ศาลอุทธรณ์ในสหรัฐฯ ระบุผู้ปกครองต้องมีส่วนรับผิดชอบการโพสต์ Facebook ของบุตรหลาน

by ตะโร่งโต้ง
17 October 2014 - 06:22

ศาลอุทธรณ์ของรัฐ Georgia ในสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณาตัดสินคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอินเทอร์เน็ตที่มีเด็กชายคนหนึ่งได้ปลอมแปลงข้อมูลสร้างหน้า Facebook และสวมรอยเป็นเด็กที่ร่วมชั้นเรียนของเขา เพื่อทำการกลั่นแกล้งคนที่ถูกสวมรอยนั้น โดยศาลระบุว่าผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว

การกระทำผิดข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเด็กนักเรียนชายเกรด 7 คนหนึ่ง (เทียบเท่านักเรียน ม. 1 ในบ้านเรา) ได้สวมรอยเป็นเด็กหญิงที่เป็นนักเรียนร่วมชั้นเรียนเดียวกันโดยนำรูปของผู้เสียหายมาตกแต่งด้วยแอพเพื่อให้เด็กสาวดูอ้วนน่าเกลียด และใช้ตัวตนปลอมๆ ที่เขาสวมรอยนั้นโพสต์ข้อความหยาบคาย ทั้งข้อความเชิงเหยียดผิว รวมทั้งข้อความลามก ซึ่งทั้งหมดนั้นทำไปเพื่อให้เด็กหญิงร่วมชั้นเรียนกลายเป็นที่รังเกียจของผู้อื่น

เมื่อเด็กหญิงผู้เสียหายรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอได้บอกพ่อแม่ของเธอผู้ซึ่งเร่งติดต่อทางโรงเรียนของเด็กทั้งสองในทันที โดยทางโรงเรียนก็ได้ลงโทษสั่งพักการเรียนเด็กชายผู้ก่อเรื่องเป็นเวลา 2 วัน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองของเด็กชายนั้นได้ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนทางด้านพ่อแม่ของเด็กชายคนดังกล่าวก็ได้ลงโทษบุตรของตนเองด้วยการกักบริเวณเขาเป็นเวลา 1 สัปดาห์

แต่ทว่าภายหลังจากที่เกิดเรื่องราวทั้งหมดผ่านไปนาน 11 เดือน หน้า Facebook ที่เป็นประเด็นก็ยังคงอยู่ในระบบโดยไม่มีการลบหรือแถลงขอโทษผู้เสียหายแต่อย่างใด ร้อนถึงผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหายต้องแจ้งเรื่องไปที่ Facebook โดยตรงเพื่อระงับบัญชีผู้ใช้ปลอมนั้นเสีย

ทางฝั่งผู้เสียหายได้แจ้งว่าการที่ข้อความอันสร้างความเสื่อมเสียยังคงอยู่ในระบบของ Facebook นานถึง 11 เดือนนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองของผู้กระทำผิดมิได้ใส่ใจอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาที่บุตรชายได้ก่อไว้ ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กหญิงผู้เสียหายยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากับผู้ปกครองของเด็กผู้ก่อเหตุเลยโดยตรง เนื่องจากทางโรงเรียนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพื่อระบุตัวตนของเด็กผู้กระทำผิดโดยอ้างเหตุผลเนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป

แม้ทนายตัวแทนฝั่งผู้กระทำผิดจะแย้งว่าผู้ปกครองไม่อาจควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของบุตรหลานได้ตลอดเวลา แต่ศาลมีความเห็นว่าในกรณีนี้ผู้ปกครองของเด็กชายไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการกระทำของบุตรได้ เนื่องจากหลังทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วกลับปล่อยปละละเลยให้หน้า Facebook เจ้าปัญหายังคงอยู่ดังเดิม ซึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยให้ความเสียหายต่อเด็กหญิงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ลดหายไปไหน

ผลจากความเห็นที่ศาลระบุมาข้างต้น ทนายฝั่งเด็กชายยังยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้เรื่องนี้ต่อในศาลฎีกา โดยมีความเชื่อมั่นจากการค้นคว้าของเขาที่พบว่ายังไม่เคยมีผู้ปกครองเด็กรายไหนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการละเลยเรื่องการแนะนำดูแลการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็กในความปกครอง ส่วนทางด้านอัยการผู้ทำคดีนี้ในฐานะตัวแทนของผู้เสียหายได้กล่าวในเชิงเห็นด้วยสนับสนุนผลการวินิจฉัยของศาลว่า "ในสถานการณ์เช่นนี้, เมื่อมีการพาดพิงกล่าวถึงเด็กอย่างเป็นเท็จ และผู้ปกครองของผู้กระทำการได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว, ความรับผิดชอบก็เกิดขึ้นทันที"

ที่มา - Wall Street Journal

Blognone Jobs Premium