เมื่อวานนี้ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ (ครูหยุย) ตั้งกระทู้ถามประเด็นของกสทช. ที่มีการใช้เงินจำนวนมากในการเดินทางไปต่างประเทศและการตั้งที่ปรึกษา โดยเสนอให้ยุบกสทช. และนำกสท และทีโอทีมารวมกันแล้วทำงานแทน เพราะงานที่เป็นรายได้ของกสทช. นี้เคยเป็นงานของทั้งสองบริษัทมาก่อน
ทางฝั่งรัฐบาลตอบข้อเสนอโดยนายวิษณุ เครืองาม ระบุว่าที่ผ่านมามีสิ่งที่ดำเนินการไปบ้างแล้ว เช่น ประกาศคสช. ระบุให้เงินประมูลต้องส่งเข้ากระทรวงการคลังโดยตรง ขณะที่ตอนนี้กำลังขอให้กสทช. ปรับเปลี่ยนระเบียบการเดินทางไปต่างประเทศ แต่กสทช. มีค่าธรรมเนียมโดยตรงจากรายได้เลขหมายและบริการอื่นๆ 3,000-6,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบโดยตรงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่เสนอยุบกสทช. นั้นจะรับไว้พิจารณาแต่ต้องคิดทั้งระบบ
นายวัลลภจากจากมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ประวัติการทำงานโดยส่วนใหญ่และผลงานเขียนอยู่ในปัญหาเด็กเร่ร่อน
ส่วน กสท และทีโอทีนั้นรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดต่างมีอาการไม่ดีนักทั้งสองบริษัท ทีโอทีลงทุนกับ 3G ของตัวเองไปถึง 16,000 ล้านบาทแต่ได้รายได้ครึ่งปีแรกเพียง 93 ล้านบาท รายได้รวมลดลงอย่างรวดเร็วจากส่วนแบ่งสัมปทานที่ลดลง ขณะที่ กสท โทรคมนาคมนั้นเก้าเดือนแรกมีกำไรเพียง 44 ล้านบาท แม้จะได้รายได้จากการขายส่งความจุให้เรียลมูฟถึง 19,000 ล้านบาท และค่าสัมปทานจากดีแทคถึง 7,500 ล้านบาทก็ตามที กสท เองมีผลงานสำคัญในการพัฒนาการสื่อสารบ้านเราอีกอย่างคือการฟ้องหยุดประมูล 3G ในปี 2010 ที่ได้รับความคุ้มครองชั่วคราวและยกฟ้องในที่สุด
ข้อเสนอการยุบกสทช. แล้วให้ กสท และทีโอทีนำหน้าที่แทนนับเป็นข้อเสนอที่มากกว่าที่ทั้งสองบริษัทเคยเสนอขอทางรอดด้วยการได้คลื่นฟรีเสียอีก โดยตอนนี้จะกลายเป็นได้ค่าธรรมเนียมเลขหมายมาด้วย
ที่มา - โพสต์ทูเดย์