รายงาน FOWA 2007 วันที่สอง

by mk
10 October 2007 - 21:28

รายงาน FOWA วันที่สอง (วันแรก) ไม่ต้องพูดอะไรกันมากแล้ว กดเข้าไปอ่านกันได้เลย

แถวศูนย์ประชุมเป็นท่าเรือเก่า เรียกว่า Dockland ยังเห็นซากอารยธรรมอยู่บ้าง

วันที่สองตอนเช้าค่อนข้างหงอยเหงา คนเหลือแค่ 1 ใน 3 ซึ่งเหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเมากันหมดนั่นเอง (เผอิญเราบ้านไกลต้องรีบกลับเดี๋ยวรถไฟหมด) คนดูทยอยมากันตอนสายๆ พอใกล้เที่ยงก็เต็มเหมือนเดิม

The Future of Web Startups

โดย Paul Graham จาก Y Combinator

session นี้ว่าด้วยเรื่องของ startup หรือบริษัทเว็บหน้าใหม่ โดยพูดถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมในภาพรวม รูปข้างบนนี่หน้าตาคนพูด ชื่อว่า Paul Graham เป็นนักลงทุนพวก Venture Capital (ต่อจะไปย่อ VC) ประวัติก็ดูเอาเองตามลิงก์

Paul Graham ตั้งข้อสังเกต 10 ข้อเกี่ยวกับ startup ครับ

ข้อ 1 คือมี startup จำนวนมาก เพราะลงทุนต่ำ อันนี้สั้นๆ

ข้อ 2 พอมีเยอะแล้วก็จะมั่ว ดังนั้นต้องมีการจัดระเบียบ (standardization) โดยมากเป็นระเบียบปฏิบัติด้านการขอทุนจาก VC แต่ Paul ก็บอกว่าอนาคตเราคงเห็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการ startup มากขึ้น

ข้อ 3 เกิดความคาดหวังแนวใหม่สำหรับการซื้อกิจการ เนื่องจากว่าการเข้าซื้อกิจการเว็บของยักษ์ใหญ่ในช่วงหลัง จึงเกิดธรรมเนียมว่าถ้าเจอบริษัทน่าสนใจก็ควรรีบซื้อไว้กันคู่แข่งชิงซื้อตัเหน้า ทั้งๆ ที่ตัวบริษัทเองนั้นก็มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันได้ Paul ยกตัวอย่างว่าพนักงานของ Google นั้นเรียกว่าแทบพัฒนาอะไรก็ได้ แต่กูเกิลมองว่าเป็นการลงทุน และนั่นเป็นโอกาสของเรา

ข้อ 4 เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และจะมากกว่าฟองสบู่ดอตคอมตอนปี 1999 อย่างไรก็ตาม high risk, high return สำหรับบรรดานักลงทุน (พวกเจ้าของกิจการจะระมัดระวังมากกว่านักลงทุน เพราะนั่นคือทั้งหมดที่มี)

ข้อ 5 เจ้าของกิจการไม่ต้องเสนอแผนธุรกิจให้ VC ตั้งแต่แรกอีกแล้ว แต่กลายเป็นขอยืมเงินตั้งต้นจากญาติพี่น้องมาเริ่มธุรกิจได้เลย พอมียอดคนดูก็เอาอันดับใน Alexa เดินเข้าไปหานักลงทุน

ข้อ 6 ในเมื่อเทคโนโลยีเอื้อให้ทำงานที่ไหนก็ได้ คำถามจึงเกิดขึ้นว่า Silicon Valley ยังจำเป็นหรือไม่ คำตอบก็คือทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ถึงแม้การทำงานจะทำที่ไหนก็ได้ แต่ก็ควรมีสถานที่กลางไว้เป็น startup hub อยู่

คำแนะนำของ Graham คือช่วงแรกให้เริ่มกิจการจากที่ไหนก็ได้ จากนั้นถ้าทำขึ้น ช่วงที่ยังมีคนไม่มากแค่ 2-3 คน ถือว่ามีความคล่องตัว (mobility) ในการย้ายงานสูง ให้ย้ายเข้าไป Silicon Valley เพื่อหวังความรู้ในการดำเนินธุรกิจและใกล้แหล่งทุน

ในมุมกลับกัน ฝั่งนักลงทุนเองก็มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายเงินทุนมากขึ้นด้วย ทำให้ธุรกิจ VC ยกระดับจากธุรกิจท้องถิ่น (เฉพาะ Silicon Valley หรือบางเมืองในสหรัฐ) มาเป็นธุรกิจระดับชาติหรือข้ามชาติมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของนักลงทุนก็คือยุโรป จีน และอินเดีย

ข้อ 7 VC ต้องพัฒนากระบวนการคัดเลือก startup เพราะมีตัวเลือกมากขึ้น ปัจจุบันไม่มีขั้นตอนแน่ชัด แล้วแต่ว่า VC จะไปหากฎเกณฑ์มาตัดสินใจกันเอง ในอนาคตอาจจะมีตำแหน่ง Chief Acquisition Officer ทำหน้าที่เลือกบริษัทและทำดีลทั้งหมด

อนาคตบทบาทของ CIO จะเปลี่ยนไป กลายเป็นมองหาเทคโนโลยีจากข้างนอกเข้ามาในบริษัท ส่วนหน้าที่ด้านไอทีภายในจะไปอยู่กับ VP ฝ่ายเทคนิคแทน

ข้อ 8 อนาคตคนจะเลิกเรียนมหาวิทยาลัย (drop out) กันมากขึ้น เพราะการเปิด startup นั้นไม่ขึ้นกับปริญญา (แถมแอบเชียร์ให้คนในห้องสัมมนา drop out กันให้หมด)

ข้อ 9 ถึงคู่แข่งจะมาก แต่ไม่ได้แปลว่าโอกาสจะน้อยลง เพราะ startup ที่สำเร็จมีได้ไม่จำกัด แต่ตำแหน่งพนักงานกินเงินเดือนมีจำกัด (คมมาก)

ข้อ 10 เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเร็ว เพราะการที่คนมีไอเดียได้ลองลงมือทำจริง ก็จะทำให้รู้ว่าอะไรใช้ได้ใช้ไม่ได้

ปิดท้าย Paul Graham บอกว่าปัญหาของบริษัทใหญ่ที่ควรแก้คือฝ่ายการตลาดมักจะเป็นห่วงภาพลักษณ์บริษัท และคอยสกรีนผลิตภัณฑ์ที่จะออกสู่ตลาด บริษัทอาจพัฒนาผลิตภัณฑ์สัก 10 อย่างแต่มีแค่อย่างเดียวได้ออกจำหน่ายจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นออกมาเยอะๆ ก็จะดีไม่น้อย ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์มากเพราะว่าสุดท้ายคนจะจำแต่สิ่งที่สำเร็จได้อยู่ดี สู้ออกมาเยอะๆ เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จดีกว่า

Blognone Jobs Premium