมาตรฐานของ Galaxy Mega 2 ใกล้เคียงกับ S5 ครับ คือมีแอพติดมาด้วยไม่เยอะ ดาวน์โหลดเพิ่มกันเองจาก Samsung Apps
หน้าโฮมก็ใช้ภาพพื้นหลังแบบเดียวกับ S5 เลย การวางไอคอนเหมือนกันทั้งหมด นอกจากนี้มันยังใช้การเรียงปุ่มจริงแบบเดียวกับ S5 คือปุ่มซ้ายเปลี่ยนจากปุ่มเมนูเป็น Recent Apps ตามสมัยนิยม เมื่อกดครั้งแรก บนหน้าจอก็จะเตือนเราว่าปุ่มนี้เปลี่ยนแปลงแล้ว กรุณารับทราบด้วย
หน้าจอตั้งค่า (Settings) ใช้ระบบไอคอนแบบเดียวกับ Galaxy S5 (ที่ผมไม่ค่อยชอบเพราะมันยาวมาก) ข้อมูลของระบบก็ดูตามภาพด้านขวามือ
ผมทดสอบเฉพาะกล้องหลัง ก็พบว่าใช้งานได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังไม่ดีถึงระดับเดียวกับภาพจากกล้องมือถือตัวท็อปของซัมซุงครับ
เทียบภาพช็อตเดียวกัน ระหว่างกล้อง Mega 2 (ซ้าย) กับกล้อง Note 3 (ขวา) คลิกเพื่อดูภาพใหญ่ได้
ภาพอื่นๆ จากกล้องของ Mega 2 ในหลายสภาพแสง
ผมลองวัดประสิทธิภาพด้วย Antutu ออกมาได้ประมาณ 24,000 กว่าคะแนน (รันทดสอบสามครั้งก็ได้ราวๆ นี้) ระดับใกล้เคียงกับ Xiaomi MI 2 หรือ Lenovo K900
ส่วนแบตเตอรี่ต้องบอกว่าค่อนข้างอึดครับ (ไม่ได้ทดสอบจริงจัง) แบตให้มาขนาดค่อนข้างใหญ่ 2,800 mAh น่าจะตอบโจทย์เรื่องการใช้งานของคนทั่วไป (เช้าถึงเย็น ชาร์จตอนกลางคืน) อยู่แล้ว
Mega 2 มีโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด (Ultra Saving Mode) แบบเดียวกับ Galaxy S5 เพียงแต่ไม่สามารถปรับหน้าจอเป็นสีขาวดำได้เพราะเป็นจอ TFT แต่ส่วนอื่นๆ คือการจำกัดแอพหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำได้เหมือนกันทุกประการ จากข้อมูลที่เครื่องบอกคือแบตเหลือ 91% ใช้งานได้นาน 12 วันครับ
Galaxy Mega 2 ยังคงแนวคิดเดิมคือเป็นมือถือ "จอใหญ่" ที่มีสเปกปานกลาง แต่พัฒนาขึ้นทั้งเรื่องดีไซน์ สเปก และซอฟต์แวร์ ให้อยู่บนแพลตฟอร์มของมือถือซัมซุงปี 2014
ถ้าให้ประเมิน Mega 2 ก็ต้องบอกว่ามันตอบโจทย์เรื่องมือถือจอใหญ่ สเปกโอเค กล้องโอเค แบตอยู่ได้นาน จุดเด่นของมันเหนือมือถือระดับกลางรุ่นอื่นในท้องตลาดคือเรื่องหน้าจอ ดังนั้นถ้า