ปีนี้ Motorola ฟาก Mobility (ที่ล่าสุดเจ้าของคือ Lenovo) ออกมือถือระดับเรือธงออกมาอย่างน้อยถึง 3 ตัวด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ Droid Turbo ที่ผลิตให้เป็นพิเศษกับ Verizon เครือข่ายโทรศัพท์มือถือของสหรัฐอเมริกา โดยมีสเปคที่ถือว่าจัดเต็มมาอย่างดีไม่ต่างจาก Moto X/Nexus 6 แต่คงสไตล์การออกแบบของสาย Droid เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม (ออกจำหน่ายในละตินอเมริกาในนาม Moto Maxx)
เนื่องจากวันนี้ผมมีโอกาสได้เล่น Droid Turbo คร่าวๆ (ของคุณ octopatr แห่ง DroidSans ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ) เลยมีลองเล่น/พรีวิว มาฝากผู้อ่านทุกท่านครับ สเปคอ่านเอาจากข่าวเก่าครับ พร้อมแล้วก็เริ่มเลยนะครับ
แวบแรกถ้าเป็นคนไม่สังเกตมากนัก จะรู้สึกว่า Droid Turbo นั้นเหมือนกับ Droid Ultra รุ่นก่อน ในเรื่องของหน้าตา (เดี๋ยวมีเทียบครับ) อย่างไรก็ตาม จุดแตกต่างใหญ่ที่เห็นได้ชัดๆ คือลำโพงด้านหน้าที่ซ่อนตัวอยู่ด้านบน ไม่มีออกมาให้เห็นชัดๆ เหมือนรุ่นก่อนหน้า
ปุ่มที่ใช้เป็นปุ่มจริงแบบ capacitive ติดกับกระจกหน้าจอ
ช่องลำโพงด้านบนและกล้องหน้า
ฝาหลังที่เป็น Ballistic Nylon สัมผัสที่ได้เหมือนกับกางเกงยีนส์แข็งๆ หน่อย ซึ่งก็แปลกดี ไม่รู้สึกถึงความยวบยาบหลังเครื่องแต่ประการใด
กล้องหลังพร้อมแฟลชคู่
สัญลักษณ์ประจำตัวเครื่อง (รุ่นนี้มาพร้อมหน่วยความจำ 64 GB)
ด้านข้างขวาของเครื่อง มีปุ่มเปิด/ปิดหน้าจอ และที่ปรับเสียง ซึ่งเหมือนกับ Droid รุ่นที่แล้ว สามารถดึงออกมาได้ กลายเป็นช่องใส่ซิม
ด้านบนมีเพียงช่องเสียบหูฟังเท่านั้น
ด้านล่างเป็นช่องเสียบ Micro USB (ภาพอาจจะไม่ชัด เพราะสีดำทั้งเครื่อง ทำให้เห็นได้ยาก)
ถึงเวลาเปรียบเทียบระหว่าง Droid Turbo และ Droid Ultra เรือธงของปีที่แล้วครับ (Droid Ultra ซ้ายมือ, Droid Turbo ขวามือ)
ในฐานะคนที่ใช้ Droid Ultra พอได้จับเครื่อง Droid Turbo ก็รู้สึกว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้น ตัวเครื่องหนาเหมือน Droid Maxx (Droid Ultra รุ่นหนา ความจุแบตเยอะ) แต่ไม่หนักมากจนเกินไป ยังรู้สึกจับได้สบายอย่างดี กลิ่นอายของความเป็น Droid ยังคงอยู่อย่างเต็มที่ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่วนความหนา แน่นอนว่า Droid Ultra บางกว่า แต่ถ้าถามว่าหนากว่ากันมากไหม ผมอาจจะบอกว่าไม่ได้มากมายขนาดนั้นครับ ถือว่ากำลังดี
เรื่องของซอฟต์แวร์ภายใน Motorola ยังคงแนวทางในการพยายามรักษาให้เป็น stock rom ของ Android ให้มากที่สุด โดยใส่ซอฟต์แวร์และลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ผมคงไม่เขียนถึงในส่วนนี้มากเพราะไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมายจาก Android รุ่นปกติมากแต่อย่างใดครับ
ในภาพรวมถือว่ายังเป็นที่น่าถูกใจในมิติดีไซน์ และการรักษาแนวทางการใช้ stock rom ได้ดี ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้องหาโอกาสในการทดลองใช้และรีวิวกันอีกครั้งหนึ่งครับ